เป็นอีกหนึ่งข่าวดีรับเดือน Pride Month ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต เรียบร้อยแล้ว แต่ก็มีข้อโต้แย้งจากกลุ่ม LGBTQ+ ว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวนั้นยังไม่ครอบคลุมสิทธิประโยชน์หลายๆ ด้านเหมือนคู่รักชายหญิงทั่วไป ต่างจาก พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ที่ทางพรรคก้าวไกลเป็นผู้ผลักดัน ซึ่งมีการรับรองสิทธิของคู่สมรสทุกเพศไว้อย่างเท่าเทียมกันและเสมอภาค มาดูกันว่าทั้ง 2 พ.ร.บ.นี้มีความแตกต่างกันอย่างไร และคู่รัก LGBTQ+ จะได้รับสิทธิอะไรบ้าง

สิทธิของ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม มีดังนี้

  1. สิทธิและหน้าที่ในการหมั้นและรับหมั้น
  2. หน้าที่อุปการะเลี้ยงดูกันและกัน
  3. หน้าที่ในการเป็นผู้อนุบาล/ผู้พิทักษ์ ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนไร้หรือเสมือนไร้ความสามารถ
  4. สิทธิเรียกร้องค่าอุปการะ
  5. สิทธิดำเนินคดีอาญาแทนคู่อีกฝ่าย
  6. สิทธิจัดการทรัพย์สินร่วมกัน
  7. สิทธิการให้และรับมรดก
  8. สิทธิในการเลิกเป็นคู่ (หย่า) โดยเหตุแห่งความยินยอมของอีกฝ่าย
  9. สิทธิรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน
  10. สิทธิในการเซ็นยินยอมรักษาพยาบาล
  11. สิทธิในการจัดการศพอีกฝ่ายที่เสียชีวิต
  12. สิทธิรับสวัสดิการร่วมจากรัฐในฐานะคู่สมรส
  13. สิทธิในการใช้นามสกุลร่วมกับอีกฝ่าย
  14. สิทธิในการเปลี่ยนสัญชาติอีกฝ่ายเป็นสัญชาติไทย
  15. สิทธิในการขอวีซ่าเดินทางในฐานะคู่สมรส

...

สาระสำคัญของ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ประกอบด้วย

  1. การแก้ไขถ้อยคำในหลายมาตราที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติว่า “สามีและภรรยา” เป็น “คู่สมรส”
  2. มีการปรับถ้อยคำจากคำว่า “ชาย” หรือ “หญิง” เป็น “บุคคล” เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการสมรสระหว่างบุคคล
  3. ข้อวิจารณ์หลักที่มีการแสดงความไม่เห็นด้วยต่อร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต คือ การไม่ครอบคลุมการเข้าถึงสวัสดิการ และสิทธิประโยชน์บางประการของคู่ชีวิต เช่น การลดหย่อนภาษีของคู่สมรส
  4. ไอลอว์ ชี้ว่า ร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต กำหนดถ้อยคำที่แยกออกมาเป็น “คู่ชีวิต” ทำให้คู่ชีวิตขาดโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์ที่รัฐได้กำหนดไว้ให้คู่สมรส เช่น การลดหย่อนภาษีของคู่สมรสตามประมวลรัษฎากร

สำหรับ พ.ร.บ.คู่ชีวิต ที่ทาง ครม. มีมติรับร่างพิจารณาไปแล้วเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2565 มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

สิทธิของ พ.ร.บ.คู่ชีวิต มีอะไรบ้าง

  1. หน้าที่ในการอุปการะเลี้ยงดูซึ่งกันและกัน
  2. อำนาจจัดการแทนผู้เสียหายในคดีอาญาเช่นเดียวกับสามีหรือภริยา
  3. สิทธิรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน
  4. สิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม
  5. สิทธิและหน้าที่ในการเป็นผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ หากอีกฝ่ายเป็นคนไร้ หรือเสมือนไร้ความสามารถ
  6. สิทธิเซ็นยินยอมให้รักษาพยาบาลอีกฝ่าย
  7. สิทธิจัดการศพ

สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต มีดังนี้

  1. คู่ชีวิต หมายถึง บุคคลสองคนซึ่งเป็นเพศเดียวกันโดยกำเนิด และได้จดทะเบียนคู่ชีวิตตาม พ.ร.บ.นี้
  2. กำหนดให้ศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเยาวชนและครอบครัว มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตาม พ.ร.บ.นี้
  3. การจดทะเบียนคู่ชีวิตจะทำได้ต่อเมื่อบุคคลทั้งสองฝ่ายยินยอม มีอายุ 17 ปีบริบูรณ์ และทั้งสองมีสัญชาติไทย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสัญชาติไทย รวมทั้งกำหนดบุคคลต้องห้ามไม่ให้จดทะเบียนคู่ชีวิต เช่น ทั้งสองคนเป็นญาติสืบสายโลหิตกัน เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา เป็นต้น
  4. กรณีที่ผู้เยาว์จะจดทะเบียนคู่ชีวิต ต้องได้รับความยินยอมของบิดา มารดา ผู้รับบุตรบุญธรรม ผู้ปกครอง หรือศาล และเมื่อจดทะเบียนคู่ชีวิตแล้วผู้เยาว์ย่อมบรรลุนิติภาวะ
  5. กำหนดบทบัญญัติเพื่อรองรับลักษณะความสัมพันธ์ของคู่ชีวิต เช่น ต้องอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวและช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันตามความสามารถและฐานะของตน
  6. คู่ชีวิตมีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายเช่นเดียวกับสามีหรือภริยา และมีอำนาจดำเนินคดีต่างผู้ตายต่อไปเช่นเดียวกับสามีหรือภริยา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป. วิ อาญา)
  7. ทรัพย์สินระหว่างคู่ชีวิต แบ่งเป็นสินส่วนตัวและทรัพย์สินร่วมกัน
  8. การสิ้นสุดการเป็นคู่ชีวิต คู่ชีวิตย่อมสิ้นสุดลงด้วยความตาย ศาลพิพากษาให้เพิกถอน หรือการเลิกการเป็นคู่ชีวิต รวมทั้งกำหนดเหตุฟ้องเลิกการเป็นคู่ชีวิต เช่น คู่ชีวิตฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอุปการะเลี้ยงดู หรือยกย่องผู้อื่นฉันคู่ชีวิต ประพฤติชั่ว ทำร้าย ทรมานร่างกายหรือจิตใจ จงใจละทิ้งอีกฝ่ายหนึ่งไปเกิน 1 ปี
  9. บุตรบุญธรรม เมื่อคู่ชีวิตได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขใน พ.ร.บ.นี้ และ ป.พ.พ. แล้ว สามารถรับบุตรบุญธรรมได้ รวมทั้งคู่ชีวิตฝ่ายหนึ่งจะจดทะเบียนรับผู้เยาว์ ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของคู่ชีวิตอีกฝ่ายหนึ่งมาเป็นบุตรบุญธรรมของตนด้วยก็ได้
  10. เมื่อคู่ชีวิตฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย ให้คู่ชีวิตอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับคู่สมรสตามบทบัญญัติใน ป.พ.พ. ว่าด้วยมรดก
  11. กำหนดให้นำบทบัญญัติใน ป.พ.พ. ว่าด้วยคู่สมรส ครอบครัว และบุตรบุญธรรม มาใช้บังคับแก่คู่ชีวิตด้วยโดยอนุโลมในบางกรณี

...

ดังนั้นเมื่อพิจารณาตามสิทธิและหน้าที่ของทั้ง 2 พ.ร.บ. แล้วจะพบว่า พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม มอบสิทธิและเสรีภาพในการสมรสและใช้ชีวิตคู่แก่คู่รัก LGBTQ+ หรือกลุ่มคนหลากหลายทางเพศได้เสมอภาคไม่ต่างจากการสมรสของคู่รักชายหญิงทั่วไปมากกว่า พ.ร.บ.คู่ชีวิต

ล่าสุด (14 มิ.ย. 2565) วิปรัฐบาลมีมติคว่ำร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ของพรรคก้าวไกล โดยส่งสัญญาณรับเเค่ร่างของรัฐบาลคือ พ.ร.บ.คู่ชีวิตเท่านั้น โดยอ้างว่าร่างของรัฐบาลตอบโจทย์กลุ่มหลากหลายทางเพศมากกว่าข้อเรียกร้อง ส่งผลให้แฮชแท็ก #สมรสเท่าเทียม ขึ้นติดเทรนด์ในโลกโซเชียล และสร้างคำถามให้กับประชาชนจำนวนมากที่ไม่พอใจกับมติในครั้งนี้

นอกจากประเทศไทยแล้ว ที่ผ่านมาประเด็นของการผลักดันกฎหมายการสมรสของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ มีการเรียกร้องในหลายๆ ประเทศทั่วโลก จากข้อมูลของ Rocket Media Lab เผยว่า ปัจจุบันมีประเทศและดินแดนที่มีกฎหมายรับรองการแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกันทั้งหมด 51 ประเทศ/ดินแดน แต่หากพิจารณาเฉพาะประเทศหลักๆ จะพบว่ามีเพียง 31 ประเทศเท่านั้น โดยประเทศล่าสุดคือ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 กรกฎาคม 2022.

อ้างอิงข้อมูล: iLaw, Rocket Media Lab