แม้ว่าตอนนี้ในไทยจะมีจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิดครบแล้วมากถึง 72.9% (ข้อมูลจาก Our World Data อัปเดตวันที่ 24 เม.ย. 65) แต่ก็ยังมีกลุ่มผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงจึงไม่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีนได้ ล่าสุดทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้เตรียมนำเข้าเทคโนโลยี LAAB (Long-acting antibody) หรือภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป เพื่อนำมาใช้กับผู้ป่วยกลุ่มนี้แล้ว

เทคโนโลยี LAAB (Long-acting antibody) คืออะไร

LAAB (Long-acting antibody) หรือภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป เป็นยาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว ขึ้นทะเบียนยาโดยบริษัท AstraZeneca ประเทศอังกฤษ เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งคิดค้นมาเพื่อรองรับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงสูงที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ทำหน้าที่เสมือนวัคซีนฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป ที่เมื่อฉีดแล้วจะค่อยๆ มีการสร้างภูมิคุ้มกัน แต่สำหรับเทคโนโลยีใหม่นี้ เมื่อฉีดแล้วจะมีภูมิคุ้มกันขึ้นมาทันที จึงเหมาะสำหรับฉีดในกลุ่มเสี่ยงสูงที่ไม่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ด้วยวัคซีน เช่น คนที่มีโรคประจำตัว มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือให้ก่อนการสัมผัสโรคโควิดก็ได้

นอกจากนี้ยังเป็นยาแอนติบอดีชนิดเดียวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้นำมาใช้ในภาวะฉุกเฉินในสหรัฐอเมริกา สำหรับการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด โดยข้อมูลจากการศึกษาระยะที่ 3 พบว่าจำนวนหนึ่งโดส สามารถให้การป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยาวนานในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง

รายละเอียดในเอกสารกำกับยา

  • ผ่านการรับรองใช้แบบฉุกเฉิน EUA โดย อย.สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564
  • กลุ่มเป้าหมายคือผู้มีความเสี่ยงที่ภูมิคุ้มกันต่ำ โดยให้ก่อนการสัมผัสโรค สำหรับเชื้อไวรัสโควิด
  • ขนาดการใช้ ฉีดเข้ากล้ามทุก 6 เดือน ภูมิต้านทานสามารถป้องกันโควิดได้ 6-12 เดือนต่อการให้ 1 ครั้ง
  • ประสิทธิผล ร้อยละ 83 ในการลดความเสี่ยงของอาการรุนแรงของโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ BA.1 BA.2 และ BA.1.1
  • กระบวนการจัดหา ทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้หารืออัยการสูงสุด แนะนำให้ปรับสัญญากับบริษัท AstraZeneca โดยเปลี่ยนวัคซีน AstraZeneca บางส่วน
  • อยู่ในกรอบวงเงินงบประมาณเดิมที่ ครม.อนุมัติ จึงไม่ต้องเสียงบประมาณเพิ่ม

...

จำนวนผู้ป่วยภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำในไทย

ปัจจุบันทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้คาดการณ์ว่าประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำประมาณ 500,000 ราย โดยแบ่งตามโรคดังนี้

  • ผู้ป่วยมะเร็ง ที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัดและฉายแสง จำนวนประมาณ 200,000 ราย
  • ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ที่รักษาด้วยการบำบัดแทนไต จำนวนประมาณ 200,000 ราย
  • ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบและภูมิแพ้ตัวเอง ที่ต้องรักษาด้วยการใช้ยากดภูมิ จำนวนประมาณ 10,000 ราย
  • ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ ที่ต้องได้รับยากดภูมิขนาดสูง จำนวนประมาณ 10,000 ราย
  • ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันต่ำอื่นๆ เช่น ผู้ป่วย HIV ที่มีเม็ดเลือดขาว CD4 ต่ำ ผู้ที่ได้รับยากดภูมิจากโรคอื่นๆ จำนวนประมาณ 80,000 ราย

ภาพกราฟิกโดย Sathit Chuephanngam
ภาพกราฟิกโดย Sathit Chuephanngam

ข้อบ่งชี้ในการใช้ LAAB (Long-acting antibody)

  • ไม่ได้นำมาใช้ทดแทนวัคซีนป้องกันโควิด คนทั่วไปยังได้รับ Active Immunization ด้วยวัคซีนตามแนวทางคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข
  • ไม่ได้นำมาใช้เพื่อการรักษา แต่เพื่อใช้ป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตในกลุ่มเสี่ยงเฉพาะ
  • ดำเนินการฉีดวัคซีน ต้องฉีดที่สถานพยาบาล ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์เจ้าของไข้

ทั้งนี้ ทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กำลังเร่งจัดหา LAAB (Long-acting antibody) หรือภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป มาใช้กับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงสูง เพื่อให้ทันต่อการแพร่ระบาดของโควิดโอมิครอน และก่อนที่จะมีการกลายพันธุ์ใหม่ของเชื้อไวรัส