หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ได้มีมติให้ปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ ค่า FT (Float time) เพื่อเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2565 ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 4.00 บาทต่อหน่วย จึงทำให้ประชาชนต้องเตรียมรับมือกับค่าไฟที่จะเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งหาวิธีประหยัดไฟไปพร้อมกัน

โดยหน่วยของกำลังไฟมาจาก “กิโลวัตต์” ซึ่งเป็นหน่วยวัดของพลังงานไฟฟ้า สังเกตได้จากคู่มือหรือป้ายระบุของเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้นๆ เช่น 1 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เท่ากับ 1,000 วัตต์ หรือ 1 หน่วยตามใบเรียกเก็บค่าไฟฟ้า และยิ่งมีจำนวนวัตต์มากก็จะยิ่งเปลืองไฟมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องทำอุณหภูมิร้อนหรือเย็น จะยิ่งใช้กำลังไฟ (วัตต์) สูงขึ้น ทำให้กินไฟมากขึ้น ทีนี้มาดูกันว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านอันไหนใช้ไฟเยอะสุดจนทำให้ค่า FT พุ่งได้บ้าง

กำลังไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านแต่ละชนิด พร้อมวิธีประหยัดไฟ

เครื่องทำน้ำอุ่น ใช้กำลังไฟฟ้า 2,500-12,000 วัตต์

  1. ควรเลือกซื้อเครื่องที่มีขนาดเหมาะสม พร้อมต่อสายดินให้เรียบร้อยและทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
  2. ปรับอุณหภูมิให้พอดี อย่าให้ร้อนมากเกินไป
  3. ปิดก๊อก ปิดวาล์ว และปิดสวิตช์ทุกครั้งหลังใช้เสร็จ
  4. เมื่อพบรอยรั่วให้รีบแก้ไข
  5. ลดการใช้น้ำอุ่นแบบไม่จำเป็นในฤดูร้อน

เครื่องปรับอากาศ ใช้กำลังไฟฟ้า 1,200-3,300 วัตต์

  1. ควรปิดเครื่องทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน
  2. ไม่ควรตั้งอุณหภูมิต่ำกว่า 26 องศาเซลเซียส หากรู้สึกร้อนให้เปิดพัดลมช่วย
  3. เลือกใช้เครื่องขนาดเหมาะสมกับขนาดห้อง
  4. ควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง
  5. บำรุงรักษาเครื่องให้มีสภาพดีตลอดเวลา
  6. หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศและแผงระบายความร้อน
  7. ถ้าอากาศไม่ร้อนมากเกินไป ไม่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศ
  8. ปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิดไม่ให้ความเย็นรั่วไหล
  9. ควรใช้ผ้าม่านกั้นประตูหน้าต่าง เพื่อป้องกันความร้อนจากภายนอก
  10. ปฏิบัติตามคำแนะนำที่แนบมากับเครื่องปรับอากาศ

...

เครื่องซักผ้าแบบมีเครื่องอบ ใช้กำลังไฟฟ้า 3,000 วัตต์

  1. ควรใส่ผ้าแต่พอเหมาะ ไม่น้อยหรือมากจนเกินกำลังเครื่อง
  2. หากมีผ้าต้องซักแค่ 1-2 ชิ้น ควรซักด้วยมือ 
  3. ควรใช้น้ำเย็นซักผ้า ส่วนน้ำร้อนให้ใช้เฉพาะกรณีรอยเปื้อนไขมันมากๆ
  4. หากมีแสงแดดจัดหรือพอเหมาะควรนำเสื้อมาตากแดดแทนการอบผ้า

เตารีดไฟฟ้า ใช้กำลังไฟฟ้า 700-2,000 วัตต์

  1. อย่าพรมน้ำจนมากเกินไปเพราะจะทำให้ใช้กำลังไฟมากขึ้น
  2. ตั้งปุ่มปรับความร้อนให้เหมาะสมกับชนิดของผ้า
  3. ควรเริ่มจากรีดผ้าบางๆ ก่อน ขณะเตารีดยังไม่ร้อน
  4. ควรรีดผ้าคราวละมากๆ ติดต่อกันจนเสร็จ
  5. ควรซักและตากผ้าโดยไม่ต้องบิดเพราะทำให้รีดง่ายขึ้น
  6. ควรดึงปลั๊กออกก่อนรีดเสร็จเพราะเตารีดยังร้อนอีกนาน
  7. ถอดปลั๊กออกเมื่อไม่ได้ใช้

หม้อหุงข้าว ใช้กำลังไฟฟ้า 450-1,500 วัตต์

  1. ควรหุงข้าวให้พอดีกับจำนวนผู้รับประทาน
  2. อย่าทำให้ก้นหม้อตัวในเกิดรอยบุบ เพราะทำให้ข้าวสุกช้า
  3. หมั่นตรวจบริเวณแท่นความร้อนในหม้อ อย่าให้เม็ดข้าวเกาะติด เพราะทำให้ข่าวสุกช้าและเปลืองไฟ
  4. ใช้ขนาดที่เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในครอบครัว
  5. ควรปิดฝาให้สนิทขณะหุงข้าว
  6. ควรถอดปลั๊กทุกครั้งออกเมื่อข้าวสุกแล้ว
ภาพกราฟิกโดย Sathit Chuephanngam
ภาพกราฟิกโดย Sathit Chuephanngam

เตาหุงต้มไฟฟ้า ใช้กำลังไฟฟ้า 200-1,500 วัตต์

  1. ดูแลรักษาตัวเครื่องและปลั๊กไฟให้อยู่ในสภาพดี
  2. ควรเตรียมเครื่องปรุงในการประกอบอาหารให้พร้อมก่อนใช้เตา
  3. ควรใช้ภาชนะก้นแบนและเป็นโลหะจะทำให้รับความร้อนจากเตาได้ดี
  4. ใช้กำลังไฟให้เหมาะสมกับการปรุงอาหาร เช่น การเคี่ยวควรตั้งไฟระดับต่ำพร้อมปิดฝาหม้อเพราะต้องใช้เวลานาน หากต้องการอุ่นอาหารควรละลายน้ำแข็งก่อนเพื่อให้ใช้กำลังไฟน้อยลงและสุกเร็วขึ้น
  5. ปิดไฟและถอดปลั๊กทันทีเมื่อใช้งานเสร็จ

เครื่องดูดฝุ่น ใช้กำลังไฟ 750-1,200 วัตต์

  1. เมื่อใช้เสร็จแล้วควรทิ้งฝุ่นที่อยู่ในถุงเก็บฝุ่นทุกครั้งเพื่อให้การใช้งานครั้งต่อไปทำให้เครื่องมีแรงดูดดีและไม่เปลืองไฟ
  2. ถอดปลั๊กทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ

เครื่องเป่าผม ใช้กำลังไฟฟ้า 100-1,000 วัตต์

  1. ควรเช็ดผมให้เปียกหมาดๆ ก่อนค่อยใช้เครื่องเป่าผมเพื่อลดระยะเวลาในการใช้
  2. ควรขยี้และสางผมไปด้วยเพื่อให้ผมแห้งไวขึ้น
  3. ช่วงแรกเป่าโดยใช้ความร้อนระดับกลางถึงสูง เมื่อผมใกล้แห้งดีแล้วให้เปลี่ยนมาใช้โหมดเป่าลมเย็นเพื่อช่วยจัดทรงและประหยัดไฟมากขึ้น

เตาไมโครเวฟ ใช้กำลังไฟฟ้า 100-1,000 วัตต์

  1. ควรเช็กการทำงานของเครื่องและปลั๊กไฟให้อยู่ในสภาพดี
  2. กำหนดเวลาและตั้งความร้อนให้เหมาะสมกับประเภทของอาหาร
  3. เลือกใช้ภาชนะที่เหมาะสมกับเตาไมโครเวฟ
  4. หมั่นทำความสะอาดเตาไมโครเวฟบ่อยๆ

ตู้เย็น ใช้กำลังไฟฟ้า 70-145 วัตต์

  1. ไม่นำของร้อนจัดใส่ตู้เย็นเพราะจะทำให้กินไฟมากขึ้น
  2. ไม่เปิดปิดประตูตู้เย็นบ่อยๆ
  3. หากขอบยางประตูชำรุดควรรีบเปลี่ยน
  4. เลือกใช้ตู้เย็นที่มีขนาดเหมาะสมกับครอบครัว
  5. ควรตั้งตู้เย็นให้ห่างจากแหล่งความร้อน
  6. ให้หลังตู้เย็นห่างจากฝาผนังเกิน 15 ซม. เพื่อระบายความร้อนได้สะดวก
  7. ควรเก็บเฉพาะอาหารเท่าที่จำเป็น
  8. หมั่นละลายน้ำแข็งเมื่อเห็นว่าน้ำแข็งเกาะหนามากเกินไป
  9. ตู้เย็นแบบประตูเดียวกินไฟน้อยกว่าแบบ 2 ประตู

...

พัดลมตั้งพื้น ใช้กำลังไฟฟ้า 20-75 วัตต์

  1. ใช้ความเร็วลมในระดับที่พอควร
  2. เปิดเฉพาะเวลาใช้งาน
  3. ไม่ควรเปิดทิ้งไว้ข้ามวันข้ามคืนเพราะจะทำให้เครื่องร้อนเกินไปและเกิดอันตรายได้
  4. ควรเปิดพัดลมพร้อมประตู หน้าต่าง เพื่อช่วยระบายความร้อน
  5. ถอดปลั๊กทุกครั้งเมื่อใช้งานเสร็จ

หลอดไฟแสงสว่าง ใช้กำลังไฟฟ้า 18-40 วัตต์

  1. ควรปิดไฟทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน
  2. เลือกใช้หลอดไฟที่มีกำลังวัตต์เหมาะสมกับการใช้งาน สำหรับบริเวณที่ต้องการความสว่างมาก เช่น ภายในอาคารควรเลือกใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ ส่วนภายนอกอาคารควรเลือกใช้หลอดไอโซเดียม และหลอดไอปรอท
  3. หากต้องการแสงสว่างเพียงจุดเดียวควรเลือกโคมไฟตั้งโต๊ะแทน
  4. ควรใช้หลอดไฟ LED แทนหลอดไฟแบบฟลูออเรสเซนต์ และหลอดไส้ เพราะใช้พลังงานต่ำแต่ให้แสงสว่างในปริมาณที่เท่ากัน

แม้ว่าค่าไฟจะขึ้น ค่า FT จะพุ่ง แต่เราก็ยังจำเป็นต้องใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ในชีวิตประจำวันกันอยู่ดี โดยเฉพาะช่วงที่ต้องทำงานที่บ้านเป็นหลักทำให้ใช้ไฟมากเป็นพิเศษ ซึ่งเทคนิคต่างๆ เหล่านี้ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยประหยัดไฟได้ด้วยเช่นกัน และยังช่วยลดโลกร้อนไปพร้อมกันได้ด้วย

อ้างอิงข้อมูล: การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA), การไฟฟ้านครหลวง