หลังใช้งานรถยนต์คู่ใจกันมาครบปี จังหวะนี้อาจเป็นช่วงเวลาที่หลายคนกำลังวางแผนที่จะเช็กสภาพรถคันโปรดกันสักหน่อย เพื่อให้พร้อมสำหรับการใช้งานตลอดทั้งปีหน้า โดยนอกเหนือไปจากอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราเช็กกันเป็นประจำอยู่แล้วเช่น แบตเตอรี่ หัวเทียน น้ำมันเครื่อง ดอกยาง ผ้าเบรก หรืออื่นๆ อีกมากมาย ยังมีอุปกรณ์อีกตัวหนึ่งที่หลายคนมักมองข้าม แต่มีความสำคัญไม่น้อยในด้านความปลอดภัยระหว่างขับขี่ นั่นก็คือ “ใบปัดน้ำฝน” บทความนี้จึงอยากพาทุกคนไปเช็กความพร้อมของเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้กัน ว่าถึงเวลาเปลี่ยนแล้วหรือยัง และหากต้องการเปลี่ยนควรจะเลือกซื้ออย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด
“ใบปัดน้ำฝน” ดูแลอย่างไรให้พร้อมใช้งานอย่างปลอดภัย
แม้จะเป็นอุปกรณ์ที่ดูเหมือนไม่สำคัญมากนัก แต่ใบปัดน้ำฝนเองก็ต้องการการใส่ใจดูแลไม่ต่างจากอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งการตรวจเช็กสภาพใบปัดน้ำฝนให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพอยู่เสมอ จะมีส่วนช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมากระหว่างการขับขี่ในสภาพอากาศที่ย่ำแย่ โดยเฉลี่ยแล้วอายุการใช้งานของใบปัดน้ำฝนจะอยู่ที่ 1 ปี อย่างไรก็ตามควรหมั่นตรวจเช็กความเรียบร้อยทุกๆ 6 เดือน ซึ่งเราสามารถดูแลอุปกรณ์ชิ้นนี้ได้ง่ายๆ ดังนี้
- ทำความสะอาดเป็นประจำด้วยการยกก้านขึ้นแล้วใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดตามแนวยาว เพื่อเป็นการป้องกันการสะสมของคราบสกปรก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้กระจกเสียหาย หรือทำให้ใบปัดเสื่อมไวกว่าปกติ และควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาใดๆ เช็ด เพราะอาจทำให้ยางเสื่อมสภาพ
- ไม่ควรยกก้านใบปัดทิ้งไว้กลางแจ้ง เพราะแสงแดดอาจทำให้ยาง ก้าน และสปริงเสียหาย
- หมั่นฉีดน้ำทำความสะอาดกระจกและใช้งานก้านปัดน้ำฝนเป็นประจำ เพื่อคงคุณภาพของยาง รวมไปถึงช่วยลดความเสี่ยงอุบัติเหตุ
สังเกตอย่างไร หากใบปัดน้ำฝนจำเป็นต้องเปลี่ยนอันใหม่?
ดังที่กล่าวไว้ว่าใบปัดน้ำฝนจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยที่ประมาณ 1 ปี แต่ก็อาจมีเหตุที่ทำให้อุปกรณ์เสื่อมได้ก่อนกำหนด ซึ่งเราสามารถเช็กได้ว่าถึงเวลาเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนแล้วหรือยัง โดยการสังเกตว่า
- ใบปัดไม่สามารถรีดน้ำหรือสิ่งสกปรกได้ดีเหมือนเคย ขณะใช้งานมีเสียงที่เกิดระหว่างปัด
- ลองสัมผัสที่ยางปัด หากมีลักษณะแข็งและแห้งกรอบ ควรรีบเปลี่ยนทันที
- หลังใช้งานมีคราบต่างๆ ติดที่กระจก แสดงถึงการไม่แน่นสนิทของอุปกรณ์ หรือความเสื่อมของยางปัด
หากมีสัญญาณข้างต้น แสดงว่าถึงเวลาที่คุณอาจจะต้องมองหาที่ปัดน้ำฝนอันใหม่แล้ว ซึ่งในท้องตลาดจะมีใบปัดน้ำฝนวางจำหน่ายอยู่ 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ ใบปัดน้ำฝนแบบมีโครงเหล็ก (Conventional Wiper Blade), ใบปัดน้ำฝนแบบซ่อนแขนใบปัด (Semi Concealed Wiper Blade) และใบปัดน้ำฝนแบบไร้โครงเหล็ก (Flat Blade) ซึ่งในปัจจุบันใบปัดน้ำฝนแบบไร้โครงเหล็ก(Flat Blade) จะเป็นที่นิยมเนื่องจากได้รับการพัฒนาจนมีประสิทธิภาพสูง มีการออกแบบให้น้ำหนักกระจายไปทั่วทั้งใบช่วยให้ปาดน้ำได้ดีขึ้น และด้วยการที่ไม่มีโครง ทำให้ลดพื้นที่ที่จะรับแรงต้านทานอากาศ ช่วยให้ปัดน้ำฝนขณะขับขี่ด้วยความเร็วได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ “ใบปัดน้ำฝนไร้โครงจากบ๊อช รุ่น Aerotwin” ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นพิเศษ มีจุดเด่นรอบด้านไม่ว่าจะเป็น
- วัสดุที่ทำจากยางเทคโนโลยี Power Protection Plus ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรโดยบ๊อช เป็นเทคโนโลยีการเคลือบยางที่จะช่วยให้การปัดสมบูรณ์มากขึ้น เงียบมากขึ้น และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าเดิม
- ตัวอุปกรณ์ทุกชิ้นมีความแข็งแรงทนทาน พร้อมใช้งานในทุกสภาวะอากาศ
- รูปลักษณ์ดูดี โดดเด่น ด้วยการออกแบบที่ประณีตพิถีพิถัน
- สามารถติดตั้งได้ง่าย ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก๋า และยังรองรับการใช้งานทั้งรถยุโรปและรถญี่ปุ่น
สำหรับผู้ที่สนใจ “ใบปัดน้ำฝนไร้โครงจากบ๊อช รุ่น Aerotwin” สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้เลยตอนนี้ ที่: https://bit.ly/3ypxGNd
นอกจากนี้หากใครที่อยากได้อุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อนำไปดูแลรถคันโปรดแบบครบๆ ในคราวเดียว ทางด้านบ๊อช ก็มีอะไหล่รถยนต์คุณภาพสูงให้บริการแบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ แตร หัวเทียน น้ำมันเครื่อง ผ้าเบรก และอื่นๆ สามารถมองหาได้เลยที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์บ๊อชทั่วประเทศ