ฝนดาวตกเจมินิดส์ 2564 หรือ ฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ จะเป็นปรากฏการณ์ฝนดาวตกครั้งสุดท้ายของปี 2564 และไม่ควรพลาด เพราะมีโอกาสเห็นจำนวนมากที่สุดของปีนี้ ซึ่งอาจถึง 150 ดวงต่อชั่วโมง มากสุดของปรากฏการณ์ 7 ครั้งที่ผ่านมา เวลานัดหมายคือคืนวันจันทร์ที่ 13 ธันวาคมนี้ ต่อกับรุ่งเช้าวันอังคารที่ 14 ธันวาคมนี้

ทำไมถึงไม่ควรพลาดชม ฝนดาวตกเจมินิดส์ หรือ ฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ปีนี้ เพราะถ้าย้อนกลับไปดูตลอดทั้งปี 2564 นั้น ปรากฏการณ์ฝนดาวตกได้เกิดขึ้นมาแล้ว 7 ครั้ง และแต่ละครั้งจะมีเวลาประมาณ 10-15 วัน แต่จะมีช่วงที่ตกจำนวนสูงสุดประมาณ 1 คืน ซึ่งแต่ละครั้งจำนวนการตกของฝนดาวตกอยู่ในหลักสิบดวงเท่านั้น

ข้อมูลจากสมาคมดาราศาสตร์ไทย ที่จัดทำปฏิทินปรากฏการณ์ฝนดาวตกปี 2564 ไว้ โดยระบุถึงอัตราการตกของฝนดาวตกที่เห็นในไทย สรุปปรากฏการณ์แต่ละครั้งไว้ดังนี้

เริ่มตั้งแต่วันที่ 3-4 มกราคม เป็นฝนดาวตกควอดแดรนต์ (Quadrantids : QUA) มีจุดกระจายอยู่บริเวณตรงกลางระหว่างกลุ่มดาวเฮอร์คิวลีส คนเลี้ยงสัตว์ และมังกร ใกล้ปลายหางของกลุ่มดาวหมีใหญ่ หรือดาวจระเข้อัตราตกสูงสุดในไทยที่เห็นคือ 5 ดวงต่อชั่วโมง เพราะละติจูดประเทศไทย เห็นจุดกระจายอยู่สูงจากขอบฟ้าไม่มาก

ต่อมาวันที่ 22-23 เมษายน เป็นฝนดาวตกพิณ (Lyrids : LYR) เกิดจากดาวหางแทตเชอร์ (C/1861 G1 Thatcher) เป็นดาวหางที่มีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ยาวนานถึง 415 ปี อัตราตกสูงสุด 15 ดวงต่อชั่วโมง

วันที่ 5-6-7 พฤษภาคม ฝนดาวตกอีตาคนแบกหม้อน้ำ (Eta Aquariids : ETA) ที่มีจุดกระจายอยู่ใกล้ดาวอีตา ในกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ เกิดจากดาวหางแฮลลีย์ (1P/Halley) อัตราตกสูงสุด 25 ดวงต่อชั่วโมง

...

วันที่ 30-31 กรกฎาคม ฝนดาวตกคนแบกหม้อน้ำใต้ (Southern Delta-Aquariids : SDA) อัตราการตก 15 ดวงต่อชั่วโมง

วันที่ 12-13 สิงหาคม ฝนดาวตกเพอร์ซิอัส (Perseids : PER) หรือฝนดาวตกวันแม่ สะเก็ดดาวมาจากดาวหางสวิฟต์-ทัตเทิล (109P/Swift-Tuttle) ซึ่งมีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ยาวนาน 130 ปี
อัตราการตก 75 ดวงต่อชั่วโมง

วันที่ 19-20-21 ตุลาคม ฝนดาวตกนายพราน (Orionids : ORI) เกิดจากดาวหางแฮลลีย์ จุดกระจายฝนดาวตกอยู่ไม่ไกลจากดาวเบเทลจุส อัตราการตก 10 ดวงต่อชั่วโมง

วันที่ 16-17-18 พฤจิกายน ฝนดาวกตกสิงโต (Leonids : LEO) สะเก็ดดาวที่ทำให้เกิดฝนดาวตกกลุ่มนี้มาจากดาวหางเทมเพล-ทัตเทิล (55P/Tempel-Tuttle) ซึ่งมีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 33 ปี และจุดกระจายของฝนดาวตกสิงโตอยู่บริเวณหัวของสิงโต อัตรการตก 15 ดวงต่อชั่วโมง

วันที่ 13-14 ธันวาคม ฝนดาวตกคนคู่ หรือ ฝนดาวตกเจมินิดส์ (Geminids : GEM) อัตราการตก 90 ดวงต่อชั่วโมง

ที่มาภาพ : iStock 2562
ที่มาภาพ : iStock 2562

แล้ว ฝนดาวตกเจมินิดส์ คืออะไร มีข้อมูลจากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) อธิบายไว้ว่า ฝนดาวตกเจมินิดส์ เกิดจากการที่โลกเคลื่อนที่เข้าตัดกับสายธารของเศษหิน และเศษฝุ่นขนาดน้อยใหญ่ที่ดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟธอน (3200 Phaethon) ทิ้งไว้ขณะเคลื่อนผ่านเข้ามาในระบบสุริยะชั้นใน

เมื่อโลกโคจรผ่านเส้นทางสายธารของเศษหิน และเศษฝุ่นดังกล่าว แรงดึงดูดของโลกจะดึงฝุ่นและหินเข้ามาเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศโลก และเกิดเป็นลำแสงวาบ หรือในบางครั้งเกิดเป็นลูกไฟขนาดใหญ่เรียกว่า (Fireball)


สำหรับเวลาการดูปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ในปีนี้นั้น นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ ให้ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของ สดร. สรุปได้ว่า กลุ่มดาวคนคู่จะปรากฏขึ้นจากขอบฟ้าเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 13 ธันวาคม 2564 ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แต่แนะนำให้ชมหลังดวงจันทร์ลับขอบฟ้าแล้ว คือเวลาประมาณตีสอง ต่อเนื่องถึงรุ่งเช้าวันที่ 14 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป เพราะเวลาก่อนหน้านั้นจะมีแสงรบกวนจากดวงจันทร์ข้างขึ้น 10 ค่ำในช่วงแรกของปรากฏการณ์ฝนดาวตก สำหรับ อัตราการตกของฝนดาวตกเจมินิดส์ สูงสุดประมาณ 150 ดวงต่อชั่วโมง


ส่วนสถานที่ชมฝนดาวตกควรเลือกสถานที่มืดสนิท ไม่มีแสงไฟรบกวน และสามารถมองเห็นได้รอบทิศ ควรนอนชมด้วยตาเปล่า เนื่องจากฝนดาวตกกระจายทั่วท้องฟ้า โดยปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ มักเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 4-17 ธันวาคมของทุกปี