โชว์ป๋าใจปํ้าสุดๆ เมื่อเจ้าพ่อแอมะซอน “เจฟฟ์ เบซอส” ผู้ก่อตั้งบริษัทสำรวจอวกาศ “บลู ออริจิน” ประกาศให้เงิน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สนับสนุนองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซา (NASA) เพื่อขอให้เปลี่ยนใจมาเลือกบริษัทของเขาไปทำภารกิจสำรวจบนดวงจันทร์ในปี 2024 คู่ขนานไปกับที่นาซาทำสัญญาไว้กับ “สเปซเอ็กซ์” (SpaceX) ของ “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีคู่แข่งคนสำคัญ ซึ่งแสดงความกระหายอยากพิชิตอวกาศ และบุกเบิกธุรกิจท่องอวกาศด้วยยานเอกชน
ความพยายามดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจพิชิตฝันขึ้นสู่ห้วงอวกาศ สร้างประวัติศาสตร์เดินทางไปยังสุดขอบโลกด้วยจรวดของตัวเองได้สำเร็จเป็นคนที่สองของโลก ทันทีที่ประกาศเออร์ลี่รีไทร์วางมือจากแอมะซอน เมื่อต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อมุ่งทำธุรกิจสำรวจอวกาศเอกชน “บลู ออริจิน”, ทำงานการกุศล และไล่ล่าความฝันในวัยเยาว์

เรียกว่าเป็นเกมคมเฉือนคมระหว่างมหาเศรษฐีโลก เพราะเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา “อีลอน มัสก์” เพิ่งชนะใจนาซาคว้าพุงปลาไปกิน ได้รับ เลือกให้ใช้ “สเปซเอ็กซ์” ทำภารกิจสำรวจบนดวงจันทร์ในปี 2024 ของทางการสหรัฐฯ ด้วยมูลค่าสัญญา 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ “บลู ออริจิน” ของเจ้าพ่อแอมะซอน ก็ยื่นข้อเสนอไปด้วย แต่ถูกปฏิเสธในที่สุด
...
การดิ้นเฮือกใหญ่เพื่อเปลี่ยนใจนาซา ถือเป็นความพยายามอีกครั้งของ “เบซอส” เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบกลับคืนมา โดยทาง “บลู ออริจิน” ได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ (GAO) เพื่อตรวจสอบและสืบสวนถึงเงื่อนไขอันไม่เป็นธรรม โดยเจ้าพ่อแอมะซอนเชื่อว่า นาซาได้ปรับเงื่อนไขอย่างไม่เป็นธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ “สเปซเอ็กซ์” เป็นผู้ชนะโครงการดังกล่าว ซึ่งการตัดสินใจของนาซาได้ทำลายโอกาสทางธุรกิจของ “บลู ออริจิน”

ถึงขนาดตัดสินใจเออร์ลี่ รีไทร์วางมือจากแอมะซอน ขณะอายุ 57 ปี เพราะ “เบซอส” ขัดอกขัดใจเต็มทีที่ธุรกิจสำรวจอวกาศของ “บลู ออริจิน” คืบหน้าช้ากว่าที่หมายมั่นปั้นมือไว้ ทั้งๆที่เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2000 ก่อนคู่แข่ง “สเปซเอ็กซ์” ด้วยซ้ำ แถมทุ่มเงินไปหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อบุกเบิกอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอวกาศ โดยความฝันสูงสุดของเขาคือ การสร้างอาณานิคมใหม่ในอวกาศ ขณะเดียวกัน เจ้าพ่อแอมะซอนก็เสนอแนะให้ย้ายอุตสาหกรรมร้ายที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมออกนอกโลกให้หมด เพื่อคืนโลกสีเขียวให้กับมวลมนุษยชาติ

แฟนๆของ “เบซอส” คงจะทราบกันดีว่า เขาสนใจอวกาศ และใฝ่ฝันอยากใส่ชุดนักบินอวกาศมาตั้งแต่เด็ก โดยจุดประกายจากการชมการถ่ายทอดสดยานอพอลโลลงจอดบนดวงจันทร์ เมื่อปี 1969 เขาเคยพูดหลายครั้งถึงความเป็นไปได้ในการสร้างอาณานิคมใหม่ตั้งถิ่นฐานในอวกาศของมนุษย์ เมื่อคนอย่าง “เบซอส” ปักใจเชื่ออะไรแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะฉุดรั้งเขาไว้ได้!!

...
แม้จะโดนเพื่อนมหาเศรษฐีสุดซ่าส์สัญชาติอังกฤษ “คุณปู่ริชาร์ด แบรนสัน” เจ้าของธุรกิจท่องอวกาศ “เวอร์จิน กาแลคติก” คู่แข่งรายสำคัญที่ก่อตั้งมาทีหลังตั้งหลายปี ชิงตัดหน้าขึ้นไปท่องอวกาศได้ก่อนเพียง 9 วัน เพื่อช่วงชิงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอวกาศ แต่ “เบซอส” ผู้มีทรัพย์สินในครอบครองมากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก็โชว์ความเหนือชั้นทำลายสถิติโลกบินด้วยจรวด “นิว เชพพาร์ด” ของ “บลู ออริจิน” จากฐานส่งกลางทะเลทรายในรัฐเท็กซัส ขึ้นไปถึงระดับความสูง 107 กิโลเมตร หรือเทียบเท่ากับ 351,210 ฟุต โดยใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 11 นาที ขณะที่จรวดของ “เวอร์จิน กาแลคติก” บินสู่อวกาศถึงระดับความสูงเพียง 85 กิโลเมตร หรือเทียบเท่ากับ 282,000 ฟุต ถ้าจะมีเฉือนกันนิดหน่อยก็ตรงที่เจ้าพ่อ “เวอร์จิน กาแลคติก” วัย 71 ปี ถ่ายทอดสดจากภายในยานอวกาศเพื่อให้เห็นถึงบรรยากาศ

...
ความสำเร็จ ที่เพียรพยายามมาตลอด 17 ปี จนได้รับการบันทึกเป็นมหาเศรษฐีคนแรกของโลกที่ขี่จรวดท่องอวกาศ แถมยังประกาศความพร้อมเต็มที่จะเริ่มปฏิบัติการท่องเที่ยวอวกาศเชิงพาณิชย์ได้จริงในปีหน้า โดยสนนราคาทัวร์อวกาศของค่ายเวอร์จิน ตกที่นั่งละ 200,000-500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกกว่าบ้าน “บลู ออริจิน” หลายเท่าตัว คาดการณ์กันว่า ถ้าจะบินกับเจ้าพ่อแอมะซอน ก็ต้องควัก กระเป๋าอย่างเบาะๆ 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นราคาตั๋วโดยสารท่องอวกาศเที่ยวแรกที่ประมูลไปโดย “โอลิเวอร์ เดเมน” วัยรุ่นชาวดัตช์ วัย 18 ปี ลูกค้ารายแรกของ “บลู ออริจิน” ที่ร่วมสร้างประวัติศาสตร์พิชิตอวกาศเที่ยวบินแรกกับเบซอส เมื่อสัปดาห์ก่อน

“เป็นวันที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา” เบซอส เผยความรู้สึกกับหอควบคุม หลังจรวดลงจอดด้วยความปลอดภัย “เรารู้ว่ายานพาหนะปลอดภัย ถ้ามันไม่ปลอดภัยสำหรับผม มันก็ไม่ปลอดภัยสำหรับทุกคน” หลังจากมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกก้าวออกมาจากจรวดอย่างปลอดภัยในชุดนักบินอวกาศสีน้ำเงินกับหมวกคาวบอยสีขาว พร้อมใบหน้าสุดแฮปปี้ ราคาตั๋วโดยสารท่องอวกาศก็พุ่งพรวดทะลุเพดาน โดยผู้ก่อตั้งแอมะซอนยืนยันว่า มีดีมานด์ ความสนใจล้นหลามมาก และจนถึงขณะนี้ “บลูออริจิน” ขายตั๋วโดยสารสำรวจอวกาศไปได้เกือบ
100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯแล้ว กระนั้น ขอไม่เปิดเผยราคาตั๋วที่นั่ง
...

สำหรับภารกิจพิชิตอวกาศครั้งประวัติศาสตร์ของเจ้าพ่อแอมะซอน นอกจากน้องชายของเบซอส “มาร์ค เบซอส” ซึ่งร่วมก่อตั้ง “บลู ออริจิน” เมื่อปี 2000 ในคณะเดินทางยังประกอบด้วยผู้โดยสารอีก 2 คนคือ อดีตนักบินอวกาศหญิงมะกัน วัย 82 ปี “วอลลี ฟังค์” อยู่ในทีมเมอร์คิวรี 13 ที่ได้รับการฝึกเพื่อเตรียมท่องอวกาศ แต่ไม่เคยขึ้นบินจริง และ “โอลิเวอร์ เดเมน” วัยรุ่นชาวดัตช์ วัย 18 ปี ลูกค้ารายแรกของ “บลู ออริจิน” ที่ชนะประมูลตั๋วโดยสารท่องอวกาศเที่ยวบินแรกกับเบซอส ทั้งคู่ได้สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นนักบินอวกาศที่อายุมากที่สุดและอายุน้อยที่สุดในโลก

สื่อมะกันตื่นเต้นยกใหญ่ และพากันถ่ายทอดสดรายงานข่าวการพิชิตอวกาศครั้งประวัติศาสตร์ของ “เจฟฟ์ เบซอส” อย่างครึกโครม ราวกับเป็นฮีโร่ของประเทศ ไม่ใช่เพราะเห่อในความรวยของมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งเท่านั้น แต่ภารกิจครั้งนี้ได้จุดประกายความหวังใหม่ให้ชาวมะกัน ด้วยการทำสิ่งที่เป็นไปได้ยากให้เป็นไปได้ตามแบบฉบับอเมริกันดรีม ท่ามกลางความสิ้นหวังหดหู่ของคนทั้งโลก ที่ต้องทุกข์ทนกับวิกฤติโควิด-19 มาเป็นแรมปี อย่างน้อยก็สร้างความสุขและรอยยิ้มได้หลายวัน!!
ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ