คลื่นลูกใหม่ที่มีความตั้งใจเข้ามารับช่วงไม้ต่อจากผู้เป็นพ่อ ธนจักร สินรัชตานันท์ ทายาทศัลยแพทย์ชื่อดัง “รศ.นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์” นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าอาเซียนได้เข้ามาเรียนรู้งานเดินตามรอยผู้เป็นพ่อ ทำงานด้วยใจให้บริการแบบเครือญาติ

โจ–ธนจักร ลูกชายคนโตของ รศ.นพ. ชลธิศ สินรัชตานันท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่ง ธีรพร คลินิค (Teeraporn Clinic) ได้เดินตามผู้เป็นพ่อด้วยการกำลังจะเข้าเรียนหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) ของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังจบปริญญาตรี ด้านวิทยาศาสตร์ จาก University of British Columbia Vancouver ประเทศแคนาดา ซึ่ง โจ–ธนจักร เล่าว่า กำลังจะเข้าเรียนแพทย์ในเดือนสิงหาคมนี้ แต่หลังจากเรียนจบปริญญาตรีมา ก็ได้เข้ามาเรียนรู้งานกับคุณพ่อที่คลินิก โดยเข้ามาทำงานด้านมาร์เกตติ้งสักพักหนึ่ง แล้วถ้าเรียนจบใน 4 ปี คงได้เข้ามาช่วยงานคุณพ่ออย่างจริงจังที่คลินิก

“การเข้ามาช่วยงานเป็นการเรียนรู้ว่าองค์กรทำอะไรบ้าง แล้วมีปัญหาอะไรบ้างมากกว่า ผมยังไม่ได้เข้ามาดูเรื่องบริหารอย่างจริงจัง ซึ่งคลินิกนี้ตั้งมานาน 30-40 ปี เริ่มจากสมัยที่คุณพ่อจบหมอเป็นนักศึกษาแพทย์ใหม่ๆ ได้มาทำงานกับอาจารย์ ซึ่งเป็นเจ้าของคลินิกเก่า ธีรพรการแพทย์รักษาโรคทั่วไป ทีนี้พอถึงจุดจุดหนึ่ง อาจารย์เขาบอก เขาไม่ทำแล้ว จะเซ้งร้านต่อให้พ่อ พ่อก็เลยรับทำต่อ จากนั้นจึงได้ค่อยๆทรานสฟอร์มมาเป็นเรื่องคลินิกศัลยกรรมเสริมความงามมากกว่า แต่ด้วยพื้นฐานของพ่อผม และของหมอทุกท่านที่อยู่คลินิก ก็จะจบด้านตา หู คอ จมูก มา เพราะฉะนั้นจะเป็นสายที่อยู่บนใบหน้าอยู่แล้ว ที่ผมตั้งใจเรียนต่อหมอ ไม่ใช่เป็นแรงกดดันจากที่บ้าน แต่เป็นความรู้ว่า เป็นหน้าที่ที่เราอยากเข้า มาช่วยที่บ้าน แล้วการเรียนแพทย์ถามว่า เป็นวิชาที่ชอบไหม ก็ชอบนะ เป็นวิชาที่ติดตัว ที่ผมว่า มีค่าครับ”

...

แม้ว่าจะได้เข้ามาสัมผัสงานแบบชิมลาง แต่หนุ่มไฟแรงคนนี้ก็ได้ซึมซับการทำงานจากผู้เป็นพ่ออย่างลึกซึ้ง โดยบอกว่านับจากที่เรียนจบแล้วกลับมา 2-3 ปี ก็ได้มาทำงานกับพ่อ เรามีความเห็นตรงกันบ้าง ไม่ตรงบ้าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่พ่อสอนแล้วตนก็เห็นด้วยว่าใช้ได้กับทุกสถานการณ์ คือการทำงานที่ใช้ใจบริการแบบเครือญาติ

“มีอันหนึ่งที่ป๊าจะสอน แล้วผมเห็นว่าใช้ได้กับทุกสถานการณ์ คือจะมีคำพูดว่า ลูกค้าคือพระเจ้า ใช่ไหมครับ แต่ป๊าจะสอนว่า ลูกค้าคือญาติ อย่ามองแค่ว่า ความสัมพันธ์เรากับลูกค้า มันจบหลังจากที่เราได้ให้การบริการ จ่ายเงินก็จบ แต่เราต้องรักษาความสัมพันธ์ให้กลายเป็นญาติ เพราะฉะนั้น มองยาวไปเลยว่า ลูกค้าเป็นญาติเรา เพราะฉะนั้นถ้าเรามี mind set แบบนี้ เวลาเราทรีตลูกค้าจะทรีตคนละแบบ เพราะเราตั้งเฟรมว่า คนนี้เป็นญาติ ไม่ใช่ว่าเป็นแค่ลูกค้า ซึ่งมันเป็นแนวคิดที่ดีมาก ไม่เฉพาะแค่ลูกค้า แม้แต่เจ้าหน้าที่ ทีมทำงานก็ไม่ได้มองว่าเป็นเจ้านาย ลูกจ้าง จะมองว่าเป็นญาติ อันนี้เป็นหลักยึดในการทำงาน ซึ่งผมว่าดีมากครับ”...มุมมองดีๆของหนุ่มไฟแรงคนนี้.