“แลมบ์ดาโควิด” สายพันธุ์ไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ที่กำลังระบาดหนักในสหรัฐอเมริกา ล่าสุดหน่วยงาน CDC เฝ้าระวังเตรียมปรับเป็นไวรัสสายพันธุ์น่ากังวล VOC (Variant of Concern) ในอนาคต

โควิดกลายพันธุ์ C.37 หรือโควิดแลมบ์ดา (Lambda) คืออะไร อันตรายหรือไม่

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี เผยข้อมูลผ่านเพจ Center for Medical Genomics ถึงโควิดที่ระบาดในอเมริกาว่าก่อนหน้านี้ “โควิดเอปไซลอน” B.1.427/B.1.429 เป็นสายพันธุ์โควิดที่พบการระบาดหนัก จากแผนภูมิวิวัฒนาการชาติพันธุ์ประกอบข้อมูลทางคลินิกพบว่า การป้องกันด้วยวัคซีนนั้นได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพต่อสายพันธุ์นี้

...

ในทางกลับกัน โควิดสายพันธุ์แลมบ์ดา (C.37) พบการระบาดมากขึ้น และมีแนวโน้มระบาดรุนแรง พบผู้ติดเชื้อใน 30 ประเทศ พันธุกรรมของโควิดสายพันธุ์แลมบ์ดาแตกต่างไปจากสายพันธุ์อู่ฮั่น สายพันธุ์เบตา และสายพันธุ์เอปไซลอน จึงมีโอกาสปรับเป็นไวรัสสายพันธุ์น่ากังวล VOC (Variant of Concern) ในเร็วๆ นี้

คุณสมบัติของ ไวรัสสายพันธุ์น่ากังวล (Variant of Concern)

  • มีโอกาสติดต่อแพร่กระจายเร็วกว่าสายพันธุ์เดิม
  • มีความรุนแรงของโรคมากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม
  • ลดประสิทธิภาพชุดตรวจ ลดประสิทธิภาพภูมิคุ้มกัน ดื้อต่อวัคซีน ลดประสิทธิภาพการรักษาที่มีอยู่ ลดประสิทธิภาพของมาตรการด้านสาธารณสุขสังคม

ข้อมูลจากศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี แสดงให้เห็นว่าสายพันธุ์โควิดที่กำลังระบาดหนักในสหรัฐอเมริกา ทั้งสายพันธุ์แลมบ์ดา (Lambda) และสายพันธุ์เอปไซลอน (Epsilon) ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในไทย

หลังจากที่ WHO ประกาศเปลี่ยนชื่อสายพันธุ์โควิด-19 ด้วยอักษรกรีก ให้แก่สายพันธุ์โควิดกลายพันธุ์ที่กำลังระบาดทั่วโลก เพื่อให้ง่ายต่อการเรียก และแทนการใช้ชื่อประเทศต่างๆ องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศชื่อโควิดสายพันธุ์เปรูนี้ว่า โควิดแลมบ์ดา (Lambda) ในวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ.2564

โควิดแลมบ์ดา กลายพันธุ์ตำแหน่งที่ L452Q และ D253N พบการรายงานครั้งแรกที่ประเทศเปรู ในเดือนธันวาคม พ.ศ.2563 พบการระบาดใน 30 ประเทศทั่วโลก และมีข้อมูลว่าสายพันธุ์แลมบ์ดานี้อาจดื้อต่อวัคซีนมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ และยังแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์อัลฟาและแกมมา

ตั้งแต่รายงานการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์ C.37 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 พบว่าในช่วงเดือนเมษายน พ.ศ.2564 ประเทศเปรูมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ต่อมาในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2564 พบการระบาดกระจายไปทั่วสหรัฐอเมริกา และตรวจพบในอีก 29 ประเทศ อาทิ อาร์เจนตินา ชิลี และเอกวาดอร์

ประเทศที่พบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์แลมบ์ดา

ข้อมูลอัปเดต 6 กรกฎาคม พ.ศ.2564 อ้างอิงจาก GISAID

1. ชิลี
2. สหรัฐอเมริกา
3. เปรู
4. เยอรมนี
5. เม็กซิโก
6. อาร์เจนตินา
7. เอกวาดอร์
8. สเปน
9. อิสราเอล
10. กัมพูชา
11. ฝรั่งเศส
12. อิตาลี
13. เซนต์คิตส์และเนวิส
14. สวิตเซอร์แลนด์
15. อียิปต์
16. สหราชอาณาจักร
17. บราซิล
18. แคนาดา
19. โปแลนด์
20. อารูบา
21. ออสเตรเลีย
22. คูราเซา
23. สาธารณรัฐเช็ก
24. เดนมาร์ก
25. เนเธอร์แลนด์
26. โปรตุเกส
27. ตุรกี
28. อุรุกวัย
29. ซิมบับเว

...

ภาพจาก GISAID
ภาพจาก GISAID

อย่างไรก็ดียังไม่พบผู้ติดเชื้อทั้งสองสายพันธุ์ในประเทศไทย จากข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจวางแผนป้องกันการติดเชื้อทั่วโลก การเลือกใช้วัคซีนที่เหมาะสมกับเชื้อกลายพันธุ์ จะช่วยให้สาธารณสุขแต่ละประเทศป้องกันการระบาดได้มากที่สุด.

ที่มา : CDC.gov, Independent.co.uk, GISAID