สารเสพติดเป็นปัญหาหลักของสังคมไทย เพราะผู้เสพสารเหล่านี้เข้าไปแล้วร่างกายจะทำงานผิดปกติจากอาการอยากยา และขาดการยับยั้งชั่งใจกับเหตุต่างๆ ในชีวิตทำให้เกิดอันตรายกับคนในครอบครัว และคนรอบข้าง ปัจจุบันมีกฎหมายที่เอาผิดกับผู้เสพ และผู้ขาย และยังคงมีข่าวจับกุมยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง

สารเสพติด หมายถึง สารหรือยาที่อาจเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ หรือจากการสังเคราะห์ ซึ่งเมื่อเสพเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะโดย การกิน ดม สูบ ฉีด หรือด้วยประการใดๆ แล้วจะทำให้เกิดผลต่อร่างกายและจิตใจในลักษณะสำคัญ เช่น ต้องเพิ่มขนาดการเสพขึ้นเรื่อยๆ, มีอาการอยากยาเมื่อขาดยา, มีความต้องการเสพทั้งร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ส่งผลต่อสุขภาพโดยทั่วไปจะทรุดโทรมลง

สารเสพติด มีกี่ประเภท

การแบ่งประเภทของสารเสพติด แบ่งได้ 4 วิธี คือ

1. แบ่งตามแหล่งกำเนิด
2. แบ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522
3. แบ่งตามการออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท
4. แบ่งตามองค์การอนามัยโลก

กฎหมายประเทศไทยยึดการกำหนดโทษตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 โดยแบ่งสารเสพติดให้โทษ เป็น 5 ประเภท ดังนี้

...

- ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 ได้แก่ เฮโรอีน แอลเอสดี แอมเฟตามีน หรือยาบ้า ยาอีหรือยาเลิฟ

- ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 2 ยาเสพติดประเภทนี้สามารถนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ แต่ต้องใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ และใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น ได้แก่ ฝิ่น มอร์ฟีน โคเคน หรือโคคาอีน โคเคอีน และเมทาโดน

- ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 3 ยาเสพติดประเภทนี้เป็นยาเสพติดให้โทษที่มียาเสพติดประเภทที่ 2 ผสมอยู่ด้วย มีประโยชน์ทางการแพทย์ การนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น หรือเพื่อเสพติด จะมีบทลงโทษกำกับไว้ ยาเสพติดประเภทนี้ ได้แก่ ยาแก้ไอ ที่มีตัวยาโคเคอีน ยาแก้ท้องเสีย ที่มีฝิ่นผสมอยู่ด้วย ยาฉีดระงับปวดต่างๆ เช่น มอร์ฟีน เพทิดีน ซึ่งสกัดมาจากฝิ่น

- ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 4 คือสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 หรือประเภทที่ 2 ยาเสพติดประเภทนี้ไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์ในการบำบัดโรคแต่อย่างใด และมีบทลงโทษกำกับไว้ด้วย ได้แก่ น้ำยาอะเซติคแอนไฮไดรย์ และอะเซติลคลอไรด์ ซึ่งใช้ในการเปลี่ยนมอร์ฟีนเป็นเฮโรอีน สารคลอซูโดอีเฟดรีน สามารถใช้ในการผลิตยาบ้าได้ และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทอีก 12 ชนิด ที่สามารถนำมาผลิตยาอีและยาบ้าได้

- ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 เป็นยาเสพติดให้โทษที่มิได้เข้าข่ายอยู่ในยาเสพติดประเภทที่ 1 ถึง 4 ได้แก่ ทุกส่วนของพืชกัญชา ทุกส่วนของพืช กระท่อม เห็ดขี้ควาย เป็นต้น

ส่วนการแบ่งตามการออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่

1. ยาเสพติดประเภทกดประสาท ได้แก่ ฝิ่น มอร์ฟีน เฮโรอีน สารระเหย และยากล่อมประสาท
2. ยาเสพติดประเภทกระตุ้นประสาท ได้แก่ แอมเฟตามีน กระท่อม และโคคาอีน
3. ยาเสพติดประเภทหลอนประสาท ได้แก่ แอลเอสดี ดีเอ็มพี และ เห็ดขี้ควาย
4. ยาเสพติดประเภทออกฤทธิ์ผสมผสาน กล่าวคือ อาจกดกระตุ้น หรือหลอนประสาทได้พร้อมๆ กัน ตัวอย่างเช่น กัญชา

สารเสพติดอยู่ในร่างกายได้กี่วัน

ขั้นตอนตรวจสอบสารเสพติดในร่างกายของผู้เสพประจำ และผู้เสพไม่ประจำ ตรวจจากปัสสาวะ และมีโอกาสพบตกค้างอยู่ในร่างกาย ดังนี้

ผู้เสพไม่ประจำ

1. แอมเฟตามีน พบอยู่ในร่างกาย 1-3 วัน
2. เมทแอมเฟตามีน พบอยู่ในร่างกาย 1-3 วัน
3. ยาอี พบอยู่ในร่างกาย 1-3 วัน
4. กัญชา พบอยู่ในร่างกาย 2-5 วัน
5. โคเคน พบอยู่ในร่างกาย 12-48 ชั่วโมง
6. มอร์ฟีน พบอยู่ในร่างกาย 12-48 ชั่วโมง
7. โคเคอีน พบอยู่ในร่างกาย 1-3 วัน
8. เบนโซไดอาซิปินส์ พบอยู่ในร่างกาย 2-5 วัน

ผู้เสพประจำ

1. แอมเฟตามีน พบอยู่ในร่างกาย 2-6 วัน
2. เมทแอมเฟตามีน พบอยู่ในร่างกาย 2-6 วัน
3. ยาอี พบอยู่ในร่างกาย 2-6 วัน
4. กัญชา พบอยู่ในร่างกาย 4-14 วัน
5. โคเคน พบอยู่ในร่างกาย 1-4 วัน
6. มอร์ฟีน พบอยู่ในร่างกาย 2-6 วัน
7. โคเคอีน พบอยู่ในร่างกาย 2-5 วัน
8. เบนโซไดอาซิปินส์ พบอยู่ในร่างกาย 4-14 วัน

...

ผู้เสพเรื้อรัง

1. แอมเฟตามีน พบอยู่ในร่างกาย 2-3 สัปดาห์
2. เมทแอมเฟตามีน พบอยู่ในร่างกาย 2-3 สัปดาห์
3. ยาอี พบอยู่ในร่างกาย 2-3 สัปดาห์
4. กัญชา อาจพบอยู่ในร่างกาย 2-3 เดือน
5. โคเคน อาจพบอยู่ในร่างกาย 2-3 สัปดาห์
6. มอร์ฟีน อาจพบอยู่ในร่างกาย 2-3 สัปดาห์
7. โคเคอีน อาจพบอยู่ในร่างกาย 2-3 สัปดาห์
8. เบนโซไดอาซิปินส์ อาจพบอยู่ในร่างกาย 1 เดือน

โทษของคดียาเสพติดไม่ได้มีแค่ผู้เสพ และผู้ขายอย่างเดียว ผู้ผลิตและผู้ที่ครอบครองไว้ก็มีโทษเช่นกัน คนในครอบครัวควรสังเกตญาติพี่น้อง ที่มีอาการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ น้ำหนัก รูปร่าง ควบคู่กัน เพื่อให้คำแนะนำและช่วยเหลือให้ห่างไกลสารเสพติดเหล่านี้ได้

ที่มา : สำนักงานชันสูตร สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร,
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข