การเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 ประมาณ 1-2 วันก่อนฉีดวัคซีนผู้เข้ารับวัคซีนควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หลักการง่ายๆ คือ กินให้อิ่ม นอนให้หลับ ดื่มน้ำอย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน
“ตรวจสุขภาพ” เตรียมพร้อมก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19
การตรวจสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่เราจำเป็นต้องตรวจเป็นประจำในแต่ละปี บางคนอาจตรวจมากกว่าปีละครั้ง ทั้งนี้ขั้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น รูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล และเพราะร่างกายเรามักถูกใช้งานทุกวัน บวกกับมลพิษต่างๆ รอบตัวที่เราได้รับเป็นประจำ อีกทั้งความเครียดจากการทำงาน และอายุที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายเสื่อมตามกาลเวลาและการใช้งาน
โรคประจำตัวหลายโรค มักไม่แสดงอาการออกมาว่าเป็นภัยคุกคามคุณอยู่ แต่การตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยเฝ้าระวังโรค รู้เร็ว ก็รักษาได้เร็ว และมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้มีประสิทธิภาพได้ดังเช่นตอนไม่มีโรค
การตรวจสุขภาพที่หมอกล่าวไปข้างต้น บางโรคต้องตรวจหลายครั้งต่อปีหรือถ้าเป็นโรคที่ต้องติดตามผลเลือดก็ต้องตรวจบ่อยมากกว่านั้น พร้อมปรึกษาคุณหมอผู้ชำนาญการอย่างใกล้ชิด
...
- ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ส่วนใหญ่ไม่ผ่านจุดวัดความดัน
ตอนตรวจสุขภาพจึงเป็นส่วนสำคัญเพราะบางคนไม่เคยตรวจสุขภาพมาก่อน เมื่อได้ตรวจเช็กก็มักพบว่ามีโรคประจำตัวเกิดขึ้นแล้ว แต่ก็นับว่าถือเป็นโอกาสดีที่ได้เริ่มรักษาแต่เนิ่นๆ และยังได้มีการเตรียมตัววางแผนเตรียมความพร้อมก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัยสำหรับผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน
เมื่อต้องฉีดวัคซีนโควิด โรคที่ไม่ผ่านคัดกรองส่วนใหญ่คือ "โรคความดันโลหิตสูงเกินเกณฑ์" โดยเกณฑ์ปกติที่บุคลากรทางการแพทย์จะฉีดวัคซีนให้ได้ไม่เกิน 160-180 มิลลิเมตรปรอท หากผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรคความดันโลหิต เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้วไม่ผ่านการคัดกรองจุดวัดความดัน ทำให้เสียเวลา และยังไม่ได้รับวัคซีนอีกด้วย
จุดวัดความดันโลหิตเป็นด่านแรกที่บ่งบอกความผิดปกติของร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลไปถึงอาการไม่พึงประสงค์จากผลข้างเคียงของวัคซีน ดังนั้นหากพบว่ามีความดันผิดปกติ ควรเข้ารับการรักษาที่เหมาะสมก่อนเข้ารับวัคซีน
- ก่อนฉีดวัคซีนโควิด ถ้าไม่เคยรู้โรคประจำตัว ตรวจสุขภาพช่วยได้
หลายคนมักตั้งข้อสงสัยและเกิดความกังวลว่าหากมีโรคประจำตัว แล้วจะฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้หรือไม่ หมอขอตอบว่าตอนนี้เกือบทุกโรคสามารถฉีดวัคซีนได้ปกติ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องความดันโลหิตสูงจะต้องมีการควบคุมให้ดี และโรคอื่นๆ ยังไม่น่ากังวลเท่า
อีกกลุ่มโรคที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มโรคที่มีการทานยากดภูมิตัวเอง เช่น โรคภูมิแพ้ตัวเอง โรคมะเร็ง เป็นต้น เนื่องด้วยผู้ป่วยต้องรับประทานยากดภูมิ กลุ่มยาสเตียรอยด์ อาจทำให้การตอบสนองต่อวัคซีนได้ไม่ดีนัก เพราะยากดภูมิต้านทานเราอยู่ ตามหลักการฉีดวัคซีนคือการต้องการทำให้ภูมิต้านทานเราทำงาน เมื่อผู้ป่วยที่ทานยากลุ่มนี้อยู่ก็จะมีการกดภูมิ เมื่อฉีดวัคซีนเข้าไปแล้วภูมิอาจจะไม่ขึ้นได้ก็จะส่งผลเสียต่อตัวผู้ป่วยนั่นเอง
การแยกอาการของการเกิดสภาวะลิ่มเลือดอุดตัน กับ การแพ้วัคซีน
การแพ้วัคซีน คือ อาการที่เกิดขึ้นหลังจากฉีดวัคซีนทันที หรือ อาการจะออกภายใน 1-2 วัน มีอาการ หน้ามืด หายใจลำบาก ติดขัด หรืออาจจะมีเสียงหายใจแล้ว มีเสียงหวีดๆ ตาบวม มือบวม ผื่นขึ้น อาการก็จะคล้ายกับ คนที่แพ้อาหาร ซึ่งอาจเกิดการแพ้ส่วนประกอบที่อยู่ในวัคซีน หรือแพ้ตัววัคซีนโดยตรง
อาการไม่พึงประสงค์ คือ อาการที่สามารถเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว เช่น มีไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว ท้องเสีย ซึ่งอาการเหล่านี้จะเป็นและหายได้ ภายใน 1-2 วัน การรักษาตามอาการก็จะช่วยให้หายได้ พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ หรือถ้ามีอาการไข้ หรือ ปวดหัว ให้กินยาพาราเซตามอลได้
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดความกังวลก่อน คือ สภาวะลิ่มเลือดอุดตัน (VITT) หลังจากฉีดวัคซีนแล้วเราต้องสังเกตตัวเอง เพราะอุบัติการณ์จะเกิดขึ้นวันที่ 4-30 หลังจากร่างกายรับวัคซีนโควิด
กรณีภาวะลิ่มเลือดอุดตันจะมีอาการแน่นหน้าอก ปวดศีรษะ ขึ้นอยู่ที่ว่าตัวลิ่มเลือดจะไปอุดตันอยู่ที่อวัยวะส่วนไหน แต่ไม่ต้องกังวลเพราะสามารถรักษาให้หายได้ หรือถ้ามีอาการผิดปกติหลังจากรับวัคซีนไปแล้ว 1 เดือน ก็สามารถเข้ามาพบแพทย์ได้
...
โรคประจำตัวแบบไหน มีโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
ไม่มีใครบอกได้ว่าโรคประจำตัวโรคใดที่จะสร้างภาวะลิ่มเลือดอุดตันได้ แต่ในความเป็นจริงโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย และจะเกิดกับเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และที่สำคัญการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันนั้นจะเกิดในคนยุโรปมากกว่าคนเอเชีย เพราะฉะนั้นโอกาสเกิดภาวะลิ่มเลือดของคนไทยก็จะมีเปอร์เซ็นน้อยลงไปอีก
แม้ว่าแพทย์จะยังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะคัดกรองโรคประจำตัวที่ก่อภาวะลิ่มเลือดได้ แต่มีข้อมูลของโรคประจำตัวที่พบว่าเมื่อกำเริบแล้วก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์หลังรับวัคซีนโควิด เช่น โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือคนไข้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์แล้วทำให้ความดันสูง
พอความดันสูงยิ่งขึ้นทำให้เกิดสภาวะ เส้นเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดสมองตีบ หรือเส้นเลือดในสมองแตกได้ อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้จะไปกระตุ้น โรคประจำตัวของคนไข้เดิมซึ่งอาจเกิดในกรณีที่คนไข้ดูแลตัวไม่ดีหรือขาดการตรวจสุขภาพ
ยาชนิดใด ก่อให้เกิดลิ่มเลือดได้
...
ยาที่มีโอกาสสร้างลิ่มเลือดได้ที่จะหลีกเลี่ยง คือ ยาแก้ปวดชนิด NSAIDs เช่น Ibuprofen แม้ทางการแพทย์ก็ยังไม่ได้พบถึงความสัมพันธ์ที่ชัดเจน แต่ก็แนะนำผู้ป่วยว่า “ไม่ควรรับประทาน”
- ยาที่กินได้
ถ้าวันนัดฉีดวัคซีนผู้ป่วยกินยารักษาโรคประจำตัวอยู่ก็กินต่อได้ตามปกติไม่ต้องงด เช่น พวกยารักษาโรคประจำ ยาคุมกำเนิด กลุ่มยาโรคไมเกรน สามารถรับประทานได้ แต่ถ้าเกิดข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจให้ปรึกษาแพทย์ที่ดูแลรักษาเราอยู่
- ยาที่ควรงด
กรณีที่ไม่ใช่กลุ่มยาของโรคประจำตัว ผู้เตรียมเข้ารับวัคซีนอาจงดไปก่อนได้ เช่น กลุ่มยาแก้ปวดต่างๆ กลุ่ม NSAIDs แต่สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น กลุ่มโรคความดัน ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคมะเร็ง แนะนำให้มีการปรึกษากับคุณหมอที่ดูแลเราอยู่ว่า เราว่าสามารถที่จะฉีดวัคซีนได้ไหม
หมอจึงขอฝากให้ “ตรวจสุขภาพก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19” และแนะนำให้ผู้ที่จะไปฉีดวัคซีน เตรียมตัวให้พร้อมก่อนถึงวัดนัด ทานให้อิ่ม นอนให้หลับ พักผ่อนให้เพียงพอ และไม่วิตกกังวลมากในเรื่องของการฉีดวัคซีน อาการไม่พึงประสงค์สามารถเกิดขึ้นได้ ไม่ต้องกังวล ถ้ามีไข้สูงหลังฉัดซีนวัคซีนให้รับประทานยาพาราเซตามอน และหลังจากฉีดวัคซีนแล้วก็ต้องสังเกตอาการตัวเองต่ออีก 30 วัน หากมีอาการอื่นที่คุณไม่มั่นใจว่าเป็นอันตรายหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์
...
การตรวจสุขภาพก่อนฉีดวัคซีนจึงเป็นเรื่องสำคัญ บางคนห่างแพทย์ประจำตัวไปนาน ก็ควรติดต่อปรึกษาก่อนไปฉีดวัคซีนโควิด-19 และอย่าลืมหยิบยาที่รับประทานเป็นประจำอยู่ไปพบคุณหมอด้วยเพื่อให้หมอช่วยประเมินได้ว่า ยาดังกล่าวมีผลต่อการฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือไม่ จะได้ไม่เสียเวลาเดินทางไปรอฉีดหลายรอบ
การเตรียมตัวที่ดี มีร่างกายที่พร้อม ถึงเวลานัด คุณก็จะฉีดวัคซีนได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
บทความโดย : พญ. ธนีศา ภานุมาตรัศมี แพทย์ประจำคลินิกศูนย์ตรวจสุขภาพ โรงพยาบาลพญาไท 1