• หากต้องกักตัว 14 วัน สามารถติดต่อสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ กับบุคคลภายนอก ทั้งผู้ร่วมงาน ครอบครัว คนรัก รวมถึงแพทย์ พยาบาลที่ดูแลในกรณีมีโรคประจำตัว เพื่อลดความคิดถึง คลายเครียด และลดความวิตกกังวลเรื่องปัญหาสุขภาพ
  • ไม่ควรคลายเครียดด้วยการสั่งอาหารที่มีไขมันสูง หรือวิตกกังวลจนหมกมุ่นกับการรับประทานอาหารเสริมที่ไม่ได้รับการรับรองโดยผู้เชี่ยวชาญ
  • ชะลอการตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆ ขณะที่มีความเครียด ไม่ควรตัดสินใจทำอะไรในทันที โดยเฉพาะเรื่องสำคัญ เช่น การลาออกจากงาน การย้ายที่อยู่ การขายบ้าน การหย่าขาดจากคู่สมรส เนื่องจากจิตใจไม่มีความมั่นคงจากภาวะท้อถอย หมดหวัง ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ง่าย

การต้องอยู่กับโรคระบาดร้ายแรงอย่างโรคโควิด-19 มาเป็นเวลากว่า 1 ปี นอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างมาก ทั้งความวิตกกังวลจากการติดเชื้อ การเข้าถึงระบบการรักษา การต้องทำงานที่บ้าน การขาดรายได้ หรือมีรายได้ลดลง รวมถึงการต้องกักตัวไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านเหมือนปกติ อาจทำให้เกิดความเครียดสะสมจนอาจลุกลามเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรงได้ในที่สุด

ดูแลใจ สู้ภัยโควิด-19

การป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ที่สามารถทำได้เองทันที คือ การสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน การเว้นระยะห่างทางสังคม ล้างมือสม่ำเสมอด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์อย่างน้อย 20 วินาที รับประทานอาหารที่ปรุงสุกและแยกสำรับ รวมถึงการดูแลร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง

...

การเว้นระยะห่างทางสังคมด้วยการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home (WFH) และการกักตัวในบ้านให้ห่างไกลจากโรค เป็นการควบคุมโดยจำกัดพื้นที่ในการใช้ชีวิตของแต่ละคน เพื่อป้องกันการสัมผัสเชื้อจากผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการในสถานที่ต่างๆ และระหว่างการเดินทาง ทั้งนี้ เมื่อต้องอยู่บ้านไประยะหนึ่ง อาจทำให้เกิดความเบื่อหน่ายหรือความเครียดขึ้นได้

วิธีแก้เบื่อ เมื่อต้องกักตัว 14 วัน หรือทำงานที่บ้าน (Work From Home)

  • จัดเวลาทำงาน ตั้งเวลาทำงานให้ตรงกับเวลาที่เคยทำในออฟฟิศ ทั้งเวลาเข้างาน พักกลางวัน และเลิกงาน เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และช่วยให้คนในครอบครัวไม่รบกวนเวลาทำงาน
  • จัดเวลาและช่วยกันทำงานบ้าน โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่ต้องเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน ควรมีหน้าที่รับผิดชอบงานบ้านง่ายๆ ถือเป็นกิจกรรมแก้เบื่อที่ได้ประโยชน์
  • จัดเวลาทำงานอดิเรกที่ชอบ สามารถทำได้คนเดียว หรือร่วมกันทำทั้งครอบครัว งานบางอย่างอาจเพิ่มรายได้ หรือสามารถช่วยเหลือคนในสังคม เช่น การทำอาหารแจกเพื่อนบ้าน การเย็บหน้ากากผ้า และการทำคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดียเพื่อให้กำลังใจหรือความรู้แก่คนทั่วไป
  • จัดเวลาสลายไขมัน เพิ่มตารางออกกำลังกาย 15-30 นาทีต่อวัน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค
  • จัดเวลาหาความรู้เพิ่มเติม ปัจจุบันทำได้ง่ายผ่านโลกออนไลน์ เช่น ความรู้ช่วยป้องกันโรคระบาด การช่วยเหลือผู้อื่น การฝึกทำอาหาร การซ่อมแซมบ้านและการเรียนภาษาเพิ่มเติม เป็นต้น นอกจากจะแก้เบื่อแล้วยังอาจเป็นประโยชน์ในอนาคต

การกักตัวแบบไม่เครียด

  • ติดต่อสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ กับบุคคลภายนอก ทั้งผู้ร่วมงาน ครอบครัว คนรัก รวมถึงแพทย์ พยาบาลที่ดูแลในกรณีมีโรคประจำตัว เพื่อลดความคิดถึง คลายเครียด และลดความวิตกกังวลเรื่องปัญหาสุขภาพ
  • ติดตามข่าวสารอย่างมีสติ ไม่ตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ หรือหมกมุ่นจนเกินไป เสพข่าวแต่พอดีจากข้อมูลที่เชื่อถือได้เท่านั้น
  • ดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง ด้วยการออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่คลายเครียดด้วยการสั่งอาหารที่มีไขมันสูง หรือวิตกกังวลจนหมกมุ่นกับการรับประทานอาหารเสริมที่ไม่ได้รับการรับรองโดยผู้เชี่ยวชาญ
  • ตรวจสอบอาการทางร่างกายและจิตใจสม่ำเสมอ ปรึกษาแพทย์ในกรณีที่เกิดความวิตกกังวลมากจนนอนไม่หลับ หรือไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ใช้ชีวิตอย่างปกติและมีคุณค่า รับผิดชอบและทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพ หาเวลาพักผ่อนกับกิจกรรมที่ชอบโดยไม่ต้องออกนอกบ้าน เช่น ออกกำลังกาย เล่นดนตรี วาดภาพ ปลูกต้นไม้ ดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นกับสัตว์เลี้ยง
  • ฝึกรับรู้และยอมรับเมื่อวิตกกังวลหรือรู้สึกในด้านลบ ไม่จำเป็นต้องพยายามปรับให้เป็นบวกในทันที ควรอยู่บนพื้นฐานความจริง โดยคิดว่ามีข่าวร้ายก็ต้องมีข่าวดีอยู่บ้าง สิ่งสำคัญไม่ควรรู้สึกผิดหวังในตัวเองที่มีความเครียด
  • ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น กรณีรายได้ลดลง ตกงาน หรือมีบุคคลใกล้ชิดติดเชื้อ อย่าตำหนิหรือรู้สึกผิดโทษตัวเอง เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คนทั่วโลกก็เผชิญปัญหาเช่นกัน และเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
  • ชะลอการตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆ ขณะที่มีความเครียด ไม่ควรตัดสินใจทำอะไรในทันทีโดยเฉพาะเรื่องสำคัญ เช่น การลาออกจากงาน การย้ายที่อยู่ การขายบ้าน การหย่าขาดจากคู่สมรส เนื่องจากจิตใจไม่มีความมั่นคงจากภาวะท้อถอย หมดหวัง ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ง่าย ควรประคับประคองให้ผ่านสถานการณ์ต่างๆ ไปทีละขั้นตอน
  • ลองใช้ชีวิตให้ช้าลง ตั้งรับว่าการระบาดของโควิค-19 ยังคงจะดำเนินไปอีกสักช่วงเวลาหนึ่ง ตื่นเช้าด้วยการจิบกาแฟ รับประทานอาหารเช้าปรุงเอง พูดคุยกับคนในครอบครัว ฟังเพลง ชื่นชมต้นไม้ เตรียมพร้อมร่างกายและจิตใจก่อนฟังข่าวสารและเริ่มทำงาน

...

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สิ่งที่สร้างความเครียดมากที่สุด คือ ความวิตกกังวลจากการติดเชื้อ การรักษา และความรุนแรงของโรค รวมถึงการที่เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จะจบลงเมื่อไหร่ และเราจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนในอดีตได้อีกหรือไม่ จะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เมื่อไหร่ ดังนั้นควรใช้ชีวิตให้ปกติ แม้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ด้วยการทำงานที่บ้าน หรือกักตัวอยู่บ้านแบบไม่เครียด และจัดการแบ่งเวลาเพื่อทำกิจกรรมแก้เบื่อ คลายเหงา คลายเครียด ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง รวมถึงการปฏิบัติตามระเบียบข้อปฏิบัติของภาครัฐอย่างเคร่งครัด

บทความโดย : นพ.พรรษ กรรณล้วน แพทย์ผู้ชำนาญสาขาจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์