พลังความเลื่อมใสศรัทธาที่มีต่อ “หลวงพ่อตาตน” พระพุทธรูปแบบขอมอันเก่าแก่ “ปางสมาธิสะดุ้งมาร” ขนาดหน้าตักกว้าง 4 นิ้ว สูง 5 นิ้ว ประดิษฐานที่วัดสำโรงเกียรติ ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมี “คนไทยและต่างชาติ” เข้ามากราบไหว้ขอพรบนบานศาลกล่าวอย่างไม่ขาดสาย
สะท้อนถึง “แรงศรัทธา” กระแสแห่ง “ความศักดิ์สิทธิ์...อภินิหารมากมาย” จนทำให้มีผู้คนเลื่อมใส ซึ่งรู้มาว่าส่วนใหญ่แล้วมักมาบนบานในเรื่องหน้าที่การงาน การเงิน ขอโชคลาภ และขอบุตรธิดา
ทำให้มีผู้ได้รับตามสิ่งที่ขอนั้นมีอยู่ไม่ใช่น้อยๆ แม้แต่ ว่าที่ร้อยตรีธเนศร์ แพงมา หรือ ส.จ.แม๊ก ส.อบจ.ศรีสะเกษ มือใหม่ป้ายแดง ที่รับตำแหน่งทางการเมืองสมดังปรารถนาแล้วก็ต้องมาแก้บนเช่นกัน
กล่าวกันว่า “หลวงพ่อตาตนเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์มากในด้านบนบานขอพร” ถ้าไม่เหลือวิสัยจริงๆมักได้ดั่งใจ หากเมื่อสำเร็จสมหวังดังตามที่ขอแล้ว สิ่งที่หลวงพ่อท่านชอบคือ “การบวชปฏิบัติธรรมถวาย”
...
ถ้าเป็นผู้ชายแก้บนด้วยการบวชพระ หรือบวชสามเณร หากเป็นผู้หญิงก็ให้บวชชีแก้บน เพราะถือเป็นการบนได้กุศลสูงสุด
0 0 0
ตามประวัติเล่าขานกันว่า...“หลวงพ่อตาตน” สร้างด้วยเกสรดอกไม้ผสมครั่งหรือยางชันปั้นเป็นพระพุทธรูปเรียกว่า “พระตาตน” ตามชื่อผู้นำมาถวายที่เป็น “ชาวเขมรต่ำ” เดินทางมาพักอาศัยอยู่กับญาติในหมู่บ้านสำโรงเกียรติ อ.ขุนหาญ และมักออก “ดักไซจับปลา” ตามร่องน้ำเชิงเขาทางทิศใต้ของหมู่บ้านแห่งนี้
แต่ตอนรุ่งเช้าวันหนึ่ง “จับปลาไม่ได้สักตัวแต่พบพระพุทธรูปติดอยู่ในไซ” ก่อนนำพระปล่อยไหลตามกระแสน้ำดังเดิมแล้วดักจับปลาต่ออีก และรุ่งเช้าถัดมากลับพบ “พระพุทธรูปองค์เดิมติดในไซ” เช่นเดิม เห็นว่าเคยปล่อยพระพุทธรูปไปตามกระแสน้ำแล้ว ทำให้เชื่อว่า “เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์” จึงได้นำมาบ้านด้วย
คืนนั้น “ตาตนฝันร้ายหลายวัน” ด้วยเหตุเพราะ “พระประสงค์อยากอยู่วัด” ทำให้ปฏิบัติตามนั้นนำ “พระพุทธรูปถวายวัดสำโรงเกียรติ” เพื่อเป็นสมบัติวัดต่อไป “ชาวบ้าน” ทราบข่าวพากันมานมัสการ ในบางคนได้บนบานขอพรก็มักได้ดั่งขออยู่เสมอ กลายเป็นเรื่องเล่าขานต่อๆกันสร้างศรัทธามากราบไหว้อย่างคับคั่ง
ครั้นราวปี 2420...“พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน” เจ้าเมืองขุขันธ์ ทราบเรื่องถึง “ความศักดิ์สิทธิ์” ทำให้อยากอาราธนา “หลวงพ่อตาตน” ไปประดิษฐานไว้ ณ เมืองขุขันธ์ ที่ปัจจุบันเป็น อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ และมีการจัดเตรียมขบวนช้างม้าไปอาราธนาอย่างเอิกเกริกยิ่งใหญ่...
เมื่อมีการนำ “หลวงพ่อตาตนขึ้นบนหลังช้าง” ได้เกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ขบวนออกจากวัดแล้วกลับไม่สามารถข้ามสะพานห้วยทาไปเพียงเล็กน้อยได้ ทั้งยังเกิดลมพายุพัดมาทั้ง 4 ทิศ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก
...
ช้าง ม้า หมอบกราบลงกับพื้น เสียงฟ้าร้องคำรามราวกับแผ่นดินจะถล่ม
เหตุการณ์นี้ “เจ้าเมืองขุขันธ์” เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ และปาฏิหาริย์ จนต้องประกาศคำขาดถ้า “ลมฝนหยุดตก” จะขอนำหลวงพ่อตาตนกลับวัดดังเดิม เมื่อสิ้นสุดคำขาดนี้ “ลมฝนหยุดตก” จึงให้นำขบวนช้าง ม้ากลับวัดสำโรงเกียรตินำ “หลวงพ่อตาตน” มาประดิษฐานไว้ที่เดิม
ต่อมา...“กุฎีประดิษฐานหลวงพ่อตาตน” เกิดไฟไหม้เสียหายทั้งหลังก่อนมีคนฝันเห็น “หลวงพ่อกำลังเผชิญความหนาวในบ่อลึก” ดังนั้นชาวบ้านต่างพากัน “ตักน้ำในบ่อภายในวัดออกเกือบหมด” ปรากฏเห็น “หลวงพ่อตาตนลอยขึ้นมาเหนือน้ำ” ก่อนอาราธนามาประดิษฐานในวิหารกุฎีหลังใหม่จนถึงวันนี้
เหตุความศักดิ์สิทธิ์...อภินิหารที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้มี “ผู้คนเลื่อมใสเคารพนับถือหลวงพ่อตาตน” อย่างมาก ส่วนใหญ่มักเข้ามา “บนบานขอพร” เมื่อประสบความสำเร็จก็ต่างเวียนกันมาแก้บนไว้อยู่ตลอด
...
0 0 0
พระครูอรุณ ปุญโญภาส เจ้าอาวาสวัดสำโรงเกียรติ เล่าว่า ลูกศิษย์นับถือศรัทธาหลวงพ่อ ตาตนมีอยู่ทุกอาชีพ ทั้งคนไทยและต่างชาติ เช่น โยมจากกัมพูชา เยอรมนี ฮ่องกง แวะเวียนกันมาสักการะขอพรเป็นสิริมงคล โดยเฉพาะ “วันที่ 13 เม.ย.ของทุกปี” มีการอัญเชิญ “หลวงพ่อตาตนองค์จริง” ออกมาให้ผู้คนสักการะสรงน้ำในเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งในปีนี้ต้องงดแห่ขบวนหลวงพ่อรอบเมือง...ตามมาตรการป้องกันโควิด-19
ตามหลัก “หลวงพ่อตาตน” เน้นปฏิบัติบูชาให้เป็นประจำด้วย “ดอกไม้ขาว 5 ดอก ผ้าขาว ธูปเทียนขี้ผึ้ง 5 ดอก และสวดคาถาบูชา อุ นะ มะ อะ นะ มะ อะ อุ มะ อะ อุ นะ อะ อุ นะ มะ” บางคนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้วก็มักมี...“นิมิตฝันถึงหลวงพ่อห่มขาว” และต้องประสบความสำเร็จทุกรายไป
แต่ถ้าประสบความสำเร็จแล้วต้องมา “บวชถวาย หลวงพ่อ 9 วัน” ทำให้ทุกสัปดาห์จะมี “โยมชายหญิง” หมุนเวียนมาบวช 20-30 รูป ถ้าหากว่า “บวชไม่ได้ก็ให้ถวายผ้าไตรจีวร” ทดแทนการบวชก็ย่อมได้
...
ทว่า “ใครไม่แก้บน” ก็จะมีเรื่อง “ทุกข์ร้อนใจ หรือมีอุบัติเหตุ” แต่ไม่ใช่เกิดจาก “หลวงพ่อ” เพราะท่านเมตตาทุกคน ซึ่งอาจมาจาก “ผู้บนขอ” มีสิ่งค้างในใจเสมือน “มีหนี้ก็ต้องใช้หนี้” ส่งผลให้เกิดปัญหา
ไม่นานมานี้ “ชาวกัมพูชา” ที่ขอพรจนประสบความสำเร็จเกี่ยวกับ “ธุรกิจ” นำไม้อย่างดีมาสร้างศาลาการเปรียญจนแล้วเสร็จ อีกทั้ง “นักธุรกิจ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ” เจอปัญหาธุรกิจขาดทุนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว “ขอพรบนบาน” ไม่กี่ปีธุรกิจฟื้นตัวรวดเร็ว จึงทำรูปหล่อหลวงพ่อองค์ใหญ่เสมือนจริงถวาย
ในวันนำมาถวายจำได้ว่า “อากาศร้อนอบอ้าวทั้งวัน” มีชาวบ้านทราบข่าวต่างรอมาร่วมสักการะเต็มพื้นที่วัด แต่ระหว่างรถอัญเชิญ “รูปหล่อหลวงพ่อ” เข้ามาถึงเขตบริเวณวัดท้องฟ้าเปลี่ยนจาก “แสงแดดที่ร้อนจัด” กลายเป็น “มืดครึ้ม ไม่มีฝน” เสมือนสร้างความร่มเย็นแก่ประชาชนอีกด้วย
ทั้งยังมี “ผู้สมัครสอบข้าราชการ” มาบนให้ “สอบผ่าน” อยู่เสมอ แม้แต่ “ข้าราชการ” ก็ขอให้ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น มีตั้งแต่ข้าราชการชั้นผู้น้อยจนถึงระดับชั้นผู้ใหญ่ ทำให้มีมาบวชแก้บนอยู่ตลอด
อีกทั้งคำบอกเล่าจาก “ผู้บวชแก้บน” ทุกวันพระก็มักเห็น “ชายชราห่มขาว” ปรากฏตัวในวิหารประดิษฐานหลวงพ่อออกปฏิบัติธรรมเดินล้อมอุโบสถ เชื่อว่า...“เป็นหลวงพ่อตาตน” แม้วันนี้ยังมีผู้พบเห็นอยู่
“ปาฏิหาริย์หลวงพ่อตาตน” มีมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า ตายาย พ่อแม่...นับแต่ในอดีตเป็นเช่นนี้ นำมาซึ่งคลื่นกระแสศรัทธาจากทั้งพุทธศาสนิกชนคนไทย...ต่างชาติมากมายไม่ขาดสาย เป็นที่ประจักษ์จนถึงทุกวันนี้
“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.
รัก-ยม