หลายปีมาแล้วมีเรื่องเล่าที่อยากจะนำมาเล่าเผยแพร่ซ้ำให้รู้กันเสมือนเป็นการย้ำเตือน นั่นก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับ “กุมารทอง” ที่ถูกเลี้ยงไว้ในบ้านแห่งหนึ่ง

อิทธิฤทธิ์หรือปาฏิหาริย์...“กุมารทอง” สองพี่น้องที่เลี้ยงเอาไว้

วันหนึ่งมีเด็กข้างบ้านแอบเข้ามาเล่นของเล่น เอารถสี่ล้อสูงเลยหัวเข่ามานิดเดียวออกมาถีบ แต่กลับพลัดตกจนบาดเจ็บถึงขั้นแขนหัก แบบที่ใครๆเห็นต่อหน้าต่อตาก็คิดว่าไม่น่าจะเจ็บหนักได้ขนาดนั้น

ผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่า “กุมารทองเขาหวงของเล่นในบ้าน เลยผลักตกรถ”

ตกกลางคืน...บรรยากาศเงียบสงัดก็มักจะได้ยินเสียงรถของเล่นใส่ถ่านวิ่งวนไปเวียนมาอยู่กลางบ้านโดยที่ไม่มีคนอยู่ตรงนั้น บางทีก็มีเสียงหัวเราะเด็กๆแทรกเข้ามาให้ได้ยินชวนขนลุก เชื่อไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่...นี่คือประสบการณ์ตรงที่ได้พบพานของครอบครัวหนึ่งในจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครเท่าใดนัก

อีกครั้งหนึ่งที่จำได้ขึ้นใจ สมัยเด็กๆ...มีโอกาสเดินทางเข้ากรุงเทพฯมาเยี่ยมป้า กว่าจะถึงก็เย็นย่ำใกล้ค่ำเต็มที ทุกคนเหนื่อยจากการเดินทาง ตรงเข้าบ้านไปพักผ่อน แต่จู่ๆก็มีหนึ่งคนในกลุ่มทรุดนั่งลงกับพื้น...น้ำตาไหล ร้องไห้สะอึกสะอื้น พูดเสียงเหมือนเด็กๆ “เข้าบ้านไม่ได้ๆ...ๆ...ๆ”

พูดอยู่อย่างนี้ซ้ำๆสองสามรอบ

...

สองพี่น้องกุมารทองแผลงฤทธิ์อีกแล้ว คุณตานึกขึ้นมาได้เลยจุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทางนอกรั้วชายคาบ้าน ไม่นาน...คนที่ร้องไห้ก็ยิ้มหัวเราะร่าออกมาด้วยความดีอกดีใจ พร้อมบอกว่า “ได้เข้าบ้านแล้ว”

ที่แท้...สองพี่น้องกุมารทอง ตามมาเที่ยวด้วยกันนั่นเอง

เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกว่า 30 ปีมาแล้วก็ยังนึกสงสัยว่า “กุมารทองสองพี่น้อง” ที่คุณตาเลี้ยงเอาไว้นั้นไม่ธรรมดาจริงๆและการเลี้ยง “กุมารทอง” ก็ไม่ใช่ของเล่น...ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่คิดจะเลี้ยงแล้วทิ้งๆขว้างๆเหมือนของเล่น...ตุ๊กตา แต่ก็ไม่ต้องลำบากเอาไปเข้าโรงเรียนฝึกเขียนๆอ่านๆ เหมือนฝากเด็กไว้กับเนิร์สเซอรี พึงระลึกไว้เสมอว่า “กุมารนั้น...เสมือนคนจริงๆ คือ...ลูก” ต้องหมั่นหาของเล่น ขนมมาให้ หมั่นคุยกับเขา

และถ้าคิดจะเลิกเลี้ยงต้องทำพิธีปลดปล่อย ไม่ใช่คิดจะขายลูกตัวเองปลดภาระออกจากตัว หากแต่ต้องตั้งใจแน่วแน่และคิดว่าพร้อม ควรศึกษาข้อมูล ความจำเป็นให้ถ้วนถี่ จะเลี้ยงเพื่ออะไร พร้อมที่จะดูแลเขาตลอดไปหรือเปล่า “สัจจะ...เป็นเรื่องสำคัญ บอกว่าจะให้ตอนไหนก็ต้องให้ตอนนั้น”

O O O

หนึ่งในอาจารย์ผู้เรืองวิชาเข้มขลังด้าน “กุมารทอง” เมตตามหานิยมพลังดีแนะนำถึงการดูแลหรือภาษาชาวบ้านเรียกกันก็คือการ “เลี้ยงกุมารทอง” แรกเริ่มแบบง่ายๆก็คือว่า...เจ้าของกินอะไรก็เรียกเขาให้กินด้วย

ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็น...น้ำแดง ขนมเท่านั้น

ยันต์น่าหลงใหล ยันต์แคล้วคลาด...ไปในทางที่ดี ให้น้ำหนักไปในทางเมตตา ฤทธิ์ไปใน ทางการเจรจาสำเร็จสมหวัง...เพิ่มฤทธิ์เดชในการช่วยเหลือ ยันต์ที่ไปกำกับคนที่ครอบครองอยู่แค่คิดใช้จิต อธิษฐานก็สมหวังได้แล้ว เขา (กุมาร) ก็จะช่วยในส่วนที่เราคิดอยู่นั้นให้สำเร็จได้เร็วขึ้น

ตัวเขามีความสามารถที่จะทำโน่นทำนี่ได้ เพียงแต่คนเลี้ยงต้องขอ กำหนดจิต ก็จะไปดลจิตดลใจให้สำเร็จ สมหวังเท่านั้น...เราก็จะสว่างในสายตาของบุคคลๆนั้น จะเล็งเราก่อนอันดับแรก

สมมติว่าถ้าอยากให้เขาช่วย เราอยากจะให้ทำอะไรสำเร็จ ก็กล่าวขอว่าถ้าสำเร็จดังหวังที่กล่าวไปแล้วนั้นก็จะให้นั่นให้นี่เสมือนกับว่าคล้ายๆเป็นการบน

...

ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ...ห้ามลืมเด็ดขาด เมื่อเราได้ในสิ่งที่ขอแล้ว ก็อย่าลืมสัญญาที่เคยพูดไว้

ถ้าจะให้ดี แม้ว่า...เจ้าของจะวางกุมารไว้อย่างเป็นที่เป็นทาง คนอื่นที่รู้ถึงแม้ไม่ใช่ของเรา ถ้าเราเห็นไปถึงก็ตั้งจิตในใจ บอก...คุยกับเขาทุกๆวัน บ่อยๆเขาก็จะช่วยคนที่ขอเหมือนกัน

“กุมาร” ขึ้นชื่อว่ากุมารแล้วนั้น ของจริงภาษาวัยรุ่นอาจจะเรียกได้ว่าไม่ต้องพูดเยอะ ถ้าเป็นของจริง ถ้าอยากจะเห็นเดี๋ยวเขาก็จะมาให้เห็น สัมผัสก็จะรู้

บางคนเลี้ยงกุมารแล้วเดินทางไปไหนมาไหน อาจจะรู้สึกเหนื่อย ล้า...เขาก็เหมือนกับขี่เรา เล่นกับเราไปเรื่อยๆ หรือนั่งทับไป บางคนก็ตะคริวกินขาไปตลอดทางเพราะโดนนั่งทับ นั่งตัก

ตามปกติแล้วอาจารย์ผู้เข้มขลังท่านนี้จำวัดอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง อยู่ที่อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ทางขึ้นภูทับเบิก แต่ปัจจุบันย้ายไปอยู่ใกล้โยมแม่เพื่อดูแลใกล้ชิดอีกแห่งหนึ่งแล้ว

เรื่องราวเกี่ยวกับ “กุมารทอง” ใครไม่เชื่ออย่างไรก็อย่าได้ลบหลู่ แต่กับอาจารย์ ยอมรับว่าเจอกับตัวเองมาไม่น้อย เป็นเรื่องจริงแท้ แน่นอน อาตมาก็ใช้ตัวเอง ใช้ความเพียรของตัวเองแลกมาเพื่อขอดู จึงได้เห็น

...

ศาสตร์ทุกศาสตร์ เรื่องราวอันลี้ลับ เรื่องราวบางเรื่องเกี่ยวกับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์...บางคนก็ว่าเป็นเรื่องหลอกลวง คิดกันเอาเองทั้งนั้น แต่อย่างที่คำโบราณว่าไว้...เรื่องแบบนี้ “เชื่อไม่เชื่ออย่าได้ลบหลู่เด็ดขาด”

ใครที่เคยท้าทายหลายๆคนก็เจอกับตัวมาแล้ว จนถึงขั้นพูดไม่ออก บอกไม่ถูกทีเดียว...

ประสบการณ์ที่เจอผ่านพบมา บอกให้รู้เรื่องบางเรื่องไม่รู้จริงก็อย่าได้พูด และเรื่องบางเรื่องถึงรู้จริงๆก็บอกใครไม่ได้ ไม่ควรพูดออกมา

O O O

ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัย “กุมารทอง” มีอายุขัยหรือไม่? คำตอบก็คือ...“มี” กุมารทองไม่มีเสื่อมเว้นแต่ว่าเขาหมดอายุขัย ซึ่งคนปกติที่มีชีวิตก็จะมีอายุขัยของแต่ละบุคคลเช่นกัน

“กุมารที่ขอเขาเกิดมา เราก็ไม่รู้ว่าขอเขาเกิดมาอายุเท่าไหร่แล้ว ถ้าเป็นคนที่ปฏิบัติจะรู้เลยว่าถึงอายุขัยหรือยัง หรืออีกนานไหมโดยอัตโนมัติ แต่ก็มีปัญหาอีกว่า...จะอยู่ถึงอายุที่เขาขอไว้หรือเปล่าเท่านั้น”

อย่าง “มนุษย์” เราเองก็เหมือนกัน บางคนก็ไปทำร้ายตัวเอง กินเหล้าเมายา ก็ทำลายตัวเอง... ต้องจากไปก่อนอายุขัย ก็มีมาก เรื่องใดๆนี้ก็มีเหตุมีผลเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงซึ่งกันและกันอย่างนี้

...

“กุมาร” ที่เลี้ยงเอาไว้เจ้าของจะรู้จะเห็นด้วยสร้อยสังวาลย์ที่ใส่มีแสงออกมา...ไม่เกิน 3-7 วันก็จะไปเกิดแล้ว เพราะถ้าเห็นแสดงว่าเขาจะมาลา...“หนูจะกลับไปเกิดแล้วนะ”

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

รัก–ยม