ในวงการนางแบบชื่อของ "ชาช่า-มัจฉา โมซิมันน์" ลูกครึ่งไทย-สวิสคนนี้ถูกพูดถึงและรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่วันนี้อีกหนึ่งบทบาทใหม่ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอคือ การเป็นนักร้องคนแรกของค่าย White Fox และดูเหมือนว่า New Chapter ครั้งนี้จะประสบความสำเร็จเสียด้วย เพราะเมื่อซิงเกิลแรก "So What" เพลงสไตล์ Electronic dance ผสม HIP-HOP ถูกปล่อยออกมาได้ไม่นานยอดผู้ชมมิวสิกวิดีโอในยูทูบก็ทะลุ 10 ล้านวิวไปแบบไม่มีอะไรกั้น MIRROR จึงเชิญมัจฉามาพูดคุยถึงสไตล์การทำงานในแบบเธอว่าเพราะอะไรผู้หญิงวัย 21 ปีคนนี้ ถึงประสบความสำเร็จในทุกๆ บทบาทที่เธอเลือกทำ ซึ่งทั้งหมดในบทความนี้มีคำตอบ
So What ซิงเกิลแรกในชีวิต
ก่อนจะเริ่มพูดคุยเรื่องราวของการทำงาน มัจฉาเล่าให้ฟังว่า "เพลง So What เป็นเพลงที่สื่อความหมายว่าเราสามารถเทผู้ชายได้ ถ้าเขาไม่เห็นคุณค่าในตัวของเรา และเราก็พร้อมที่จะกลับมาเห็นคุณค่าในตัวเอง เดินหนีได้ มูฟออนเป็น ซึ่งจริงๆ แล้วเพลงนี้ฉาอยากให้พลังกับผู้หญิง พลังความสวย พลังความมั่นใจ และอยากบอกให้เขารู้ว่าอย่าไปคิดมากกับผู้ชายที่ไม่เห็นคุณค่าเรา ง่ายๆ คือเราอยากจะเป็นเกิร์ลพาวเวอร์ให้กับผู้หญิงทุกคน"
...
ผ่านความยาก แต่ใช้ความพยายามเข้าสู้
จากวงการนางแบบมาสู่การเป็นนักร้อง ก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันนะคะ เพราะการทำงานค่อยข้างแตกต่างกันมากๆ การเป็นนางแบบเราไม่ได้สื่อสารกับคน เราแค่ใส่เสื้อผ้าเดิน มองตรง และใช้แอดติจูดให้ทุกคนรู้สึกว่าเราใส่เสื้อผ้าชุดนี้แล้วสวย แต่การเป็นนักร้อง เราต้องพรีเซนต์ตัวเรา และสื่อสารกับคน 100% ความแตกต่างนี้จึงเป็นเรื่องยากสำหรับฉาค่ะ แต่ตั้งแต่ออดิชันได้เข้ามาอยู่ที่ค่าย ฉาก็ฝึกฝนตัวเองเยอะขึ้น ทั้งเรื่องการร้องเพลง เรื่องเต้น รวมไปถึงการเพอร์ฟอร์มในการสื่อสารด้วย เพราะฉารู้สึกว่าเราต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ ฝึกฝนอย่างหนักและมีความรับผิดชอบมากขึ้น และถ้าถามว่าเหนื่อยมั้ย ฉาเองอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ ฉาเลยรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ทำมากกว่า
ไม่เคยกดดันแต่จะทำให้ดีที่สุด
ฉาไม่คิดมากค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อเราได้รับโอกาสมา แสดงว่าค่ายเขาจะต้องเห็นข้อดีบางอย่างในตัวเรา เราก็จะพยายามให้ความมั่นใจกับตัวเอง บอกเสมอว่าต้องสู้ เพราะมันก็คือสิ่งที่เรารัก และคิดเสมอว่าจะทำให้ดีที่สุด
ชอบการเป็นนักร้อง แต่รักในทุกบทบาทที่ทำ
ฉาชอบการเป็นนักร้องมากกว่าค่ะ ฉาทำงานด้านนางแบบมานานมาก ตั้งแต่อายุ 13-14 ปี ฉาทำมาเรื่อยๆ ก็เริ่มรู้สึกเบื่อ เพราะเรารู้สึกว่าเหมือนเดิมตลอด แต่การเป็นนักร้องสำหรับฉา ฉารู้สึกว่าเรายังสามารถทำสิ่งใหม่ๆ ได้อีกเยอะ และแสดงตัวตนของเราออกมาได้เยอะกว่า แต่ใช่ว่าฉาจะไม่รักงานนางแบบนะคะ แต่ฉาก็อยากที่จะพัฒนาความสามารถของตัวเองเหมือนกัน
"เริ่มใหม่" ด้วยการคุยกับตัวเอง
ฉาเริ่มต้นด้วยการคุยกับตัวเองก่อนค่ะ บอกกับตัวเองว่าวันนี้จะมีสิ่งใหม่ๆ เข้ามาแล้ว ถ้าเราจะทำ เราต้องทำอย่างเต็มที่นะ และเซ็ตความคิดของตัวเองว่าต้องทำให้ดีที่สุด ฉาคิดว่าเรื่องนี้สำคัญมาก ก่อนเราจะเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ เราต้องถามตัวเองก่อนว่าเราอยากทำจริงๆ หรือเปล่า หรือเราชอบจริงๆ ใช่ไหม เพราะถ้าเกิดเราไม่ชอบ หรือเราไม่อยากทำ สุดท้ายงานนั้นๆ เราทำมันออกมาได้ไม่ดี และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญกับฉาก็คือ ต้องดูแลร่างกายของเราให้ดี ฉาเป็นคนทำงานเยอะ และไม่เป็นเวลาบ้างในบางครั้ง เราจึงต้องนอนพักผ่อนให้เยอะๆ กินอาหารให้ดี ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายของเราพร้อมที่จะเริ่มต้นทำงานในทุกๆ วัน
...
ตั้งเป้าหมายไม่ชัด แต่รู้เสมอว่าอนาคตจะทำสิ่งไหน
ไม่ได้ตั้งเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนค่ะ แต่เราจะมีเป้าหมายในหัวว่าอนาคตเราอยากทำอะไร อย่างการเรียนแฟชั่น ฉาก็คิดไว้ตั้งแต่เด็กว่าเราอยากเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ อีกอย่างโดยส่วนตัวฉาไม่ชอบอยู่นิ่งๆ เลยมีแพลนตลอดเวลาว่าเราจะทำอะไรต่อไปดี
เป็นคนทำงานง่าย พร้อมรับฟัง
ถ้าถามว่าฉามองตัวเองว่าเป็นคนทำงานแบบไหน ฉาเป็นคนที่ทำงานด้วยง่ายนะ เพราะว่าฉาชิลมาก และก็เป็นคนที่รับฟังตลอด พอเราทำงานมาตั้งแต่เด็กมันทำให้ฉาโตขึ้นเยอะ มีความรับผิดชอบ และก็รู้จักการพูดคุยงานกับคนอื่นๆ มากขึ้น ฉาทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เราไม่รู้ตัวหรอกค่ะ ว่าเราจะต้องมีความรับผิดชอบ หรือโตขึ้นอย่างไร แต่พอเราทำไปเรื่อยๆ สิ่งที่เราทำนั่นแหละมันค่อยๆ ซึบซับมาเป็นเรา จนเราคิดได้เอง
จัดแพลนให้ดีแล้วชีวิตจะง่าย
การแบ่งเวลาบางครั้งก็เป็นเรื่องที่ยาก แต่สิ่งที่ฉาจะต้องทำให้ได้คือ นอนเยอะๆ และออกกำลังกายทุกเช้า อย่างฉาจะวางตารางชีวิตเอาไว้เลยว่าใน 1 วันเราจะต้องทำอะไรบ้าง เพราะฉาคิดว่าถ้าเรามีแพลนชีวิตก็จะง่ายขึ้นค่ะ
...
การทำงานสอนให้ฉานิ่งขึ้น และรับฟังคนอื่นมากขึ้น
นอกจากจะสอนให้เรามีความรับผิดชอบ และอดทนแล้ว ยังสอนให้ฉาใจเย็นขึ้นด้วย บางครั้งเราอาจจะได้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกใจเรา เราจึงต้องใจเย็น และพยายามรับฟังเหตุผลของอีกฝ่ายเสมอ เพราะสิ่งที่เราคิดก็ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป ซึ่งการทำงานสำหรับฉามันจะต้องมีความประณีประณอม ถ้าจะฉาตอบการทำงานก็สอนให้เราโตขึ้น นิ่งขึ้น และรับฟังคนอื่นๆ มากขึ้นค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วการมาเจอกันตรงกลางจะช่วยให้เราสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น
พลังบวกที่ได้มาจากคุณแม่
ฉาโชคดีที่คุณแม่เป็นผู้หญิงที่มีพลังบวกเยอะมาก ฉาจึงได้เรียนรู้ และซึบซับมาจากคุณแม่เยอะ เราเลยพยายามคิดบวกเข้าไว้ คุณแม่ฉาจะทำบุญเยอะ ฟังธรรมะ ท่าจะบอกฉาเสมอว่าสุดท้ายแล้วถ้าเราคิดด้านลบ ยึดติดกับความคิดลบๆ เราก็จะจมอยู่กับสิ่งนั้น ซึ่งมันไม่ได้ทำให้เราแฮปปี้ขึ้น เราจึงต้องปล่อยวาง เพราะท้ายที่สุดแล้วความสุขของเราก็คือสิ่งที่สำคัญที่สุด
How to เริ่มต้นใหม่แบบฉบับมัจฉา
สิ่งที่สำคัญมากๆ ก็คือการรักตัวเอง เพราะการมีความสุขมันเริ่มได้จากตัวเรา และวิธีคิดที่เรามองตัวเอง สิ่งที่อยากจะบอกผู้หญิงทุกคนก็คือ เราต้องเห็นคุณค่าในตัวเอง ไม่ว่ารูปร่างหรือหน้าตาของเราจะเป็นอย่างไรก็ตาม เสน่ห์คนเรามันออกมาจากความคิดและภายใน และถ้าเรารักตัวเองได้เมื่อไหร่ พลังงานดีๆ เหล่านั้นก้จะถูกส่งต่อไปให้คนรอบข้างเราด้วยเหมือนกัน
ก่อนจบบทสนทนามัจฉาบอกกับเราว่า "วันนี้ฉายังมี motivation และยังอยากที่จะมี complement มาเติมเต็มให้กับชีวิต อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองค่ะ ทั้งหมดนี้มันเลยเป็นเหมือนกับพลังของเรา เราก็เลยไม่ได้มีความรู้สึกเหนื่อย หรือรู้สึกว่าเราทำงานหนัก และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ฉารู้สึกรักในทุกอย่างที่ฉาทำจริงๆ" ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหน MIRROR ขอเป็นกำลังใจให้กับมัจฉา และเป็นกำลังใจให้กับทุกการเริ่มต้นใหม่ของ Lady MIRROR ทุกคนด้วยนะคะ แค่คุณเชื่อว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จ และเป็นก้าวใหม่ที่ดี เพียงเท่านี้ก็สำเร็จไปเกินครึ่งแล้วค่ะ
...