ถ้าพูดถึงนักร้องแร็ปเปอร์หญิงของเมืองไทยซึ่งกำลังเป็นที่น่าจับตามองอยู่ในขณะนี้ เชื่อได้ว่าหนึ่งในรายชื่อนั้น ต้องมี "มิลลิ" อย่างแน่นอน ด้วยศักยภาพที่มีอยู่ในตัวอย่างเต็มที่ทั้งในเรื่องการร้อง การเต้น และภาษาการแร็ปที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจึงไม่แปลใจเลยท่ีไม่ว่าหันไปทางไหนดูเหมือนว่าเราจะเห็นหน้ามิลลิอยู่เต็มไปหมด ด้วยอายุเพียงเท่านี้แต่กับสร้างผลงานในวงการบันเทิงที่มีอย่างมากมาย อะไรคือแนวคิดการทำงาน ร่วมถึงอนาคตในวงการเพลงจะเป็นอย่างไรต่อไป บทบาทแต่ละอย่างที่ทำให้กลายมาเป็น มิลลิ หรือ ดนุภา คณาธีรกุล ที่เรารู้จักกันอย่างนี้ ขอบอกเลยว่าถ้ารู้จักจะยิ่งตกหลุมรักกับมนต์เสน่ห์ในตัวเธออย่างแน่นอนค่ะ

...

"MILLI" กับบทบาทที่ทำอยู่ตอนนี้

ตอนนี้มีแต่งเนื้อเพลงให้ตัวเอง แล้วก็มีแต่งเนื้อเพลงให้คนอื่นบ้างค่ะ ช่วงนี้เราพยายามจะเรียนรู้เบื้องหลังการทำงาน เรื่องการทำเพลงที่ไม่ใช่แค่เนื้อเพลง แต่เป็นตั้งแต่เรื่องการทำดนตรีจนอาจถึงการเป็นโปรดิวเซอร์เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ชอบ เราอยากรู้จักมันให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ค่ะ

พยายามหาอะไรใหม่ๆ ใส่ลงในเพลงอยู่เสมอ

จริงๆ แล้วการแต่งของตัวเองค่อนข้างเครียด เพราะเวลาแต่งเดโม่แรกให้ค่ายฟัง จะโดนล้างกระดานตลอด เพราะเวลาเราแต่งมันค่อนข้างโหด ค่อนข้าง negative ซึ่งไม่โอเค ด้วยความตั้งใจอยากให้เพลงมันแมส ถ้ามันเป็นแนวนี้มากๆ มันจะไม่ Touch คนฟังเท่าไร แต่เราก็ยินดีที่จะแก้นะ เพราะเราอยากทำมันให้ออกมาอย่างดีที่สุด ซึ่งรู้สึกสนุกกับมัน ซึ่งการแต่งเพลงให้ตัวเองจะสามารถใส่อะไรก็ได้ เลยพยายามหาอะไรใหม่ๆ ใส่ลงไปในเพลงอยู่ตลอดเวลา แตกต่างจากการที่เราไปทำเพลงให้คนอื่น อันนั้นเขาจะมีคอนเซปต์มาให้แล้ว ทำให้แต่งค่อนข้างไวกว่าของตัวเอง

การแต่ง Rhythm ส่วนมากมาจากตัวเอง

การแต่ง Rhythm มาจากตัวเองเป็นหลักมันอาจไม่ใช่เรื่องจริง หรือเป็นเพียงแค่เป็นแนวคิดก็ได้ สำหรับเราเพลงมันคือศิลปะชนิดหนึ่ง เป็นการเอาคำพูดที่อยากสื่อสารนำมาเรียบเรียงให้เป็นถ้อยคำต่างๆ ออกมา เพราะฉะนั้นเราสามารถใส่อะไรก็ได้ลงไปในเพลง จะเป็นเรื่องที่ซีเรียส ไม่ซีเรียส มีสาระ หรือไม่มีสาระก็ได้ เพราะศิลปะมันก็คืองานศิลปะ มันไม่มีผิดไม่มีถูกอยู่แล้ว

ส่วนมากไอเดียมักมาจากตอนที่เราไม่ได้คิดอะไร

ในการแต่งเพลงนี้ถ้าคิดไม่ออกเราจะไม่วางไว้ตรงนั้นแล้วถอยออกมา เราคิดว่าคนที่เป็นจิตกรหรือศิลปิน เขาต้องอาศัยความเข้าใจตัวเองที่อยากจะพูดอะไร อยากจะทำอะไร การที่ต้องเค้นออกมาสุดท้ายก็ต้องกลับมาแก้อยู่ดี เพราะมันออกจากการเค้นไม่ใช่ความเต็มใจของเรา พอมาฟังย้อนหลังจะรู้สึกไม่ชอบสิ่งนี้เลย สำหรับเราบางทีไอเดียชอบมาเวลาที่ไม่ได้คิดอะไรเลย ฉะนั้น Rhythm จะเกิดขึ้นในตอนที่หัวเราโล่งๆ พอไอเดียมา เราจะจดไว้ก่อนแล้วค่อยมาดูว่าอันไหนสามารถดึงมาใช้ได้ บางประโยคมันอาจจะไม่เหมาะในช่วงเวลาตอนนี้ก็เก็บไว้ก่อน แล้วพอถึงเวลาที่เหมาะสมค่อยนำออกมาใช้ค่ะ

...


ไม่อยากเรียกตัวเองว่า "แร็ปเปอร์"

เมื่อเข้าวงการมาสักพัก สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือในเรื่องของเวลา เราต้องการเวลาพักผ่อนมากขึ้น อีกอย่างคือครอบครัวที่เขาเป็นห่วงเรามากขึ้น ที่เหลือเพื่อนเหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม จริงๆ เราไม่ชอบการคาดหวัง เพราะเดี๋ยวกลัวการผิดหวัง รู้สึกว่าไม่คาดหวังดีกว่า เมื่อได้เข้ามาทำงานตรงนี้แล้วจะคิดอยู่เสมอว่าควรทำยังไงให้อยู่ตรงนี้ได้นานที่สุด มันรู้สึกว่าไม่ได้อยากทำแค่อยากเดียวในวงการนี้ เลยไม่ได้จะเรียกตัวเองว่าแร็ปเปอร์ เพราะยังไม่รู้สึกว่าไม่ได้แร็ปเก่งขนาดนั้น แล้วก็ยังอยากทำอะไรอีกหลายๆ อย่างด้วย ถ้าเราเรียกตัวเองว่าเป็นแร็ปเปอร์จะต้องทำเพลงแนวนี้ไปตลอด ซึ่งมองว่าไม่ได้อยากแบบนี้ไปตลอด มันจะต้องมีอย่างอะไรใหม่ๆ เข้ามาอยู่ตลอด

ไม่ปิดกั้นตัวเอง พร้อมจะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา

เราจะไม่ปิดกั้นตัวเอง ล่าสุดเพิ่งไปคุยกับชาวทวิตเตอร์มา เพราะพวกเขาจะมีความรู้เรื่อง Feminism และเรื่อง Empower ในบางมุมเขารู้สึกว่าเพลงพักก่อน มันเป็นการลดทอนคุณค่าผู้หญิง ซึ่งต้องยอมรับว่าตอนนั้นเราคิดน้อยไปจริงๆ พอกลับมาฟังแล้วรู้สึกว่ามันสามารถมองในมุมนั้นได้จริงๆ ตอนนี้เลยอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ Feminism เยอะมาก พยายามทำความเข้าใจกับหลายๆ อย่างที่ไม่รู้ด้วยค่ะ อีกหนึ่งสิ่งที่รู้สึกดีคือ พวกเขาเห็นว่าเราไม่ใช่เด็กที่เป็นแบบน้ำเต็มแก้ว นั่นคือสิ่งที่อยากจะเป็นมากๆ เพราะรู้สึกว่าการที่เป็นน้ำเต็มแก้วเราจะไม่รับรู้อะไรเลย หรือไม่สามารถแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองได้ ซึ่งเราไม่อยากเป็นคนแบบนั้นเลยเปิดรับทุกอย่างที่เข้ามาตลอด พยายามไม่ปิดกั้น และไม่คิดว่าตัวเองถูกที่สุดค่ะ

เพลงรักในมุมมองของ "MILLI"

จริงๆ อยากจะบอกแนวเพลงความรักมันยากมาก เพราะไม่ใช่ว่าอายุหรือเป็นคนไม่เคยมีความรักนะ แต่เรารู้สึกว่าไม่รู้จะใช้คำไหนมาจำกัดความเพื่อเรียบเรียงให้ออกมาเป็นเพลงได้ เพราะท่อนฮุกของเพลงมันต้องเป็นท่อนที่คนจะจดจำ คนอยากร้องตาม มันเลยค่อนข้างยากที่จะสรรหาคำๆ เดียวมาพูดแทนความรู้สึกเราทั้งหมดกับคนนั้น อีกอย่างเรารู้สึกว่าเรื่องความรักมันค่อนข้าง personal ไม่รู้จะพูดแค่ไหนดีที่ไม่ได้อยากให้เขารู้จักเราเกินไป แต่ก็อยากจะให้รู้แค่มุมๆ เดียว มันเลยค่อนข้างยาก ขอยกตัวอย่างเพลงอัลบั้มล่าสุด ยังโอม (Youngohm นักร้องแร็ปเปอร์) เราฟังแล้วรู้สึกว่าทุกเพลงในอัลบั้มเขาอะ มันไม่ใช่คนเดียวกันเลยแล้วมันฟังแล้วรู้สึกแตกต่างกันในทุกเพลง มันเหมือนมีการใส่ความรู้สึกร่วมด้วย ตอนนี้เลยกำลังหาวิธีที่จะทำให้เพลงรักเราเป็นแบบนั้นอยู่ค่ะ

...

ความฝันคือได้ Feat. กับศิลปินที่ชอบ

ถ้าเป็นศิลปินต่างประเทศอยาก Feat. กับ BTS เป็นแนวเพลงไหนก็ได้ อยากทำอะไรที่เขาเองก็ยังไม่เคยทำ แต่ถ้าเป็นศิลปินไทยก็มีเยอะมากเลยนะ ไม่อยากเจาะจงเลยว่าจะเป็นคนไหน ยังไม่รู้เลยว่าจะไปได้ถึงเบอร์ไหน ตอนนี้ก็ยังต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ก่อน ถ้าตอนนี้ใครที่รู้สึกว่าอยากลองทำร่วมกันก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ แต่ตอนนี้ถ้าเป็นคนไทย คงเป็นพี่ภูมิ (วิภูริศ ศิริทิพย์) อาจจะเป็นแบบอังกฤษล้วนที่เราจะเอาคำไทยเข้าไปใส่ ส่วนสไตล์ถ้าเป็นแจ๊ซได้คงดี เพราะพี่ภูมิทำแนวเพลงนี้ได้ แต่อาจจะเป็น Pop Jazz หรือเอาอะไรใหม่ๆ เข้ามาใส่ รอติดตามกันได้เลยภูมิ Feat.MILLI

ก่อนทิ้งท้ายกันไปกับสาวน้อยคนนี้เธอยังได้ให้คำนิยามในความเป็นตัวเธอเองว่า "เกล๊าะห์" ที่ไม่ได้มีความหมาย หรือคำแปลอะไร เพียงแค่เป็นเสียงหนึ่งที่ออกมาจากริมฝีปากเท่านั้น ก็เหมือนตัวของเธอเองที่ไม่อาจหาคำจำกัดความอะไรที่จะมาบอกเล่าถึงความเป็นตัวตนได้จากคำเพียงหนึ่งคำ