เสื้อเหม็นอับ หรือเสื้อผ้ามีกลิ่นอับชื้น เป็นปัญหาใครๆ ก็ไม่อยากเจอ ยิ่งหน้าฝนอย่างนี้ด้วย ยิ่งมีโอกาสที่เสื้อเหม็นอับได้ และไม่ใช่แค่เหม็น แต่ใส่แล้วอาจคัน เพราะเป็นโรคผิวหนังด้วย เรามาดูคำแนะนำของกรมอนามัย เกี่ยวกับวิธีแก้เสื้อเหม็นอับแบบง่ายๆ กันดีกว่า

สาเหตุเสื้อเหม็นอับ เชื้อราบนผ้า

ก่อนอื่นต้องรู้สาเหตุก่อน เสื้อเหม็นอับเกิดขึ้นได้ง่ายในช่วงหน้าฝน ซึ่งแพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย อธิบายไว้ว่า ถ้าเสื้อเปียกฝน หรือสวมใส่เสื้อผ้าที่เปียกชื้นเป็นเวลานานหลายชั่วโมง เมื่อกลับถึงบ้าน แล้วไม่นำเสื้อผ้าที่เปียกไปแขวนผึ่งให้แห้ง แต่นำไปใส่ตะกร้าเพื่อรอการซัก หากทิ้งไว้นานๆ อาจทำให้เกิดเชื้อราบนเสื้อผ้า 

แม้ว่าจะซักตากทำความสะอาดเสื้อผ้าเป็นอย่างดีแล้ว แต่เนื่องจากฝนตกทำให้เสื้อผ้าที่ตากไว้ไม่แห้งหรือแห้งไม่สนิท เมื่อนำมาแขวนรวมๆ กัน ก็อาจทำให้เกิดกลิ่นอับชื้นได้ พอมาใส่ก็คันเป็นโรคผิวหนังได้ในที่สุด

...


วิธีป้องกัน แก้เสื้อเหม็นอับ
การป้องกัน และวิธีแก้เสื้อเหม็นอับนั้นทำได้ไม่ยาก มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

1.ถ้าเสื้อเปียกชื้นเพราะโดนฝน หรือโดนน้ำ ควรรีบซักเสื้อผ้านั้นทันที หรือผึ่งให้แห้ง ก่อนใส่ตะกร้ารอการซัก กรณีนี้รวมถึงหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยด้วย ถ้าเปียกชื้นอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้

2.สำหรับเสื้อผ้าที่มีกลิ่นอับชื้น หรือปัญหาเชื้อราบนผ้า มีวิธีแก้ หรือทำความสะอาดเพื่อทำลายเชื้อราได้ 2 วิธี คือ

วิธีแรก ซักตามปกติ แล้วนำไปต้มในน้ำเดือดนาน 15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง

วิธีที่สอง แช่ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่สามารถหาได้ในครัวเรือน ได้แก่ น้ำยาซักผ้าขาว ที่มีส่วนผสมโซเดียมไฮโปคลอไรด์ โดยเติม 1 ฝา ต่อน้ำ 10 ลิตร แช่ผ้าไว้นาน 5-15 นาที หรือใช้น้ำส้มสายชู 2-3 ถ้วยตวง ต่อน้ำ 1-2 ลิตร แช่ผ้าไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง แล้วซักตามปกติ

3. นำไปตากแดดจัด หรือตากในที่ที่มีอากาศถ่ายเทจนแห้ง แล้วนำมารีดทั้งข้างในและข้างนอกตัวเสื้อ โดยก่อนทำความสะอาดเสื้อผ้า ควรอ่านป้ายสัญลักษณ์การดูแลรักษาเสื้อผ้า เพื่อเลือกวิธีทำความสะอาดเสื้อผ้าที่ดีที่สุดและป้องกันเสื้อผ้าชำรุด

ทำได้แบบนี้ เราก็จะห่างไกลความเหม็นแล้ว แต่ถ้ายังนำเสื้อที่มีกลิ่นอับชื้นมาสวมใส่ ผลคือจะเสี่ยงเกิดโรคผิวหนังจากเชื้อรา อย่างโรคกลาก เกลื้อน ที่มีลักษณะเป็นผื่นแดง มีขุยรอบ ๆ เกิดอาการคัน ทำให้เป็นผื่นแพ้และติดเชื้อได้ ซึ่งถ้าใครใส่เสื้อผ้าแล้วคัน ควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธีต่อไป