อันตรายและความรุนแรงของโรค 

อันตรายและความรุนแรงของโรคไซนัสอักเสบแบบเฉียบพลันนี้ มีตั้งแต่ต่ำไปถึงมากสุด

- ความรุนแรงต่ำ คือ มีอาการคล้ายไข้หวัดที่มากกว่าที่เคยเป็น คือ ไม่สบายตัว หายใจไม่สะดวก คัดจมูก น้ำมูกไหลและข้นมากกว่าไข้หวัดธรรมดา

- ความรุนแรงปานกลาง คือ ผู้ป่วยจะมีอาการมากขึ้นจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน รบกวนการนอน การทำงาน โดยมีอาการคัดจมูกมาก ปวดศีรษะมาก ไอมาก ซึ่งมักเกิดจากน้ำมูกไหลลงคอ เป็นต้น

- ความรุนแรงมากถึงขั้นอันตราย นั่นคือ มีภาวะแทรกซ้อน เช่น มีการติดเชื้อลุกลามบริเวณตา การติดเชื้อในกะโหลกศีรษะ ซึ่งพบมากในคนไข้เด็กมากกว่าผู้ใหญ่

การรักษา

การรักษาหลักคือ การใช้ยาพ่นจมูกเพื่อลดอาการอักเสบของเยื่อบุ ซึ่งเป็นสเตียรอยด์ที่มีความปลอดภัยสูง และออกฤทธิ์เฉพาะที่บริเวณเยื่อบุโพรงจมูก และมักไม่มีผลข้างเคียงจากการใช้ยานี้

การใช้ยาฆ่าเชื้อ ในกรณีที่สงสัยว่ามีอาการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น มีไข้สูง มีอาการที่กลับแย่ลงกว่าเดิม มักจำเป็นจะต้องให้ยาฆ่าเชื้อร่วมด้วย โดยจะต้องกินประมาณ 7-10 วัน

การรักษาอื่นๆ เป็นการรักษาตามอาการ เช่น การให้ยาลดอาการบวมของเยื่อบุโพรงจมูกเพื่อลดอาการคัดจมูก ยาพาราเซตามอล หรือยากลุ่ม NSAIDs เพื่อลดอาการปวด

การดูแลตนเองเมื่อเป็นไซนัสอักเสบเฉียบพลัน

เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไซนัสอักเสบแบบเฉียบพลัน ผู้ป่วยควรใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง ดูแลตนเองให้ร่างกายแข็งแรงโดยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรว่ายน้ำซึ่งอาจกระตุ้นให้ไซนัสอักเสบเป็นมากหรือเป็นนานขึ้นได้ ส่วนการออกกำลังกายอื่นๆ ก็ทำได้ตามความสามารถของร่างกาย

...

การป้องกัน

การป้องกันโรคไซนัสอักเสบแบบเฉียบพลันหลักๆ ก็คือ การป้องกันตนเองไม่ให้เป็นโรคไข้หวัดนั่นเอง เพราะถ้าไม่เป็นหวัดแล้ว ก็จะมีโอกาสน้อยที่จะเกิดการอักเสบไปยังโพรงไซนัส จึงควรดูแลตนเอง ดังนี้

1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในทุกมื้อ โดยเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย รับประทานอาหารที่ปรุงสุก ใหม่ และสะอาด

2. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว

3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ โดยควรนอนอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง

4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยออกกำลังกายต่อเนื่องอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 150 นาทีขึ้นไป

5. ลดการออกไปในที่ชุมชน ที่แออัดต่างๆ หรือหากจำเป็นต้องไป ก็ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากคนอื่น

6. หากเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัว ก็ต้องติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากมีอาการของโรคประจำตัวเกิดขึ้น ก็จะส่งผลให้ภูมิคุ้มกันตก เป็นหวัดได้ง่าย และนำไปสู่การเป็นไซนัสอักเสบได้เช่นกัน


@@@@@@

แหล่งข้อมูล

อ.พญ.กังสดาล ตันจรารักษ์ ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล