คุณแม่ท่านหนึ่งพาลูกสาวมานั่งคุยกันในรายการ “พี่อ้อยพี่ฉอดตัวต่อตัว” ค่ะ ผู้หญิงที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะสามีเสียไปตั้งแต่ลูกยังเล็ก เลี้ยงลูกด้วยสองมือแม่ ถนอมสุดหัวใจจนลูกเจอคนที่ลูกตัดสินใจสร้างครอบครัวใหม่ ความรักก็อยู่ในสายตาคุณแม่มาตลอด ใช้ชีวิตคู่ได้เป็นปี ก็เข้าใจว่าลูกอยู่ดีมีสุข แค่ระยะหลังๆ ไม่ค่อยเห็นลูกโพสต์รูปคู่กัน วันหนึ่งเลยตัดสินใจถาม ลูกสาวบอกว่า ลูกเขยไม่อยากให้โพสต์ เขาทำงานราชการเดี๋ยวจะหาว่าอวด อ่านมาถึงตรงนี้ คงมีหลายคนเริ่มคิดไปไกล จะบอกว่าเราคิดตรงกันค่ะ แต่งงานกันแล้ว จะมีผลกระทบอะไรต่องานหรือ เมื่อลูกพ้นอกไป ยังไงก็ยังเป็นลูกของแม่วันยังค่ำ แค่ไม่อยากถามเซ้าซี้

จนวันดีคืนดีลูกสาวเล่าว่า สามีมีคนอื่น และยื่นข้อเสนอให้ลูกของแม่หย่า แต่เมื่อคนยังรัก ก็ขอปักหลักในพื้นที่ตัวเอง เขาจะไปอยู่กับใครก็ไป เราก็ดูแลตัวเองไปในพื้นที่ของเรา โดยมีคุณแม่ที่คอยเตือนเสมอว่า ถ้าไม่ไหวก็กลับมาหาแม่นะ และอย่าไปไหนกับเขาแค่สองคนนะช่วงนี้ จะไปไหน หาเพื่อนไป หรือบอกแม่ไว้บ้าง... เขาเป็นสามีภรรยากัน การห้ามไม่ให้ไปไหนไกลๆ กันสองคน ก็ดูงงๆ อยู่ จนวันหนึ่ง มีสายของเพื่อนลูกโทรฯมา ถามว่าน้องอยู่บ้านหรือเปล่า แม่เริ่มกังวล แต่เพื่อนก็ไม่ได้บอกอะไรวางสายไป ... แล้วก็มีเพื่อนอีกคนของลูกโทรฯ มาอีก ถามว่า “น้องอยู่บ้านไหม” แม่เลยคาดคั้นว่า “มีอะไร” เพื่อนน้องเลยบอกว่า “หนูกำลังสงสัยว่า ลูกของคุณแม่ถูกทำร้าย และตอนนี้อยู่ที่ รพ. ในเพจกู้ภัยกำลังโพสต์เพื่อตามหาญาติอยู่” ภาพที่คุณแม่เห็นตอนพุ่งไปที่ รพ.คือลูกสาวเลือดเต็มตัว หน้ายุบเหมือนโดนของแข็งฟาด

น้องเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ 3 เดือนกว่า โดยคนที่เคยบอกว่ารักลูกแม่ทำร้ายหัวใจแม่ด้วยวิธีนี้แค่อยากให้ภรรยาหย่าให้ แม่เล่าไปน้ำตาไหลไป ความรักของแม่ยิ่งใหญ่ และต่อลมหายใจลูกเสมอ น้องค่อยๆ ดีขึ้นจากเดินไม่ได้ ค่อยๆ กายภาพ จนกลับมาได้คล้ายๆ เดิม ความทรงจำตอนถูกทำร้ายหายไป น้องรู้สึกตัวและฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากมาพักฟื้นที่บ้าน แม่ไม่พูดถึงเรื่องที่ลูกถูกสามีทำร้าย เพราะกลัวทำร้ายจิตใจ แต่สมองของคนมันล้ำลึกเกินกว่าจะเข้าใจ 4 เดือนผ่านไป อยู่ๆ น้องก็พูดขึ้นมาว่า “เขาตีหนูแม่” ...ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในช่วงของการดำเนินคดี ผู้ชายคนนั้นแต่งงานใหม่ไป แบบที่ไม่รู้ว่า ภรรยาใหม่จะหลอนบ้างไหม เขาเคยทำกับคนเก่ายังไง เราก็อาจจะโดนแบบนั้นได้ไม่ต่างกัน

...

แค่รู้สึกว่า หมดรักก็เดินจากไปสิ ทำไมต้องทำร้ายกันขนาดนี้ อยากไปอยู่กับผู้หญิงใหม่ เขาก็ให้ไป คุณแม่ยังเคยบอกกับอดีตลูกเขยว่า “ให้เวลาน้องทำใจหน่อย เขารักหนู จะให้หย่าตอนนี้คงยังทำใจไม่ไหว ไม่ต้องกลัวเดี๋ยวแม่กล่อมให้ หนูได้หย่ากับลูกแม่แน่นอน” แต่เขารอไม่ไหว เมื่อจะไปต้องได้ไป พอไม่ให้ไปก็ถูกทำร้ายหมดสติไปถึงสามเดือน นึกถึงเรื่องนี้เพราะมีคำถามหนึ่งที่ส่งมาพอดี

“หนูเลิกกับพ่อของลูกค่ะตอนอายุ 34 ปี และตอนนี้มีแฟนใหม่ แต่พ่อกับแม่บังคับให้เราเลิกกัน เราไม่กล้าบอกกับแฟน เลยหาเรื่องทำทุกอย่างในสิ่งที่เขาเกลียดเพื่อที่จะเลิกกับเขา แต่ตอนนี้คือตัวเราเองทุกข์มาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ รักแฟนคนนี้มากอยากถามพี่อ้อยว่าควรทำยังไงดีคะ”

ก่อนจะไปถึงเรื่องเลิก ทำความเข้าใจก่อนไหมว่าทำไมพ่อแม่ถึงไม่ให้คบกัน เราผ่านชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลวมาแล้ว 1 ครั้ง ไหนจะต้องดูแลลูกอีก 1 คน การเริ่มต้นครั้งใหม่ ใครก็คงห่วง ลูกจะเจ็บเรื่องซ้ำๆ แค่เปลี่ยนคนมาทำให้เจ็บหรือเปล่า ลูกคือหัวใจพ่อแม่ เวลาลูกเจอเรื่องแย่ๆ หัวใจพ่อแม่ถึงเจ็บที่สุด ถ้าเรามั่นใจว่าเขาคือคนดี ก็ต้องหาวิธีพิสูจน์ใจไปด้วยกัน บอกกับเขาว่าเราเจออะไร ยิ่งเจอโจทย์ยากเท่าไหร่ ยิ่งวัดใจเขา ดูซิว่า ที่บ้านเราไม่เอา แล้วเขาพร้อมสู้เพื่อจะมีเราแค่ไหน บอกพ่อแม่เลยว่า เราเชื่อท่านนะ ให้ท่านช่วยดู เรารู้ว่าที่ผ่านมา พ่อแม่เจ็บไม่ต่างจากเรา ขอบคุณที่เป็นหลุมหลบภัยให้ลูกเสมอ พ่อแม่ไม่ต้องห่วง หนูยังไม่รีบมีครอบครัวใหม่ ค่อยๆ ดูกันไป ....และถ้าต่างฝ่ายต่างได้พยายามแล้ว แต่เดินหน้าต่อไปไม่ได้จริงๆ ก็จากกันด้วยดี ทำไมต้องพยายามให้เขาเกลียด เราไม่อยากอยู่ในความทรงจำดีๆ ของเขาหรือ ทำร้ายเขาเราก็เจ็บ รักกันไม่ได้ ก็เศร้ามากแล้ว ยังจะกลายเป็นคนที่เขาเกลียด เราจะซ้ำเติมตัวเองไปถึงไหน

ต่อให้เป็นเรื่อง “ใจ” ยังไงก็ต้องใช้ “สติ”  ไม่ต้องประชดใคร ค่อยๆ รับมือกันไปอย่างทำความเข้าใจ พ่อแม่ไม่ใช่สาเหตุที่เรารักกันไม่ได้ แค่เราไม่รักกันมากเท่าไหร่ เลยผ่านเงื่อนไขนี้ไปไม่ได้เท่านั้นเอง ถ้าพ่อแม่ให้เราไปกับเขาง่ายๆ เขาไม่ต้องดิ้นรนอะไร สุดท้ายอาจทิ้งเราไปง่ายๆเช่นกัน เคยอ่านเจอประโยคหนึ่งที่โพสต์ไว้ในโซเชียลฯ “สิ่งที่ทำให้เราตาย นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้เราโต” เช่นกันสิ่งที่ทำให้เรารักกันไม่ได้ อาจมีผลทำให้เรารักกันได้มากมายกว่าเดิม ใครจะไปรู้