ช่วงหยุดอยู่บ้านยาวๆ ที่พ่อแม่ต้องนั่งทำงานอยู่ที่บ้าน และลูกๆ ก็เรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน ช่วงแรกๆ เป็นช่วงที่ทุกคนในบ้านมีความสุขมาก เพราะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อแม่ลูกมีเวลาอยู่ด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หลายคนคิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้ตลอดไปก็น่าจะดี
แต่พอพ้นช่วงโปรโมชั่น สถานการณ์ล็อกดาวน์ยังไม่คลี่คลาย แม้จะเริ่มออกไปนอกบ้านกันมากขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่ไว้วางใจ ที่สำคัญหลายบ้านเริ่มตระหนักซึ้งถึงรายได้ที่ลดลง รายจ่ายกลับสูงขึ้น เพราะสั่งของออนไลน์มากขึ้น ซึ่งทำให้แต่ละคนในบ้านเริ่มมีความตึงเครียดแบบลึกๆ นอกจากนี้ พอพ่อแม่ลูกอยู่เจอหน้ากันตลอดวันตลอดคืน แต่ละคนก็จะค่อยๆ เริ่มอึดอัดจากความเป็นส่วนตัวลดน้อยลง บ้านที่มีลูกที่ต้องเรียนออนไลน์ พ่อแม่ก็ต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไชให้ลูกเข้าไปเรียน เรียนแล้วก็ไม่ค่อยมีสมาธิในการเรียน พ่อแม่ก็ต้องคอยดูว่าเรียนครบหรือไม่ ทำการบ้านได้หรือไม่
จากเดิมที่ต้องสอนการบ้านลูกตอนเย็นหลังกลับจากโรงเรียน กลายเป็นแทบจะต้องเรียนออนไลน์ไปพร้อมกับลูก คราวนี้พ่อแม่นอกจากมีบทบาทเป็นหัวหน้าครอบครัว หารายได้เข้าบ้านแล้ว ยังต้องสวมบทบาทพี่เลี้ยงเด็กและคุณครูไปด้วยในขณะเดียวกัน ยิ่งเด็กที่เป็นลูกคนเดียว พ่อแม่ก็ต้องสวมบทบาทเป็นเพื่อนเล่นให้กับลูกด้วย บ้านไหนมีลูกวัยรุ่น ที่ปกติไม่ค่อยจะได้คุยกับพ่อแม่อยู่แล้วเพราะมีโลกส่วนตัวสูง พอปิดยาว ไม่ได้ออกไปเจอเพื่อน ก็เข้าไปคุยกับเพื่อนในโซเชียลมากขึ้น พ่อแม่ไม่เข้าใจก็หาว่าติดโทรศัพท์หนักขึ้น ว่าแล้วก็พยายามสั่งให้ลูกทำนู่นทำนี่ ในที่สุดบรรยากาศภายในบ้านอันแสนจะอบอุ่นในช่วงแรก ก็เริ่มกลายเป็นอบอุ่นจนอึดอัด
ดังนั้นช่วงนี้เป็นโอกาสดีที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะเรียนรู้ที่จะจัดสรรพื้นที่ รวมทั้งเวลา เพื่อความเป็นส่วนรวม และส่วนตัว ซึ่งทุกคนควรจะต้องเคารพซึ่งกันและกัน พื้นที่ส่วนรวมก็ต้องช่วยกันดูแลรักษา พื้นที่ส่วนตัวของเราก็จัดเก็บให้เป็นระเบียบเรียบร้อย พื้นที่ส่วนตัวของคนอื่นต้องต้องเคารพและไม่เข้าไปก่อนได้รับอนุญาต เวลาส่วนรวมก็ต้องร่วมมือร่วมใจให้เวลากันและกันอย่างเต็มที่ เวลาที่เป็นส่วนตัวของเราก็ใช้ให้คุ้มค่าเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง เวลาส่วนตัวของคนอื่นก็ต้องเคารพและไม่ไปเยอะกับเขาเพราะเป็นเวลาส่วนตัวของเขา
...
นอกจากนี้ วิธีการสื่อสารภายในบ้าน ก็ควรจะเปลี่ยนแปลง บ้านไหนพูดกันน้อย ก็ลองหัดหาเรื่องราวดีๆ ต่างๆ มาเล่าสู่กันฟังบ้าง บ้านไหนพูดจากันรุนแรง ก็ลองพูดให้นุ่มนวลขึ้น ถ้าช่วงแรกๆ รู้สึกเขินที่จะต้องพูดจากันเพราะๆ ก็ลองใช้การพูดให้สนุกให้ตลก เมื่อบรรยากาศผ่อนคลายขึ้น ยิ้มให้กันมากขึ้น การพูดจาดีๆ ต่อกันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ถ้าทุกคนรู้จักถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน บ้านก็จะอบอุ่นไม่อึดอัด และกลายเป็น New Normal ที่ควรจะเป็น
ใครมีปัญหา ลูกเรียนไม่เก่ง ไม่รู้จะทำอะไรในอนาคต ซึมเศร้า ญาติพี่น้องติดกลุ่มลัทธิ ปัญหาครอบครัว ความสัมพันธ์ การทำงาน ติดโซเชียล ติดเกม panic และ phobia มารับคำปรึกษากับครูเคทได้ที่ KruKate Counseling Center ต้องการนัดคิว โทร. 08-1458-1165 หรือ เข้าไปฝากคำถามและแชร์ประสบการณ์ในแฟนเพจ kateinspirer และ YouTube channels: Kate Inspirer ได้นะคะ