เมื่อถึงเวลาวิกฤติต้องปรับตัว เหมือนอย่างร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ต้องช่วยกันปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่าง ไม่เปิดให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารที่ร้าน แต่ก็ปรับตัวด้วยการบริการเดลิเวอรี่ (Food Delivery) เพื่อประคับประคองธุรกิจ
วันนี้ไทยรัฐออนไลน์ ได้ไอเดียจาก 2 ร้านคาเฟ่ของหวาน เจ้าของกิจการ SMEs ที่ปรับตัวได้อย่างน่าสนใจ คือร้าน “บ้านขนมฝรั่ง” ร้านเค้กวันเกิดเจ้าดังในซอยพระรามเก้า 41 และ อีกร้านคือ “มะม่วงน้ำดอกไม้ปวีร์รัฐ” จากตลาดสี่มุมเมือง
3 วิธีปรับตัวของ "ร้านอาหารแนวคาเฟ่ของหวาน" ให้เข้ากับสถานการณ์โควิด-19
ทางร้านได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน? คือคำถามยอดฮิตที่บอกได้เลยว่า มีคำตอบเดียวคือ ได้รับผลกระทบมาก แต่ทุกคนต้องปรับตัว เช่นเดียวกับ "รุ่งรวี เลี้ยวรุ่งโรจน์" จากร้านบ้านขนมฝรั่ง ที่เล่าว่า “สองวันแรกที่มีประกาศขอความร่วมมือ ไม่ให้นั่งกินที่ร้าน เราได้รับผลกระทบมาก เพราะกลุ่มลูกค้าเป็นพนักงานออฟฟิศ และกลุ่มเพื่อนที่มาฉลองวันเกิด และมากินขนม ตอนนั้นเราคิดกันว่าจะทำอะไรกันต่อดี และจะดูแลลูกน้องอย่างไร พอได้ปรึกษากันและดูจากร้านอื่นๆ ก็คิดว่าเราต้องปรับตัวกันมากขึ้น”
...
อีกร้านหนึ่ง "วฤณดา วัฒนสุนทร" ตัวแทนแบรนด์ค้าส่งมะม่วงปวีร์รัฐ มะม่วงน้ำดอกไม้เกรดส่งออก บอกความรู้สึกว่าคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์ และปีนี้โรงแรม ร้านอาหาร ยกเลิกออร์เดอร์มะม่วงจำนวนมาก และส่งออกไม่ได้เลย ทุกประเทศก็ได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด
“เราต้องช่วยเกษตรกรให้ได้ที่จะทำยังไงก็ได้ให้มะม่วงในสต๊อกขายออกให้หมด มะม่วงเป็นของสดเก็บนานไม่ได้ ก็ต้องเคลียร์ให้หมดลอตต่อลอต ปีนี้เพิ่งเปิดคาเฟ่ที่ตลาดสี่มุมเมืองได้เดือนเดียวก็ต้องปิด แผนที่จะออกบูธในห้างทั้งปีก็ต้องหยุดไว้ก่อนค่ะ”
สำหรับวิธีการปรับตัวของทั้งสองร้านนั้นสรุปง่ายๆ ได้ดังนี้
1. จัดเมนูหลากหลาย โปรโมชั่น ส่งตรงรับพฤติกรรมใหม่
“โชคดีที่ร้านของเรามีบริการส่งเค้กผ่านการสั่งหน้าเว็บไซต์อยู่แล้ว แต่ยอดสั่งซื้อเทียบกับเดือนก่อนๆ น้อยลงมาก เพราะเค้กปอนด์เป็นขนมที่ต้องกินกันหลายๆ คน กลุ่มลูกค้าพนักงานออฟฟิศที่เคยสั่งเพื่อเซอร์ไพรส์เพื่อนก็ไม่มีในช่วงนี้ จึงต้องหั่นเค้กเป็นชิ้นๆ และให้ลูกค้าที่สั่งผ่านแอปฯ เดลิเวอรี่เลือกสั่งกินหลายๆ หน้าได้ เพราะจะให้ทำเค้กชิ้นเล็กลงคงทำไม่ได้ เพราะต้นทุนกับรสชาติจะคุมลำบาก” รุ่งรวีกล่าว
สำหรับร้านค้าส่งมะม่วงปวีร์รัฐ ก็จัดโปรโมชั่น ที่ "วฤณดา" บอกว่าจากที่เคยขายกล่องละ 5 กิโล ก็ต้องจัดโปรให้ลูกค้า เป็น 7 กิโล ในราคาเท่าเดิม และฝนก็ทำสายคาดกล่องให้ข้อมูลการเก็บรักษามะม่วง ถ้าเก็บในตู้เย็นก็จะเก็บไว้กินได้นาน 2-3 สัปดาห์”
2. เลือกใช้ Food Delivery ที่เหมาะกับร้าน
สำหรับวิธีเลือกส่งกับ Food Delivery ของแต่ละร้าน ก็แล้วแต่ความสะดวกและตรงกับเมนูของร้าน อย่างร้านบ้านขนมฝรั่ง เลือกใช้เจ้าเดียว เพราะเมนูเป็นเค้กจะเสียง่าย ต้องรวดเร็วและคุ้นเคยกับผู้ให้บริการจัดส่ง
...
ส่วนร้านร้านค้าส่งมะม่วงปวีร์รัฐ เลือกจัดส่งแบบพัสดุ ถ้าวิ่งส่งตรงเองจะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก เพราะราคามะม่วงกล่องเดียว 250 บาท ลูกค้าจะมองว่าไม่คุ้มค่าส่ง แต่ถ้าส่งแบบพัสดุทั่วประเทศ 100 บาท อยู่ที่ไหนก็ได้กินมะม่วงน้ำดอกไม้จากผู้ค้าส่งเลย ส่วนข้าวเหนียวมูลน้ำใบเตย ข้าวเหนียวมูลอัญชัน กับเครื่องดื่มที่คิดไว้จะทำเป็นเมนูหน้าร้านต้องเอามาทำเป็นเซตให้ราคาคุ้มกับการส่งสำหรับจัดส่งกับ Food Delivery ตอนนี้ยังลงเมนูไว้ไม่มาก แต่อนาคตถ้ากระแสกินที่ร้านน้อยลงก็ต้องเพิ่มเมนูมากขึ้น
3. วางแผนทำการตลาดออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
นี่คือการปรับตัว และเป็นการเริ่มต้น ที่ตอนนี้แต่ละร้านเองก็มองว่าอาจเป็นเทรนด์ต่อไป อย่างการสั่งเค้ก ก็ต้องต่อเนื่องเรื่องการจัดเซตเค้กหลายหน้าต่อไป เพราะตอนนี้ทุกคนก็ไม่รู้ว่าโรคระบาดจะกลับมาอีกเมื่อไร
“ไม่รู้ว่าอนาคตโรคจะกลับมาระบาดอีกไหม ตอนนี้ก็เริ่มคิดว่าอาจจะจัดเซตเค้กหลายหน้า เพื่อให้ลูกค้าได้มีตัวเลือก ต่อไปเค้กวันเกิดก้อนเดียว กินคนเดียวก็ลำบากเหมือนกัน ส่วนตอนนี้ต้องเตรียมแผนรับมือให้ทันกับสถานการณ์เป็นรายสัปดาห์” รุ่งรวีกล่าว
"วฤณดา" กล่าวว่า ต้องทำออนไลน์ต่อไป เพราะว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว คนจะหันมาซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น แต่อาจจะต้องถ่ายรูปหรือทำโปรโมชั่นบ่อยๆ ทำเป็นภาพกราฟิกสวยๆ โปรโมตใน Instagram มากขึ้น
นี่คือวิธีของ 2 ร้านคาเฟ่ของหวาน ในการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดธุรกิจ ในยุคที่ทั่วโลกต้องรับมือกับเจ้าไวรัสร้ายโควิด-19 ที่ยังระบาดทั่วโลก