ชนิดของโรคไบโพลาร์ มี 2 ชนิด คือ

1. Bipolar I disorder คือ มีอาการเมเนียหรือระดับของอารมณ์บวกที่มากกว่าปกติสลับกับช่วงซึมเศร้า หรืออาจมีอาการเมเนียเพียงอย่างเดียวก็ได้

2. Bipolar II disorder คือ มีอาการซึมเศร้า สลับกับช่วงไฮโปเมเนีย (hypomania)

ความแตกต่างกันของ 2 ชนิดนี้คือ ความรุนแรงของอารมณ์บวก กล่าวคือ Bipolar II แม้ว่าจะมีอารมณ์บวกที่มากกว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้มีอาการมากจนมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน คนคนนั้นยังสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ

นอกจากนี้ Bipolar Disorder ถือเป็นโรคที่มีการดำเนินโรคในระยะยาวเรื้อรัง และเป็นโรคที่มีโอกาสกลับเป็นซ้ำได้สูง ประมาณ 70-90%

การรักษา แบ่งออกเป็น 3 วิธี

1.การรักษาด้วยยา เพื่อปรับสารสื่อประสาทในสมอง ในช่วงแรกของการรักษา แพทย์จะให้ยากินเพื่อควบคุมอาการเพื่อให้อารมณ์สงบลง จากเดิมที่อารมณ์พุ่งขึ้นสูง หรือเศร้ามาก หลังจากนั้นก็จะต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อคงความสงบนั้นไว้ ไม่ให้กลับมามีอาการอีก

...

ในคนไข้ที่มีอาการหลายๆ ครั้ง จะต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ เพราะโดยตัวโรคเองแล้ว เป็นโรคที่มีอาการรุนแรงช่วงหนึ่ง แล้วก็จะเบาลง แล้วก็มีการกลับมาเป็นซ้ำได้ ตลอดชีวิตที่คนไข้เป็น ยิ่งมีอาการกลับมาเป็นซ้ำบ่อยเพียงใด ระยะเวลาช่วงอารมณ์ปกติในชีวิตของคนไข้ก็จะลดลงไปเรื่อยๆ จึงจำเป็นต้องได้รับยาอย่างต่อเนื่อง และระวังไม่ให้ขาดยา เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำอีก

2. การรักษาด้วยไฟฟ้า (ECT) เป็นการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าไปที่สมอง โดยเป็นกระแสไฟฟ้าที่มีความปลอดภัยต่อสมอง ซึ่งตัวกระแสไฟฟ้าจะไปเปลี่ยนแปลงสารสื่อประสาทในสมอง และทำให้อาการดีขึ้น การรักษาด้วยวิธีนี้ใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการใช้ยา

3.การทำจิตบำบัด เป็นการรักษาที่ทำให้คนไข้สามารถปรับตัว รับมือและจัดการกับเรื่องราวต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต รับมือกับความเครียดต่างๆ ได้ดีขึ้น และทำให้คนไข้กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ในหญิงที่เป็นโรคไบโพลาร์ หากมีแผนว่าจะตั้งครรภ์ ควรปรึกษาเรื่องการกินยาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะยาบางตัวมีผลต่อทารกในครรภ์

การป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

1. กินยาอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากหยุดยา หรือไม่ได้กินยาอย่างต่อเนื่อง ก็จะมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ง่ายขึ้น

2. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

3. ไม่ควรใช้สารเสพติด เพราะจะกระตุ้นการทำงานของอารมณ์ให้มากขึ้นได้ง่าย

4. หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ เพราะทำให้การนอนหลับไม่ดี

การป้องกัน

เนื่องจากโรคไบโพลาร์เป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด การป้องกันโรคนี้เหมือนกับการป้องกันโรคจิตเวชทั่วๆ ไป ดังนี้

1. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงทั้งกายและจิตใจ

2. กินอาหารที่ดีมีประโยชน์

3. หาเวลาว่างทำในสิ่งที่ชอบ ทำแล้วมีความสุข เพื่อลดและคลายความเครียด

4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยให้จิตใจแจ่มใส

5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

@ @ @ @ @ @ @ @

แหล่งข้อมูล

อ.นพ.กานต์ จำรูญโรจน์ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล