คนที่มีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คนคนนี้เข้าข่ายการเป็นโรค “ไบโพลาร์” หรือเปล่านะ หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการดังที่กล่าวไป ก็ใช่ว่าคนคนนั้นจะเป็นโรคอารมณ์สองขั้วหรือไบโพลาร์เสมอไป เพราะโรคนี้มีอะไรมากกว่าที่คิด ซึ่งคอลัมน์ “ศุกร์สุขภาพ” สัปดาห์นี้จะพาไปรู้จักโรคนี้กันให้มากขึ้น
“โรคไบโพลาร์” คืออะไร
“โรคไบโพลาร์” ( Disorder) หรือ “โรคอารมณ์สองขั้ว” เป็นโรคทางอารมณ์โรคหนึ่ง กล่าวคือ คนไข้จะมีอารมณ์แปรปรวนต่างจากบุคลิกภาพเดิม โดยมีทั้งด้านอารมณ์ขั้วบวกและขั้วลบ หรือพบมีขั้วบวกอย่างเดียวก็ได้ และจากหลักฐานทางการศึกษาในปัจจุบันเชื่อว่าเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองอย่างชัดเจน โดยส่งผลต่อการควบคุมอารมณ์ ซึ่งอาการที่เด่นชัดด้านขั้วบวกคือ อารมณ์ที่มีความสุขเกินปกติ และอีกด้านหนึ่งคือเป็นขั้วลบ คือ มีความเศร้า ทุกข์ใจเกินปกติ เป็นต่อเนื่องกันนานหลายวัน
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
“โรคไบโพลาร์” เป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดที่แน่นอน แต่จากผลของการศึกษา เชื่อว่าการทำงานของสารสื่อประสาทในสมองเสียสมดุลไปจากปกติ โดยในช่วงแรกๆ ที่คนไข้มีอาการของอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อาจจะเกิดจากความเครียดเป็นสิ่งกระตุ้น หรือพบกับเหตุการณ์ที่รุนแรงกับชีวิต แต่ในบางรายก็เกิดขึ้นโดยไม่มีอะไรมากระตุ้นก็ได้
นอกจากนี้ยังพบว่า ในครอบครัวที่มีคนเป็นโรคนี้ คนคนนั้นก็มีความเสี่ยงมากกว่าคนอื่นๆ คนที่มีบิดาอายุมาก จะเพิ่มปัจจัยเสี่ยงของโรคนี้มากขึ้น และการพบกับเหตุการณ์ร้ายๆ ในวัยเด็ก การถูกทารุณกรรมตอนเด็ก ก็จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ด้วยเช่นกัน
...
อาการ
แบ่งออกเป็น อารมณ์ขั้วบวก คือ ช่วงที่มีความสุขสุดๆ และอารมณ์ขั้วลบ อารมณ์เศร้า มีความทุกข์สุดๆ
@ อารมณ์ขั้วบวก คนไข้จะมีอารมณ์ดีมากกว่าปกติ มีความมั่นใจมากขึ้นแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งในหลายๆ ครั้งความมั่นใจที่มากเกินไปนี้อาจส่งผลเสีย เช่น อาจจะไปทำอะไรที่อันตราย ทำอะไรที่เกินตัว บางทีก็อาจจะไปเริ่มทำโครงการต่างๆ แล้วไม่ได้ทำให้เสร็จ เนื่องจากมีความอยากทำสิ่งนั้นสิ่งนี้เต็มไปหมด แต่ไม่ได้ประมาณตนเองว่าสามารถทำได้หรือไม่

นอกจากนี้ ในช่วงเวลาเดียวกันก็อาจจะมีอารมณ์หงุดหงิด หรือโมโหง่ายร่วมด้วย มีอาการตื่นตัวตลอดเวลา มีความคิดที่เร็ว พูดเร็ว ทำอะไรรวดเร็ว นอนไม่ค่อยหลับหรือหลับได้ไม่เต็มที่ หรือในรายที่มีอาการมาก คนไข้อาจมีอาการหูแว่ว ประสาทหลอน เป็นต้น
@ อารมณ์ขั้วลบ คนไข้จะมีอาการเหมือนโรคซึมเศร้า กล่าวคือ มีอาการเบื่อหน่าย ท้อแท้ ไม่มีความสุข และอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น นอนไม่หลับ นอนหลับมากกว่าปกติ กินไม่ได้ หรือกินมากกว่าปกติ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย รู้สึกแย่กับตัวเอง มีความคิดอยากทำร้ายตัวเอง หรือในรายที่รุนแรงอาจมีความคิดถึงขนาดฆ่าตัวตาย
การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยตามอาการดังที่กล่าวไปข้างต้น และพิจารณาว่าอาการเหล่านี้ไม่ได้มาจากสาเหตุอื่น เช่น อาการจากโรคทางกาย หรือจากการใช้สารบางอย่าง เช่น ยาเสพติด ยาบางชนิด จึงจะวินิจฉัยว่าเป็นโรคไบโพลาร์
สัปดาห์นี้ยังมีเรื่องราวชนิดของโรคไบโพลาร์ การรักษา และการป้องกันโรคนี้กันต่อ รอติดตามกันนะครับ
_______________________________________
แหล่งข้อมูล
อ. นพ.กานต์ จำรูญโรจน์ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล