ชื่อของ "สาวิตรี โรจนพฤกษ์" คือพิธีกรอีเว้นท์แถวหน้าของประเทศไทย นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่พิธีกรงานอีเว้นท์จะมีงาน 5 วันต่อสัปดาห์ และเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆที่แบรนด์ระดับโลกเรียกหาเมื่อมีงานสำคัญ บนเวที ภาพของผู้หญิงสวย เก่ง ฉลาด ผู้เพรียบพร้อมและมีความเป็นมืออาชีพ ในไอจีของเธอ มีโพสต์ IG Story จุดไข่ปลาอันโด่งดังที่แนะนำเกี่ยวกับอาหารได้อย่างละเอียดจนทำให้เราอยากตามไปชิมทุกอย่างที่เธอแนะนำ ถ้าคุณได้นั่งลงคุยกับเธอ คุณจะตกหลุมรักความเป็นธรรมชาติและมุมมองต่อเรื่องต่างๆแบบ "จริง" ไม่สร้างภาพ นั่นคือสาเหตุที่ MIRROR เลือกสัมภาษณ์เธอถึงเคล็ดลับแห่งความเป็นมืออาชีพที่ทำให้เธอยืนอยู่แถวหน้ามาเป็นเวลาสิบกว่าปี

...

กฏข้อที่ 1 เชื่อในการทำสิ่งที่ทำได้ดีมากกว่าทำสิ่งที่รัก

ในโลกปัจจุบันที่ทุกคนอยากลุกขึ้นมาเป็นนายตัวเอง หรือ เดินตามความฝันที่วาดไว้ ลาออกจากงานเพื่อทำธุรกิจส่วนตัวหรือเป็นนายตัวเอง สำหรับ “จูน สาวิตรี” เธอมองต่างออกไป “จูนมักจะเห็นบทความต่างๆ มักจะบอกว่าคนเราไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือ มีคนสำเร็จมากมายที่ออกจากมหาวิทยาลัยมาทำธุรกิจส่วนตัวแล้วโด่งดัง ประสบความสำเร็จ ซึ่งคนที่เค้ายกตัวอย่างมาเป็นเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของโลก เป็นคนที่เป็นข้อยกเว้น เพราะเค้ามีระดับความสามารถและสติปัญญามากกว่าที่เค้ามีสอนในมหาวิทยาลัย เราต้องถามตัวเองด้วยใจเป็นกลางว่า เราเป็นแบบนั้นหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ แปลว่าเราต้องเรียน ในสังคมนี้ เราต้องการปริญญาเพื่อให้เราทำงานได้ เพราะฉะนั้นเราต้องทำงาน จึงกลับมาในหัวข้อเรื่องการทำในสิ่งที่ทำได้ดีมากกว่าสิ่งที่เราอาจจะรักแต่ยังทำไม่ได้ อันนี้เป็นความเห็นของจูนคนเดียวนะคะ จูนเชื่อว่าทุกคนมีความฝันได้ มีสิ่งที่รักได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราทุกคนสามารถทำในสิ่งที่รักได้ดี เพราะฉะนั้นเราควรทำสิ่งที่เราทำได้ดีมากกว่าสิ่งที่เราชอบ เพราะพอเราทำได้ดี ผลตอบรับจะดี หน้าที่การงานไปได้ไกลมากกว่า เรามีความก้าวหน้า เราก็มีความสุข"

กฏข้อที่ 2 เตรียมพร้อมเสมอ

"จูนเชื่อว่า ทุกอาชีพต้องมีความเตรียมพร้อม ไม่ใช่แค่เฉพาะการเป็นพิธีกร" เธอบอกกับเราว่าทุกครั้งที่เธอได้รับงานมา เธอจะทำการบ้านเป็นอย่างดี เตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่การแต่งตัว อ่านสคริปต์ ทำการบ้านเกี่ยวกับแบรนด์หรืองานที่ได้รับ "จูน สาวิตรี" แนะนำว่า ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร ถ้าเราเตรียมงาน และลงลึกถึงรายละเอียดในงานที่ทำ เราจะสามารถทำงานของเราให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในทุกๆวัน

กฏข้อที่ 3 ยอมรับปัญหาที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้น

ทุกงานย่อมมีอุปสรรคและปัญหา หลายคนอาจจะหาวิธีแก้ปัญหาเมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้ว แต่ความเป็น "มืออาชีพ" ในแบบ "จูน สาวิตรี" เธอจะเตรียมรับมือในสุดที่แย่ที่สุดก่อนปัญหาจะเกิดเสมอ "คิดไว้เลยว่าปัญหาที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นคืออะไร ไม่ใช่แค่อาชีพจูนนะคะ อย่างอาชีพจูนจะต้องเตรียมตัวเยอะหน่อยเพราะเป็นงานที่สด จูนไม่สามารถหยุดทุกอย่างบนเวทีเพื่อลงไปถามทีมงานได้ เพราะฉะนั้น จูนจะต้องเตรียมปรึกษาทีมงานเลยว่า ถ้าปัญหานี้เกิดขึ้นจะทำยังไง การคิดพูดคุยวางแผน จะทำให้เวลาในการแก้ไขปัญหาต่างๆนั้นสั้นขึ้น จูนคิดว่าการเตรียมพร้อมรับปัญหาทำให้เราสามารถแก้ปัญหาได้เร็วขึ้นและมีสติค่ะ"

...

กฏข้อที่ 4 มี "สติ"

การมี "สติ" สำหรับจูนคือรู้ว่าทำอะไรอยู่ และเอาใจจดจ่อกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่"  เธอเสริมว่า การเอาใจไปจดจ่อกับสิ่งที่ทำ จะทำให้เราสามารถก้าวข้ามผ่านปัญหาอื่นๆได้อย่างมั่นคง ยกตัวอย่าง เช่น ถ้ามีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน แทนที่จะโฟกัสไปที่คนที่เรามีปัญหาด้วย ให้ใช้สติและใจจดจ่อกับงานหรือสิ่งที่กำลังทำ จะทำให้เราลืมปัญหาหรือความขัดแย้งนั้นไป "การมีสติทำให้การทำงานได้ดีขึ้นและมีความสุขกับการทำงานมากขึ้นและปัญหาก็จะหายไปในช่วงที่คุณมีสติกับสิ่งที่คุณทำ" 

กฏข้อที่ 5 ความ "มั่นใจ" และ "ภาพลักษณ์"สำคัญกับทุกอาชีพไม่ใช่เฉพาะพิธีกร

ถ้าใครติดตาม IG ของ "จูน สาวิตรี" เราจะเห็นว่าเธอแต่งตัวดูดีทุกครั้งที่ทำงาน และนั่นคือสิ่งที่เธอคิดว่าสำคัญมากสำหรับทุกอาชีพ เธอบอกว่าสำหรับตัวเธอ การดูแลตัวเองให้เรียบร้อยนั้น สำคัญมาก เพราะนั่นคือสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นมืออาชีพ "มันอาจจะฟังดูตื้นเขินนะคะ ถ้าเราจะพูดว่าสมัยนี้คนให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราดูจากอะไรที่สบายตาสบายใจ ไม่ได้แปลว่าสวยหรือหล่อ ถ้าเป็นสมัยก่อนอาจจะแปลว่าต้องหน้าตาดี แต่สมัยนี้มันเปิดกว้างมากขึ้น สมัยนี้เราดูดีได้ เพียงแค่ดูสะอาดสะอ้าน แต่งตัวให้ถูกกาละเทศะคำนี้มันครอบคลุมทุกอย่าง" จากภาพที่ทุกคนเห็น "จูน สาวิตรี" ถูกจัดอันดับเรื่อง "แต่งตัวดี" อยู่ในอันดับต้นๆ เมื่อ MIRROR ถามถึงเรื่องนี้ เธอตอบว่า "จูนเชื่อในความเหมาะสมและกาละเทศะ ส่วนตัวจูน ถ้างานที่เป็นทางการ ก็จะไม่แต่งตัวที่ไม่เหมาะสม จะไม่มีใครเห็นจูนใส่กางเกงไปงานกาล่า งานกาล่าก็ต้องใส่กระโปรงยาว เพราะฉะนั้น การแต่งตัวสำหรับจูนมันง่ายมากเพราะมีข้อจำกัดทางสังคมมาครอบ มันก็เลยง่าย ซึ่งเรื่องการแต่งตัว จูนก็เห็นว่าเป็นเรื่องนานาจิตตัง แล้วแต่คน แต่แค่รู้สึกว่าประเทศเรา ถ้าเจอผู้ใหญ่หรือไปทำงานที่เป็นทางการ การแต่งตัวเรียบร้อยไว้ก็จะดีกว่า ถ้าเราอยากจะเปรี้ยวเก๋ ก็แต่งให้เต็มวันที่ไปเจอเพื่อนๆหรือวันที่ไม่ได้ไปทำงานค่ะ"

...

กฏข้อที่ 6 ตรงต่อเวลา

"จูนคิดว่าสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่เมืองไทย คนมักจะมีข้อแก้ตัวเยอะมาก รถติด ฝนตก แต่เราเห็นรถติดมาแต่ไหนแต่ไรนะคะ ถ้านับย้อนไป เมืองไทยเรารถติดมานานแล้ว เพราะฉะนั้นเราไม่ควรเอาเรื่องรถติดมาเป็นข้อแก้ตัว เพราะเราเกิดมากับมัน ถ้าเรารู้ว่ารถติดแน่ๆ เราก็ต้องวางแผนเรื่องเวลา ถ้าเราจะมาสาย ก็บอกเลยว่าจะสายกี่นาที เพราะเวลาช่วงนั้น คนที่รอเขาก็จะได้ไปทำอย่างอื่น สำหรับจูนการตรงต่อเวลาคือการแสดงถึงความเป็นมืออาชีพมากๆ"  

กฏข้อที่ 7 ไม่ลืมเรื่อง "มารยาท"

"จูน สาวิตรี" มองว่าเรื่องมารยาทสำคัญมากโดยเฉพาะที่เราเป็นคนไทย การใช้ภาษาหรือวิธีการที่เราจะปฏิบัติต่อผู้ใหญ่หรือมารยาทในการทำงานจึงเป็นสิ่งที่เป็นมาตรฐานการทำงานของเธอเสมอมา "ภาษาอังกฤษ มีแค่ I กับ You แต่ภาษาไทยมีคำที่หลากหลายสำหรับคนต่างวัยวุฒิและคุณวุฒิ เช่น คำว่า "จ๊ะ" ไม่ควรใช้กับคนที่มีวัยวุฒิหรือคุณวุฒิสูงกว่าเรา ถ้าติดต่องานจะเรียกคนที่ติดต่อกับเราว่าคุณ ไม่เรียกแทนชื่อหรือลำดับญาติ เพราะนี่คือการติดต่อกันในฐานะของคนทำงาน การติดต่อควรจะเป็นเวลาทำงานโดยเฉพาะในยุคดิจิตอล ปัจจุบันนี้เนี่ยคนจะรู้สึกว่าติดต่อกันกี่โมงก็ได้ 4 ท่ม 5 ทุ่มก็แมสเสจหา จูนคิดว่า เรายังคงจะต้องยึดการทำงานในช่วงเวลาทำงานปกติ เช่น 8 โมงเช้าถึงหนึ่งทุ่ม เป็นต้นค่ะ" 

...

สุดท้าย "จูน สาวิตรี" ฝากเอาไว้ว่า "จูนไม่ทราบว่าสิ่งที่คิดนั้นถูกหรือผิด แต่จูนเลือกทำสิ่งที่สร้างความสุขและความสบายใจให้จูน ในการทำทุกอย่าง จูนจะเน้นเรื่องคุณภาพและความพอดี ความพร้อมของแต่ละคนไม่เท่ากัน เราต้องดูว่าเราไหวแค่ไหนถึงจะจัดสรรความสุขให้พอเหมาะกับการใช้ชีวิต" 

เมื่อเราถามถึงเป้าหมายในอนาคตของเธอ "จูน สาวิตรี" ให้คำตอบที่สั้นแต่มั่นคงว่า "จูนไม่ทราบค่ะ จูนทราบแต่ว่าทุกวันของจูนคือตั้งใจทำงานที่ทำอยู่อย่างเต็มที่มากกว่าที่จะเอาเวลาไปคิดว่าอนาคตจะทำอะไร ความสำเร็จของจูนคือความภาคภูมิใจในทุกอย่าง ได้เตรียมพร้อมและให้ทำงานได้ดีขึ้นอีกในวันต่อไป"

ไม่แปลกใจเลยใช่ไหมคะ ที่ใครต่อใครก็ไว้ใจให้เธอเป็นผู้นำเสนอแบรนด์ตัวเอง ด้วยความวางใจว่างานจะสำเร็จไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะคนทำงาน "ตั้งใจ" และมีความเป็น "มืออาชีพ" ในส่วนที่ตัวเองต้องรับผิดชอบอย่างแท้จริง

Lady MIRROR อ่านแล้ว ชอบเคล็ดลับข้อไหน อย่าลืมนำไปใช้กันนะคะ เพื่อให้คุณได้ยืนหนึ่งในสายงานของตัวเองเช่นกันค่ะ