Highlight
- ทุกครั้งที่ "ความรักเริ่มขึ้น" มันไม่ใช่ฉากจบหรือฉากสุดท้าย ที่ต้องสมบูรณ์แบบทุกครั้งไป แต่มันเป็นเพียงแค่ฉากเริ่มต้นของชีวิต ในรูปแบบของคู่รักเพียงเท่านั้น
- "ความรัก" ไม่จำเป็นต้องอยู่ในลักษณะความสัมพันธ์แบบคู่รักเพียงเท่านั้น แต่เรายังอยู่ในรูปแบบของการเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง หรือแม้กระทั่งความรักแบบครอบครัวได้อีก
- ขาดความเข้าใจกัน คาดหวังในตัวอีกคนมากเกิน ทัศนคติไม่ตรงกัน บริบทในชีวิตที่ไม่สอดคล้อง รวมถึงปัญหาเรื่องครอบครัว สิ่งเหล่านี้คือ ปัญหาที่ทำให้ความรักจบลงด้วยความไม่สวยงาม
ทุกครั้งที่ความรักเริ่มต้นขึ้น เรามักเข้าใจกันไปว่าชีวิตเดินทางมาถึงตอนจบแล้ว เหมือนเช่นละคร หรือหนังหลายๆ เรื่องที่ชอบแสดงให้เห็นว่าตอนจบบริบูรณ์ของหนัง เป็นภาพของคู่รักที่เดินเคียงคู่กันไป แต่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น เพราะเมื่อไรก็ตามที่เราเริ่มมีความรัก นั่นหมายถึงการเริ่มต้นใหม่ของคนสองคน ที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวกันไป บางครั้งฉากสุดท้ายของความรักมันก็ไม่ได้จบลงด้วยความสวยงามเสมอไป เมื่อคำที่ Maleficent ได้พูดว่าในหนังเรื่อง Maleficent 2 นั่นเอง ซึ่ง MIRROR เชื่อว่าสาวๆ หลายคนที่ผ่านประสบการณ์ทางด้านความรักมาบ้าง ก็คงเข้าใจดีถึงคำพูดนี้เช่นกันค่ะ
ขาดความเข้าใจในตัวตนอีกฝ่าย
ทุกคนย่อมอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองจริงไหม ? Lady MIRROR บางครั้งก็ชอบไปเที่ยว ชอบออกเดินทาง บางคนอาจจะชอบช้อปปิ้ง กินข้าวดูหนัง นอนอ่านหนังสืออยู่ในห้อง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นตัวตนของเรา และอย่าลืมว่าคู่รักหรือแฟนของเราก็ต้องมีความชอบ หรือสิ่งที่อยากทำที่แตกต่างจากเราออกไป เพราะขนาดผู้หญิงด้วยกันเองยังมีความชอบไม่เหมือนกันเลย จริงไหมคะ ? ฉะนั้นการที่คนสองคนจะรักกัน หรือจะประคับประคองให้ความรักอยู่ตลอดรอดฝั่ง แค่ความรักอย่างเดียวมันคงไม่พอ ดังนั้นความเข้าใจคือตัวแปรสำคัญของคู่รักแทบทุกคู่ เพราะถ้าเราขาดความเข้าใจต่อกันแล้ว ต่อให้เรารักกันมากแค่ไหน สุดท้ายก็ไปไม่รอดอยู่ดี ดังนั้นเราจะเริ่มจากการที่เริ่มสังเกตว่าคนรักของเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ต้องการอะไร แล้วย้อนกลับมามองตัวเองว่าสิ่งนั้นเราสามารถรับมันได้หรือไม่ หากเราคิดว่ามันมากเกินขีดจำกัดของตัวเอง ให้ลองพูดคุยกันแล้วค่อยๆ ปรับกันไปทีละนิด แต่อย่าลืมว่าทั้งหมดนี้ต้องไม่สูญเสียตัวตนของตัวเองนะคะ เพราะหากเราฝืนความเป็นตัวเองแล้ว สุดท้ายอย่างไรก็ไม่สามารถไปกันรอดได้ ดังนั้นให้มองหาตรงกลาง และยอมรับซึ่งกันและกันให้ได้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ชีวิตคู่ของเราดำเนินต่อไปได้ค่ะ
...

ความคาดหวังที่มากเกินพอดี
สาวๆ เคยลองสังเกตตัวเองกันหรือเปล่าคะ ว่าเมื่อเราเริ่มต้นรักใคร สิ่งที่ตามมาคงหนีไม่พ้นการเริ่มดูแลเอาใจใส่ และพ่วงท้ายมาด้วยความคาดหวัง ว่าคนรักต้องเป็นแบบนู้นแบบนี่ แบบที่ตัวเองคาดหวังไว้ เหมือนว่าเรามีเป้าหมายในใจแล้วว่า เมื่อเราทำแบบนี้ไปให้ เขาต้องตอบรับความรักของเราแบบนี้ ซึ่งบางครั้งเราก็เอาชีวิตคนรอบข้างมาเปรียบเทียบกับตัวเอง ว่าทำไมคนนี้ถึงได้ของแบบนี้ ทำไมคนนั้นได้รับการดูแลที่ดี หรือทำไมเขาถึงได้รับคำพูดและการกระทำเหล่านั้นจากคนรัก จนทำให้เราลืมนึกไปว่าทุกคนมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน จริงอยู่ว่าการคาดหวังไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่หากเราคาดหวังมากไปจนลืมตัวตนของอีกฝ่าย นั่นก็ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงของคู่รักจริงไหม ?
ทัศนคติไม่ตรงกัน
ทุกครั้งที่คนสองคนเริ่มต้นรักกัน แรกๆ มองแล้วดูเหมือนว่าอะไรก็จะเหมือนกันไปซะหมดทุกอย่าง เหมือนสำนวนที่ว่า ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ แต่เมื่อนานวันเขา ความต้องการของตัวเองเริ่มแสดงออกมากขึ้น สังเกตง่ายๆ เลยคือ เราอาจจะต้องการคนที่ดูแล เป็นห่วงเป็นใย คอยถามไถ่เมื่อเราเกิดปัญหา หรือมีเรื่องไม่สบายใจ ส่วนอีกคนเขาอาจจะมองว่าสิ่งที่เขาทำ คือการดูแล คือการเป็นห่วงแล้ว ซึ่งทำให้ทั้งสองคนมองเห็นภาพไม่เหมือนกัน เปรียบเทียบได้กับ เราทำไปอย่างเต็มที่แล้ว แต่อีกคนมองว่าเรายังไม่ทำอะไรเลย ทั้งๆ ความเป็นจริงเราพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว นั่นเป็นเพราะมาตรฐานหรือบรรทัดฐานทางความรู้สึกของเราทุกคนไม่เท่ากัน หากอยากให้รักดำเนินต่อไปอย่างสวยงาม ทางที่ดีคือการพูดคุย และหาจุดกึ่งกลางว่าคู่เราควรจะทำอย่างไร ให้อีกคนไม่รู้มากไป และอีกฝ่ายไม่รู้สึกว่าน้อยเกินไปค่ะ

บริบทของชีวิตไม่บรรจบกัน
บ่อยครั้งที่คู่รักมักเกิดปัญหาจากสภาพบริบทชีวิตที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน เวลาการใช้ชีวิต หรือแม้กระทั่งปัญหาสุดแสนคลาสสิกอย่างเรื่องระยะห่าง สิ่งเหล่านี้เมื่อเรามองเผินๆ อาจจะคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าไร แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หากเราและคนรักต้องอยู่ไกลห่างกัน แรกๆ ก็สามารถทนอดหลับอดนอนได้ แต่นานวันเข้า ความต้องการก็มากเพิ่มขึ้น ในวันที่มีปัญหาสาวๆ คงต้องการมากกว่าการคุยผ่านทางโทรศัพท์จริงไหม ? เราอาจจะต้องการคนที่มาอยู่ตรงหน้า คอยปลอบเรา อยู่ข้างๆ เราเพื่อให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวมากเกินไป แต่ในเมื่อมันไม่สามารถเลือกได้ MIRROR อยากให้สาวๆ ลองทบทวนเพื่อหาทางแก้ปัญหา จะเป็นการที่ต่างคนต่างไปบริหารเวลาของตัวเองให้ดี หรือทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และเมื่อถึงเวลาที่บริบทของชีวิตมันลงตัว มาบรรจบกันแล้ว MIRROR เชื่อว่าคู่รักของคุณจะอยู่ด้วยกันได้อย่างราบรื่นแน่นอนค่ะ
ครอบครัวเข้ากันไม่ได้
...
สุดท้ายนี้คนสองคนที่จะมาคบกัน เริ่มแรกมันคงเป็นแค่เพียงเรื่องของแค่สองคน แต่เมื่อนานวันเข้า มันมักจะมีคนรอบตัวเข้ามาเกี่ยวข้องทุกครั้ง จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากเรื่องของครอบครัว ถือเป็นตัวแปรสำคัญของชีวิตคู่เลยก็ว่าได้ บางครอบครัวอาจมีทัศนคติไม่ตรงกัน มีความชอบ ความเชื่อ หรือวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน การเลี้ยงดูก็ต่างกัน หรือแม้กระทั่งบางครอบครัวอาจมีคนในใจที่หมายปองไว้แล้วก็ได้ ปัญหานี้ถือเป็นปัญหาที่ใหญ่และจัดการกับมันได้ยาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถปรับได้เลย อาจจะเริ่มจากเข้าทางพี่น้อง หรือคนในครอบครัวที่ดูเปิดรับ ยอมรับ ค่อยๆ ทำดีด้วย โดยการซื้อของที่ชอบไปให้ เริ่มพูดคุยในเรื่องที่ชอบ ซึ่งเราต้องมองก่อนว่าตัวเองจะสามารถยอมรับในจุดนั้นได้ หากเราคิดได้แล้วว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนรักได้ ก็ลุยต่อไป แต่หากเรารู้สึกชีวิตเราไม่สามารถเข้ากับครอบครัวได้ สิ่งหนึ่งที่ MIRROR แนะนำได้คงจะเป็นเพียงเราต้องเปลี่ยนคนรัก เพราะความจริงแล้วความรัก ก็สามารถเปลี่ยนไปได้ในรูปอื่น ที่ไม่ใช่เพียงแค่คนรักเท่านั้น

...
ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์จบลง เรามักคิดว่าความรักมันได้จบลงไปพร้อมกัน แต่ความจริงแล้ว เราอาจลืมมองไปว่าแท้จริงแล้ว ความรักมันไม่ได้มีเพียงแค่ในรูปแบบความสัมพันธ์ของคู่รักเท่านั้น แต่ยังมีความรักและความปรารถนาดีอีกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนร่วมงาน เพื่อนรัก ความรักแบบครอบครัว แม่ลูก ทั้งหมดนี้เราก็เรียกว่าความรักได้เหมือนกันนะคะ เพียงแค่เราเปลี่ยนความคิดปรับมุมมอง แล้วสาวๆ จะได้พบกับความรักอีกมากมายอยู่บนโลกนี้ค่ะ