เป็นทายาทที่เข้ามาสานต่อธุรกิจของครอบครัวให้เติบโตยิ่งขึ้น ปิยะเลิศ ใบหยก ผู้บริหารหนุ่มที่รั้งเก้าอี้รองประธานกลุ่มใบหยก ดูแลธุรกิจทั้งอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และร้านอาหาร โดยได้นำประสบการณ์การทำงานสไตล์คนรุ่นใหม่ที่เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นมาใช้ให้มีประโยชน์ต่อการทำงานเป็นทีมเวิร์ก

ปิยะเลิศ หรือ เบียร์ ลูกชายคนโตและคนเดียว โดยมีน้องสาวอีก 3 คนของครอบครัว ปริยะดา—พันธ์เลิศ ใบหยก ประธานใหญ่กลุ่มใบหยกกรุ๊ป เจ้าของตึกใบหยก ตึก 1 ใน 5 ที่สูงที่สุดในประเทศ เบียร์ ได้ถูกวางตัวให้เข้ามาดูแลกิจการต่างๆของครอบครัว โดยเล่าว่า ที่บ้านทำด้านอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ยุคคุณปู่ ท่านซื้อที่ดิน พอมารุ่นคุณพ่อท่านนำไปพัฒนา ตนถือเป็นเจนฯที่ 3 คุณปู่มีที่ที่ประตูน้ำ คุณพ่อเลยนำมาสร้างตึกใบหยก 1 พอตนเรียนจบปริญญาโท ด้าน International Management เอกการตลาด ที่ University of Exeter ประเทศอังกฤษ กลับมาเมืองไทยวันแรกก็ทำงานเลย เพราะรู้สึกว่าทำงานเท่กว่าการลอยไปลอยมา และทำมาจนถึงวันนี้

“วันแรกที่ไปทำงาน ผมไปทำแผนกฟรอนต์ คอยต้อนรับที่ใบหยก เพราะอยากรู้เรื่องการโรงแรม จากนั้นขอพ่อไปทำโรงแรมใบหยก บูทีค โดยรีโนเวทโรงแรมเก่าให้เป็นโรงแรมในลักษณะบูทีค ซึ่งเป็นโรงแรมบูทีคที่แรกๆเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมไปเห็นที่ยุโรป เลยเอาไอเดียมาลองทำ ซึ่งพ่อก็โหดมากให้งบมาทำ 3—4 ล้าน รีโนเวทโรงแรม 200 ห้อง โดยพ่อให้คิดเอาเอง เลยต้องค่อยๆทำไป ขายห้องไป ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก แล้วผมก็ได้ประสบการณ์เยอะมาก เพราะไม่มีตังค์จ้างใคร เลยต้องทำเอง เป็นทั้งฟรอนต์ เคยแม้กระทั่งปูเตียง เก็บขยะ ทำทุกอย่าง เพราะลูกค้าแน่นมาก ตอนนั้นไฟแรงมาก จนพ่อต้องเบรกให้ใจเย็นๆ พอตอนหลังตลาดออนไลน์มีมากขึ้น ผมเลยต้องเข้ามาดูทางออนไลน์ และพยายามนำนวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆเข้ามา เพราะการทำโรงแรมยุคนี้ไม่เหมือนก่อน จากที่เราอาศัยแทรเวิล เอเจนซี มาเป็น booking online”

...

นอกเหนืองานด้านอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมที่ต้องดูแล อาทิ ใบหยกสกาย, ใบหยกสวีท, ใบหยก บูทีค, โรงแรมหัวช้าง, โรงแรม Bangkok Midtown ที่เยาวราช, โรงแรมจัสติส บนถนนรัชดาภิเษก และโรงแรมในต่างจังหวัด ที่เชียงใหม่, สมุย และชะอำ แล้ว ผู้บริหารไฟแรงคนนี้ ยังขยายอาณาจักรด้วยการนั่งเป็นซีอีโอ บริษัท พีดีเอส โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจในเครือใบหยก ดำเนินกิจการร้านอาหารแบรนด์ดังจากญี่ปุ่น อาทิ ร้าน Pablo Cheese Tart, gram cafe& pancakes เป็นต้น

“ธุรกิจอาหารนี้เป็น passion ส่วนตัวของผม เพราะเคยไปเรียนที่ญี่ปุ่นเลยชอบอาหารและขนมญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นจะเอามาแต่ของญี่ปุ่น เวลาไปบิดเอาเข้ามา ผมก็ไปเอง เพราะเราพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เขาเลยไว้ใจ คุยกันรู้เรื่อง ประสบการณ์ที่ผ่านผมก็เคยพลาด เปิดร้านแล้วเจ๊ง มองผิด เอาตามความชอบส่วนตัว ผมใช้ความรู้สึกในการทำงานมากกว่าข้อเท็จจริง ชอบคิดว่าขายได้ พอเปิดแล้วไม่รอดก็มี ตอนนี้เลยเพลาๆลง เวลาทำงานลูกน้องจะรู้ ผมเป็นคนชอบประชุม ชอบให้ลูกน้องเสนอความคิดเห็น คิดอย่างไรพูดมา จะหงุดหงิดมากหากเขาไม่เห็นด้วยแล้วไม่พูดลูกน้องจะรู้สไตล์ผมดี การทำงานของผมทุกวันนี้ อยากทำในสิ่งที่มีอยู่ให้ดี แล้วพัฒนาให้มันดีกว่าเดิม ผมทำธุรกิจบริการ พ่อเคยบอกว่า ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็นผู้มีพระคุณ เราอยู่ได้ด้วยลูกค้าที่มาใช้บริการ ดังนั้น ทุกคำติชม เราต้องใส่ใจ ให้ถือเป็นเรื่องใหญ่ และหาทางแก้ไข” .....สไตล์การบริหารของผู้บริหารคนเก่งคนนี้.