เพิ่งเห็นข่าวเมื่อไม่กี่วันมานี้ น้องทอมคนหนึ่งหยิบปืนของพ่อมายิงตัวตาย พี่สาวให้การว่า น้องเป็นคนอ่อนไหวกับโลกโซเชียลฯ จริงจังกับข้อความคอมเมนต์ของลูกค้า เคยปลอบน้องหลายครั้งว่า เรื่องที่คนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ มันคือเรื่องเล็กๆ ทั้งนั้น แต่กลับถูกย้อนว่า “เรื่องเล็กสำหรับคนอื่น แต่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขานะ” ...

เข้าใจความรู้สึกนี้เลยค่ะ ต่อให้บอกตัวเองเสมอว่า “ปากอยู่ที่เขา แต่ใจอยู่ที่เรา อย่าให้ปากเขาสูงค่าจนทำร้ายหัวใจเราได้” แต่บางวันก็ไม่ไหวจริงๆ ตอนเด็กๆ เคยถูกเพื่อนล้อจนเกลียดโรงเรียนค่ะ ก็ไม่ได้อยากเป็นคนสวยตัวท็อป ขอแค่เป็นคนธรรมดาๆ ที่ไม่ต้องสร้างความเฮฮาให้ใครๆ ด้วยการเป็นตัวตลก ประโยคดีๆ ที่ว่า “ห้ามปากใครๆ ไม่ได้ ก็ต้องปรับที่ใจตัวเอง” เข้าใจว่ามันยากเย็นจริงๆ ตราบใดที่เรายังมองว่าตัวเองมีคุณค่าโดยวัดจากสายตาของใครๆ มันเป็นบทเรียนที่อยู่ในใจว่าจะไม่ล้อเล่นกับความรู้สึกใคร โดยการไปตลกโปกฮากับรูปลักษณ์ของเขา

ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ เรื่องแบบนี้มันฝังใจนะคะ แก่ป่านนี้ มองกระจกทีไร ยังรู้สึกเสมอว่า เราไม่มีดีอะไรที่จะยืนข้างๆ สามีด้วยซ้ำ เพราะช้ำจากคำล้อมาเป็นสิบๆ ปี แต่ก่อน “พูดพล่อยๆ” คำพูดลอยๆ เป็นแค่ลมปาก ยุคนี้ยิ่งยากเพราะเป็นลายลักษณ์อักษร พิมพ์ง่าย วิจารณ์ง่าย สนุกสะใจบนความทุกข์ของผู้คน ยิ่งเวลาจัดรายการ Club Friday ผ่าน live จะค่อนข้างตกอกตกใจกับการวิจารณ์ความอ่อนแอของคนอื่น คนที่ชีวิตราบรื่นดี จะด่าทอคนอื่นว่า “โง่” ได้ง่ายมาก เรื่องความรัก ไม่มีใครโง่ ไม่โง่ มันมีแค่ยอมหรือไม่ยอมเท่านั้นค่ะ การด่าคนอื่นได้ก็ไม่ได้แปลว่าตัวเองดีกว่าเสมอไป

...

“พี่อ้อยคะ มีเพื่อนรุ่นน้องในที่ทำงานชอบทักให้เราหน้าแตกเวลาที่ต้องไปกินเลี้ยงกับคนในที่ทำงานเดียวกันค่ะพี่ รู้สึกไม่ดีเลย เขาทำเหมือนเราเป็นตัวตลก อย่างเช่น “น้องๆ จะพูดอะไรเกรงใจตีนกาพี่เขาบ้างนะ” ซึ่งน้องเขาอายุห่างเราแค่ 4 ปี เขาฟันเหยิน เราก็ไม่เคยเอามาพูดให้เป็นเรื่องน่าอายนะคะ พักหอเดียวกันด้วยค่ะ ล่าสุดเขาก็พูดในวงข้าวว่า “อยู่ใกล้ห้องพี่เขา บางทียังได้ยินเสียงตะกายฝาห้องเลย” หลายครั้งที่เรียกเรา ป้าๆ คือเวลาเขาพูดอะไรที่เราไม่ชอบ ก็จะเงียบค่ะ ไม่ตอบโต้อะไร แต่จริงๆ อายน้องๆ ผู้ชายที่ไปนั่งทานข้าวด้วยกันค่ะ รบกวนพี่อ้อยช่วยแนะนำหน่อยนะคะ”


บางทีพี่ก็ไม่อยากให้เงียบนะ คนบางคนที่พูดล้อคนอื่นได้ แล้วคิดว่าตัวเองเหนือกว่า คงมีปมชีวิต เป็นพี่ พี่จะหันไปแล้วบอกว่า ถ้าสวยได้ครึ่งหนึ่งของน้องก็ดีน่ะสิ แล้วยิ้มให้สวยที่สุด หรือถ้าเขาเรียกเราว่าป้า ก็หันไปบอกว่า “พี่แก่ขนาดนั้นแล้วหรือเนี่ย ถ้ามีหลานแก่เท่าน้องได้ ต้องเรียกพี่ว่ายายแล้วล่ะ ไม่ต้องเกรงใจความแก่ของพี่ อีก 4 ปีน้องก็แก่ทันแล้ว” ขำๆ กันไป บางทีก็ต้องโยนกลับบ้าง การเงียบๆ หงอยๆ ยิ่งทำให้เขาได้ใจ ปกป้องตัวเองบ้างก็ไม่ผิดอะไร หรือถ้ารู้สึกว่าเสียเวลาเกินไปก็ยิ้มๆ เข้าไว้ ถือว่าทำบุญกับคนมีปม ให้เขาได้มีความสุขกับบางเรื่องที่เข้าใจผิดคิดว่าเหนือคนอื่นบ้าง ว่างๆ ก็กรวดน้ำ ถือว่าทำบุญ อุทิศตนเรียกเสียงฮาให้เพื่อนพ้อง สุดแท้แต่วิธีคิด แต่ถ้าจิตใจเริ่มอ่อนแอ ก็ไม่แย่นะ ถ้าเราจะเรียกเสียงฮาคืนบ้าง เหมือนสารพัดคำวิจารณ์ที่ถล่มใส่ชีวิตใครก็ได้ในโซเชียลฯ คิดว่าด่าเขาแล้วเราเจ๋ง พอเขาเอาจริงจะฟ้องกลับก็นั่งก้มหน้าสำนึกผิด อ้างเป็นความผิดพลาดในชีวิตที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์

และในที่สุด เขาจะพูดอะไรไม่สำคัญเท่าเรารู้สึกกับตัวเองยังไง คนทุกคนมีคุณค่าในตัวเองค่ะ สวย ไม่สวย ไม่ได้ช่วยให้ใครมีค่ามากขึ้น ตราบใดที่ไม่เคยให้เกียรติคนอื่น คนทุกคนมีความเป็นมนุษย์เท่ากัน อย่าเรียกเสียงฮาด้วยมุกตลกที่ทำให้คนอื่นเป็นตัวตลก คนที่มองเข้ามาอาจรู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่อารมณ์ขัน แต่เป็นอารมณ์ห้ำหั่น สนุกบนความทุกข์ของใครๆ จะหัวเราะดังได้ซะแค่ไหนถ้ารู้ว่าอีกหัวใจกำลังร้องไห้ อย่าคิดว่าไม่เป็นอะไร ถ้าอีกฝ่ายซีเรียสเมื่อไหร่ ค่อยบอกไปว่า “ล้อเล่นๆ” ทุกหัวใจรักได้และเจ็บเป็น อย่าเห็นว่า “ขอโทษ” แล้วจบๆ ไป บางทีความรู้สึกบาดเจ็บในหัวใจ อาจทิ้งแผลใหญ่ๆ ไม่ได้หายไปง่ายๆ แค่คำว่า “ขอโทษ” ใจเขาใจเราค่ะ ก่อนพูดอะไร อย่าคิดถึงแต่ใจเรา ตอนเป็นผู้กระทำมักไม่ค่อยรู้สึก จะมาเจ็บลึกตอนเป็นผู้ถูกกระทำบ้างนี่แหละ