เข้าสู่เดือนของแม่ค่ะ “สิงหาคม” เดือนที่หลายๆ คนตั้งใจกอดแม่ให้แน่นกว่าทุกเดือน ทั้งที่แม่คงอยากให้ลูกกอดแน่นทุกๆ วันไม่ใช่เฉพาะวันสำคัญ ล่าสุด เห็นพี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง การจัดงานวันแม่โดยการเชิญบรรดาคุณแม่มาให้ลูกกราบที่โรงเรียนยังจำเป็นขนาดนั้นไหม มุมหนึ่งคือภาพที่ดี แต่คิดอีกที เด็กที่ไม่มีแม่ก็แสนจะสะเทือนใจ ... ในฐานะเป็นดีเจที่ผ่านวันพ่อ วันแม่มาครั้งแล้วครั้งเล่า ขอยืนยันว่าเป็นวันเศร้าของคนที่ไม่มีพ่อ หรือไม่มีแม่เหมือนคนอื่นจริงๆ ค่ะ ขนาดเป็นผู้ใหญ่ ยังใจสั่นเวลาถึงวันสำคัญเหล่านี้ เด็กๆ ยิ่งหนักค่ะ บางโรงเรียน เด็กที่ไม่มีแม่ กราบเก้าอี้เปล่าก็มี บางทีมีแต่คุณพ่อ คุณพ่อยังยอมแต่งหญิงมานั่งเป็นแม่ให้ลูกกราบ กตัญญูเป็นสิ่งที่ดี แต่มีวิธีไหนไหม ให้พิธีดีๆ เหล่านี้ไม่ทำร้ายหัวใจจนเกินไป ลองค่อยๆ ช่วยกันคิดได้ ในวันนี้มีคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมากมาย แต่ใช่ว่าลูกต้องขาดความอบอุ่นเสมอไป

ชีวิตถ้าเลือกได้ ไม่มีใครอยากแต่งงานวันนี้ เพื่อไปเลิกวันหน้า แต่วันเวลา ทำให้ความรู้สึกเคลื่อนตัวไป รักมากขึ้นทุกวันก็มี รักน้อยลงทุกทีก็มาก วันที่รักก็รักจริง วันที่ทิ้งก็ไม่ได้โกหก เมื่อเดินหน้าต่อไปไม่ไหว ก็ต้องแยกย้าย ความรู้สึกของคนเคยเป็นสามีภรรยา ต่างก็รับมือกันไป แต่ความรู้สึกในใจลูก ยังไงก็ต้องใช้เวลา เพื่อให้เขารับรู้ว่า พ่อแม่เลิกกัน ไม่ได้ทำให้ความผูกพันของพ่อลูก หรือแม่ลูกหายไป วันนี้มีคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนหนึ่งฝากคำถามเข้ามา อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย

...

“หลายปีก่อน หนู เป็นเด็กคนหนึ่ง ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พ่อกับแม่เลิกกันค่ะ หลังจากนั้น แม่ก็แต่งงานใหม่ แล้วมารับหนูไปอยู่ด้วย แม่มีน้องกับพ่อใหม่อีกคน อยู่มาได้สักพัก พ่อใหม่เริ่มลวนลาม และบังคับให้หนูมีอะไรด้วย ตั้งแต่นั้น เมื่อแม่ไม่อยู่บ้าน หนูก็จะไม่อยู่จนแม่ถามว่า ทำไม? ก็เลยเล่าให้แม่ฟังว่า พ่อเลี้ยงทำอะไรหนูบ้าง ตอนนั้นเขาทะเลาะกันหนักมาก แม่ไล่พ่อเลี้ยงออกไปจากบ้าน ผ่านไป 2 วัน แม่ก็ไปตามเขากลับมา พ่อเลี้ยงแก้ตัวสารพัดว่าไม่ได้ทำ สุดท้ายแม่ก็เชื่อเขา แล้วหาว่าหนูตอแหล เป็นเด็กขี้โกหก หนูเลยขอไปอยู่กับป้า ทุกวันนี้พ่อเลี้ยงก็ยังคงอยู่กับแม่ เวลาที่หนูเจอเขา หนูไม่เคยลืมเรื่องเลวๆ ที่เขาทำกับหนูเลย ตอนนี้หนูแต่งงานมีลูกสาว 1 คน 5 ขวบแล้ว หนูเลิกกับพ่อของลูกมา 2 ปีแล้ว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว วันหนึ่ง มีผู้ชายดีมากๆ เดินเข้ามาในชีวิตหนูอีกครั้ง แต่ยังไม่ได้รักเขา และไม่กล้าเปิดใจกับใครอีก เพราะกลัวลูกสาวจะเจออย่างที่หนูเคยเจอ เวลาพาลูกไปหายาย ต้องเจอหน้าพ่อเลี้ยง เจ็บปวดทุกครั้งที่เจอหน้า ไม่ว่าจะเกลียดเขามากแค่ไหน แต่มันคือความสุขของแม่ อีกคนเราก็รักสุดหัวใจ อีกคนก็ทำร้ายเราอย่างเจ็บปวด”

ลืมตาขึ้นมาอีกวัน ก็ห่างอดีตไปอีกวันอย่าทำให้ปัจจุบันพัง เพราะมัวแต่เอาความหลังมากระหน่ำซ้ำเติมหัวใจ วันนี้เป็นคุณแม่ที่ต้องกอดลูกให้แน่นแทนคุณพ่อของเขา เรายังทำได้เลย ภูมิใจในความเป็นแม่ของตัวเอง ชีวิตที่ผ่านมา ก็แค่เรื่องแย่ๆ ที่เราผ่านจุดนั้นมาได้ตั้งไกลแล้ว กตัญญูแค่กับแม่ที่ให้ชีวิตเรา กับเขา ก็มองผ่านๆ แค่เศษขยะข้างๆบ้าน เขาทำร้ายเราได้แค่วันเก่าๆ เราจะสร้างวันใหม่ดีๆ เพื่อแทนที่อดีตแย่ๆ มองมันเป็นแค่เรื่องที่ผ่านไป หรือถ้ายังปรับวิธีคิดไหว ถือซะว่า อย่างน้อย แม่เราก็ยังมีเพื่อน แค่นั้นจบ เขาเลือกกันแล้ว และเราก็เลือกทางใหม่ของเราแล้วเช่นกัน

จงเป็นคุณแม่ที่มีความแข็งแกร่ง สร้างแรงพลังให้กับลูก ถ้าเกิดถูกใจใคร ก็ค่อยๆ ใช้เวลาดูใจกันไป เราเคยมีบทเรียนเรื่องอะไร ก็ใช้สิ่งนั้นมาเป็นสติเพื่อยังยั้งชั่งใจ หรือแม้แต่สร้างเกราะป้องกันภัย ทั้งหัวใจเรา และหัวใจลูก ผู้ชายไม่ได้เหมือนกันทุกคนค่ะ ความกลัว เป็นสติอย่างหนึ่ง ยิ่งกลัว ยิ่งระวัง แต่ไม่ใช่หลอนหนักจนไม่กล้ารักใคร

เคยอ่านเจอประโยคนี้ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ค่ะ "คนฉลาด ทำเคราะห์ให้เป็นโอกาส แต่คนประมาท ทำโอกาสให้เป็นเคราะห์" ถ้าสิ่งที่น้องเจอตอนเด็ก คือคราวเคราะห์ เอาเคราะห์เหล่านั้นมาสร้างโอกาสที่จะไม่ให้ครอบครัวของเราพลาดอีก เปลี่ยนวันเก่าๆ ไม่ได้ แต่สร้างวันใหม่ เพื่อใช้ชดเชยวันเก่าได้นี่นา วันนี้ลูกคือของขวัญจากฟ้า วันวาน เราคือคนน่าสงสาร อดีตที่ทรมาน กำลังสร้างปัจจุบันที่แข็งแกร่ง แค่น้องต้องมองข้ามเรื่องที่ผ่านมาให้ได้ ไม่เอาทุกข์ของวันเก่ามาซ้ำเติมตัวเราจนไม่กล้าจะมีความสุข เรื่องดีๆ รออยู่ข้างหน้า จะมัวแต่หันหลังกลับมา เอาอดีตมากรีดปัจจุบันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำไมกัน

...