ตำนาน “เจ้าแม่นางนอน” เริ่มจากเรื่องเล่าที่สืบทอดต่อๆกันมาว่า ณ เมืองเชียงรุ้งสิบสองปันนา มีราชธิดาองค์หนึ่งทรงพระสิริโฉมงดงามยิ่ง ได้แอบรักชายเลี้ยงม้า ซึ่งผิดกฎตามโบราณราชประเพณี แต่ด้วยความรักที่มีต่อกันทั้งสองก็แอบรักกันจนพระราชธิดาตั้งครรภ์

ครั้นเรื่องราวปิดเป็นความลับไม่ได้แล้ว จึงต้องพากันหลบหนีตามกันมา พอพระราชบิดารู้ก็ส่งทหารออกไล่ล่าติดตามตัว ทั้งคู่เดินป่าฝ่าดงอย่างยากลำบากกระทั่งซัดเซพเนจรไปจนถึงที่ราบแห่งหนึ่งริมน้ำโรง ราชธิดาที่ทรงพระครรภ์รู้สึกเหนื่อยล้ามาก จนไปต่อไม่ไหวอีกแล้ว

ฝ่ายชายหนุ่มจึงได้บอกให้รออยู่ที่นี่ จะเข้าป่าไปหาอาหารมาให้ อย่าเสด็จไปไหน ทว่า...โชคไม่เข้าข้างทหารตามมาทันเจอกับชายเลี้ยงม้าในป่าก็เข้ารุมทำร้ายจนเสียชีวิต พระราชธิดา...เฝ้ารอชายหนุ่มคนรักจนเย็นย่ำค่ำมืด รอแล้วรอเล่า...ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมา กระทั่งกองทหารของพระราชบิดามาพบ ทูลเชิญกลับไปยังนครเชียงรุ้ง เมื่อรู้ข่าวว่าชายคนรัก...ถูกฆ่าตายก็เสียพระทัยอย่างมาก

เมื่อตั้งสติได้...จึงตั้งสัจจะอธิษฐาน ยึดเอา “ความรักบริสุทธิ์” เป็นที่ตั้ง ดึงปิ่นปักผมออกมาแทงพระขมับจนโลหิตไหลออกเป็นสาย สิ้นพระชนม์... สายพระโลหิตที่หลั่งไหลได้กลายเป็นต้นแม่น้ำสายในทุกวันนี้ ส่วนพระวรกายที่นอนเหยียดยาวจากใต้จดเหนือก็ได้กลายเป็น “ดอยนางนอน” ที่เห็นในทุกวันนี้

...

อิตถีเพศของพระนางกลายเป็นถ้ำหลวง... พระอุทรที่ทรงครรภ์เป็นดอยตุง...พระเศียรกลายเป็นดอยท่า (ดอยจ้อง)...พระถันเป็นดอยแม่ย่า ข้อมูลข้างต้นเหล่านี้ยกเครดิตข้อมูลจากเพจ Lanna... “ตำนานถ้ำหลวง”

ศาล “เจ้าแม่นางนอน” ฝั่งถ้ำหลวง...“ขุนน้ำนางนอน” ผู้คนมีความเชื่อเคารพศรัทธาให้สมหวังดั่งประสงค์ได้ทุกอย่าง และในเรื่องเลขเด็ด เรื่องหวยรวยเบอร์ก็เห็นมาบนกันไว้อยู่หลายคน

“ส่วนใหญ่เป็นคนข้างนอก แต่คนในพื้นที่ก็เข้ามาบนบานศาลกล่าว ขอให้ช่วยเรื่องทำมาค้าคล่อง มีเรื่องเล่าลือปากต่อปากบางคนก็ฝันเห็น เสมือนว่าเจ้าแม่ก็มาช่วยเหลืออยู่เนืองๆ” ลุงปรีดา อายุ 63 ปี คนพื้นที่ เชื่อและศรัทธาในตัวเจ้าแม่อย่างมากว่าอย่างนั้น

ด้วยเหมือนท่านช่วยเกื้อหนุน หนุนนำให้วงดนตรีพื้นบ้านของพวกเราดูดี มีผู้คนชื่นชม ชื่นชอบสอดคล้องตรงกันกับ สุภาพร นิษณา หรือ บุ๋ม หัวหน้าวง ที่กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสว่าเจ้าแม่ในความรู้สึกของพวกเรา...ศักดิ์สิทธิ์มาก แม่เป็นคนดีมาก แม่เป็นผู้ให้...น้ำที่ออกจากถ้ำไปหล่อเลี้ยงชาวบ้านทั้งหมด ชาวไร่ ชาวนา ก็เป็นน้ำจากตรงนี้ทั้งหมด

คนพื้นที่ส่วนใหญ่เรียก “แม่นางนอน” เหมือนเป็นแม่เรา เลี้ยงเราคือบุญคุณที่ยิ่งใหญ่อย่างเป็นรูปธรรม ปาฏิหาริย์สิ่งเหนือธรรมชาติแม่นางนอนไม่มีอะไรให้เห็น แต่สิ่งที่เราศรัทธาคือว่าวัฒนธรรมพื้นบ้านของล้านนา แม่ก็เป็นคนล้านนาเหมือนกัน ลึกๆในใจที่เชื่อ...ที่พวกเรารวมตัวกันเป็นวงขึ้นมาได้อย่างนี้ ในอดีตชาติอาจจะมีอะไรที่ข้องเกี่ยวกัน อาจจะเคยให้สัจจะสัญญากันไว้ว่าจะมาช่วยกันรักษาวัฒนธรรม เลยได้มาอยู่ร่วมกัน

ณ วันนี้ ผู้คนแต่ละคนระดับครู อาจารย์ ทำกันมาเรื่อยๆจนแก่เฒ่าก็ยังรวมตัวกันไม่ได้ อบต.ช่วยรวมตัวกันก็ยังไม่สำเร็จ กระทั่งสำเร็จได้อย่างที่เห็นด้วยเหมือนมีอะไรบางอย่างมาเป็นแรงผลักให้เป็นเช่นนี้ โดยเฉพาะปัญหาข้อติดขัดหากใครไม่จ้างก็เอาไปไม่ได้ พกไปไม่หมด กระทั่งมารวมวงกันได้อยู่ตรงนี้

วงดนตรีกลุ่มผู้สูงอายุ “ฮักฮีตตวยฮอยล้านนา” อ.แม่สาย เล่นทุกวันตรงนี้ ใครมีธุระอะไรก็ไปทำ สำหรับรายได้ก็มีแค่กล่องรับบริจาค ไม่มีใครมาจ้างให้เล่นอยู่ตรงนี้หรอกนะ อย่าได้เข้าใจผิด

“รายได้บริจาคผู้ศรัทธา ไม่ใช่ว่าจะเอามาเข้ากระเป๋าส่วนตัว ได้มาเท่าไหร่ก็มาจัดสรรปันส่วนให้ได้ใช้จ่ายกันครบถ้วนทั่วทุกๆคน และรายได้ก็ไม่ใช่เข้ามาเยอะแยะมากมาย”

...

ทุกวันนี้...ที่อยู่กันมาได้ก็เพราะบารมีแม่คุ้มครองพวกเราให้มารวมตัวกันได้ ทุกคนพึงระลึกถึงบารมีของแม่ ตั้งใจกันไว้ว่า “สงกรานต์”...วันเริ่มต้นปีใหม่ชาวล้านนา คิดตรงกันว่าแม่แผ่บารมีให้พวกเราได้มีกินมีใช้กัน ถึงจะไม่ร่ำไม่รวย ก็อยากจะ
ทำอะไรให้แม่บ้าง “ผ้าแพรผืนใหญ่ที่ผูกต้นไม้เก่าแล้ว ก็จะซื้อผืนใหม่มาเปลี่ยน”...ความเชื่อคนทางภาคเหนือมีศรัทธาเกี่ยวกับ “ต้นไม้ใหญ่” มี “รุกขเทวดา” ปกปักรักษา ผู้เฒ่าผู้แก่ในวงก็ปรึกษากันอยากซื้อผ้าแพร 7 สีมาเปลี่ยน ค่อยๆเก็บสะสมไปเรื่อยๆ คนละ 100 บาท คนละ 50 บาทบ้าง มีมากมีน้อยก็ช่วยๆกันไป ไม่กำหนดตายตัวแล้วแต่ใครจะศรัทธา...ไหวมากน้อยแค่ไหนก็ช่วยกันลงขัน

ครบตามต้องการแล้ว ไปซื้อแล้วก็จะกลับมาผูกก่อนสงกรานต์...เราอยากจะผูกให้แม่เป็นคนแรกเพื่อทำบุญใหญ่ขึ้นปีใหม่เป็นสิริมงคลกับตัวเองและครอบครัวพวกเราทุกคน

“ฮักฮีตตวยฮอยล้านนา” เล่นได้ทุกแนว แต่ส่วนใหญ่เน้นเพลงพื้นบ้าน เพลงล้านนาของเราเอง วันธรรมดาจะเริ่มก็ 09.30 น. วันเสาร์อาทิตย์มาเร็วหน่อย 09.00 น. แล้วก็เลิกพอๆกันราวๆบ่ายสี่โมงเย็น...แต่ละวันมาถึงจะไหว้ครู พอธูปเทียนหมดก็จะเล่นถวายด้วยเพลง “กล่อมนางนอน” แล้วก่อนจะลาก็จะถวายด้วยเพลงกล่อมนางนอนอีกครั้งหนึ่ง เป็นอย่างนี้ประจำทุกๆวัน
“ศรัทธา” นำมาซึ่ง “ปาฏิหาริย์”...สิ่งที่ไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มี.

รัก–ยม