มีคุณผู้อ่านเขียนมาถามในแฟนเพจ www.facebook.com/kateinspirer ว่า “ครูเคทคะ หนูร้องไห้ง่ายไปหรือเปล่าโดนนายดุบ่อน้ำตาก็แตกแล้ว จะแก้ไขยังไงดีคะ รู้สึกอายที่ร้องไห้ต่อหน้าเจ้านายค่ะ”
การร้องไห้ง่ายหรือร้องไห้บ่อย แสดงให้เห็นถึงสภาวะที่เกิดความขัดแย้งขึ้นในใจ (ระดับจิตไร้สำนึก) หรือ สภาวะที่เกิดอารมณ์มากท่วมท้น เช่น ดีใจหรือเสียใจมากจนรู้สึกท่วมท้น จิตต้องพยายามปรับอารมณ์ให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ การร้องไห้จะช่วยให้เกิดการปรับอารมณ์ได้ดีค่ะ แต่คนเรายังต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของสังคมบางประการ ซึ่งอาจขัดแย้งกับธรรมชาติของคนเราอยู่บ้าง ดังนั้น คนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วสังคมคาดหวังว่าไม่ควรร้องไห้ให้คนอื่นเห็น คนที่อารมณ์อ่อนไหว ร้องไห้บ่อย เลยอาจรู้สึกอายที่จะร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นค่ะ
คนที่ขี้แง บ่อน้ำตาตื้น แสดงว่าเป็นคน sensitive และรู้ไม่ทันสภาวะอารมณ์และไม่รู้วิธีจัดการกับอารมณ์ค่ะ จึงปล่อยอารมณ์จนท่วมท้นจนต้องร้องไห้ วิธีการจัดการกับอารมณ์ที่ถูกต้องไม่ใช่การกดอารมณ์หรือข่มใจไม่ให้ร้องไห้ อย่างที่เรามักถูกสอนมานะคะ แต่เป็นการรับรู้อารมณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ และดึงสติกลับมาอยู่กับสิ่งที่กำลังทำตรงหน้า หรือกลับมาที่ร่างกาย เช่น ลมหายใจ หรือ สภาวะที่เกิดขึ้นบนร่างกาย ณ ขณะนั้น
...
ยกตัวอย่างเช่น คุณถูกเจ้านายดุ ในขณะนั้น จิตหรือความคิดของคุณกำลังวิ่งไปมาระหว่างประสบการณ์ในอดีตที่ถูกผู้อื่นตำหนิ(คุณไม่ชอบและรู้สึกเจ็บปวด) และความกังวลว่าเจ้านายที่กำลังดุคุณอยู่ตรงหน้ากำลังคิดในเชิงลบกับคุณ ความคิดที่วิ่งไปมาอย่างนี้ (เจ้าตัวมักไม่รู้ตัว หรือรู้ไม่ทันว่ากำลังคิดอะไรอยู่) จะทำให้สารเคมีที่รับมือกับความเครียด เช่น คอร์ติซอล หลั่งออกมามากกว่าปกติ จนคุณอยู่ในสภาวะท่วมท้น จนร่างกายต้องปรับสมดุลของสารเคมีในสมองด้วยการร้องไห้ค่ะ
การแก้ไขนิสัยขี้แง ไม่ใช่การกดอารมณ์ข่มใจบอกตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้ ยิ่งทำอย่างนั้นยิ่งแย่ค่ะ แต่ให้ดึงสติกลับมาจดจ่ออยู่ที่ปฏิกิริยาที่ปรากฏขึ้นบนร่างกาย เช่น ถูกนายดุ ถ้าคุณสังเกตตัวเองดีๆ จะพบว่าร่างกายมีอาการซ่าๆ หรือร้อนบนใบหน้า กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เกร็ง ลืมหายใจหรือหายใจไม่สม่ำเสมอ เป็นต้น (อาการที่ปรากฏบนร่างกายของคนแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ) เมื่อสังเกตเห็นแล้ว ให้ดึงจิตมาเฝ้ามองอาการเหล่านั้นสักครู่ (ไม่ต้องคิดว่าจะหยุดมันได้อย่างไร) หากส่วนใดคลายได้ เช่น มือ แขน ขา ก็ค่อยๆ คลายกล้ามเนื้อบริเวณนั้น หากคลายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ให้ลองกลับมาให้ความสนใจกับลมหายใจ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ สัก 2-3 ครั้ง สติของคุณจะกลับมาอยู่กับปัจจุบันได้เร็วค่ะ ไม่ต้องลุ้นให้ความรู้สึกน้อยใจมันหายไปเร็วๆ แค่รับรู้ อยู่กับมันสักครู่ มันจะค่อยๆ หายไปค่ะ ครูเคทก็ขี้แงค่ะ วิธีที่ใช้ได้ผลมากก็คือ พอน้ำตาเริ่มซึมๆ ออกมา เราจะมองเห็นอะไรเบลอๆ ดังนั้น ให้รวบรวมสติและเพ่งมองไปยังวัตถุข้างหน้า ปรับโฟกัสให้ชัด (การพยายามปรับโฟกัส จะดึงความสนใจของเราออกมาจากความคิดที่นำไปสู่การน้อยใจ เสียใจค่ะ) สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วคุณจะเห็นว่าอารมณ์น้อยใจจะหายไปอย่างรวดเร็วค่ะ
ขอให้เข้าใจว่าการจัดการกับสภาวะอารมณ์คือการรับรู้ปฏิกิริยาที่ปรากฏบนร่างกาย หยุดความคิด ไม่ต้องพยายามหาเหตุผลอะไรมาจัดการกับอารมณ์ ยิ่งคิดอารมณ์ยิ่งขึ้นค่ะ รอรับรู้อยู่กับปฏิกิริยาบนร่างกายสักพัก (5-30 วินาที) แล้วคุณจะแปลกใจว่าสภาวะอารมณ์ที่ไม่สมดุลจะกลับเข้าสู่สมดุลได้เร็วขึ้น
ลองฝึกดูนะคะ ความขี้ใจน้อย และขี้แงของคุณจะยังไม่หายไปง่ายๆหรอกค่ะ เพราะมันเป็นนิสัยสะสมมาเป็นเวลานานของคุณ แต่คุณจะแปลกใจว่าทุกครั้งที่คุณเกิดอารมณ์น้อยใจ เสียใจ แล้วคุณพยายามฝึกการรู้สึกตัว คุณจะกลับเข้าสู่สภาวะสมดุลได้ไวขึ้น ใช้เวลาสั้นลงๆในการปรับอารมณ์ค่ะ และเมื่อรู้ตัวได้ไวและปรับอารมณ์ได้เป็นปกติแล้ว ให้ฝึกมองว่าคำพูดของเจ้านายที่ตำหนิเรานั้น จริงๆแล้ว เจ้านายกำลังสอนเรา ให้พัฒนางานของเรา (เพียงแต่บางครั้ง เจ้านายก็เป็นคนธรรมดา ที่ไม่รู้ตัวเช่นกัน ว่ากำลังมีอารมณ์โกรธ หรือ กลัวงานเสียหาย กลัวความรับผิดชอบ เจ้านายก็อาจจะกระแทกความกลัวนั้นออกมาใส่คุณก็ได้) ดังนั้น ให้ตั้งใจฟังเวลานายดุ อย่าคิดว่านายไม่ชอบเรา อย่าคิดว่าเราไร้ความสามารถ แต่ให้พยายามฟังเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ (เพราะจริงๆ เจ้านายคงพยายามสอนเรา แต่เขาก็อาจไม่รู้ตัวว่ากำลังกลัว และอาจไม่สามารถเรียบเรียงคำพูดให้ออกมาดีๆได้) มองทุกเรื่องในชีวิตให้เป็นบทเรียนที่จะทำให้เราเติบโตสิค่ะ ไม่ใช่มองว่าเป็นการตำหนิติเตียน การดูถูก แล้วคุณจะมีภูมิคุ้มกันทางใจที่ดี ทำให้สามารถมีความสุขได้ทุกสถานการณ์ และจะเติบโตทางความคิดได้อีกมากมายทีเดียวค่ะ
...
ใครมีปัญหา ลูกเรียนไม่เก่ง ไม่รู้จะทำอะไรในอนาคต ญาติพี่น้องติดกลุ่มลัทธิ ปัญหาครอบครัว ความสัมพันธ์ การทำงาน ติดโซเชียล ติดเกม panic และ phobia มารับคำปรึกษากับครูเคทได้ที่ KruKate Counseling Center ต้องการนัดคิว โทร. 0814581165 หรือ เข้าไปฝากคำถามและแชร์ประสบการณ์ในแฟนเพจ www.facebook.com/kateinspirer และ YouTube channels: Kate Inspirer ได้นะคะ