เปิดสนามพระวิภาวดี อาทิตย์แรกของเดือนสามกันด้วยธรรมะคำสอนสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ว่า “กุศล แปลว่ากิจของคนฉลาด หมายถึง ความดี เช่นเดียวกับบุญอกุศล แปลว่า กิจของคนไม่ฉลาด หมายถึง ความชั่ว เช่นเดียวกับบาป สรุปความว่า ผลของบุญคือความดีนั้นคือความสุขที่เกิดจากความบริสุทธิ์ใจ เพราะการทำบุญคือความดีโดยตรง มุ่งชำระฟอกล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ สะอาดจากโลภะ โทสะ โมหะ ซึ่งเป็นอกุศล เรียกว่า ทำบุญเพื่อบุญ หรือทำความดีเพื่อความดี แต่ละคนลองหัดทำบุญ เพื่อบุญจะได้ความสุขอันเกิดจากความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งเป็นความสุขอย่างบริสุทธิ์ในปัจจุบันที่ทำ.....
แล้วก็เข้าไปดูว่าตลาดพระเครื่องของเราวันนี้ มีอะไรตื่นเต้นบ้าง เจอองค์แรก ก็ตื่นเต้น และมีตกใจอีกนิดหน่อย เพราะจำได้ว่า พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม พิมพ์ใหญ่ สวยเฉียบองค์นี้ เดิมอยู่กับ เฮียหนึง-ปรีดา อภิปุญญา นักสะสมรุ่นใหญ่มาก มานาน และไม่เห็นเคยยอมให้ใครแตะ .....
แต่มาบัดนี้ ชื่อเจ้าของเปลี่ยนเป็น ท่านอัยการ ศักดา ช่วงรังษี ไปซะแร้ว จึงเป็นที่ฮือฮาโอ้โหกันแซ่ด ว่าเกิดอะไรขึ้น.....
ประสา สีกาอ่าง ก็ซอกแซกสืบทราบมาว่า ที่ เฮียหนึง ใจอ่อนยอมให้ บางขุนพรหม องค์นี้ย้ายกุฏิ เพราะท่านอัยการตามติดตามจีบทุกวัน วันละหลายเวลา และยังแสดงความจริงจังอยากได้ไปบูชา ด้วยการให้เช็คมัดจำพระไว้ด้วย ในที่สุด เฮียหนึง จึงจำใจแบ่งให้ท่านไปใช้บูชา ในราคาประมาณ 20 ล้าน--ราคาแบบจำใจนะเนี่ย.....
...
สำหรับ พระสมเด็จบางขุนพรหม องค์นี้ ก็ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ เพราะสวยไม่มีที่ติ ระดับเคยลงปก พรีเชียส แมกกาซีน มาแล้ว .....
ตามมาด้วย พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ฐานแซม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งติดมาตรฐาน พระดี พระแท้ ถูกวัด ดูง่าย ไร้ปัญหา เคลียร์ แอนด์ คลีน.....
พระมากด้วยคุณค่า สูงด้วยราคา นับวันจะหายาก องค์นี้ เด่นสุดที่พื้นผิวส่วนลึก ที่อุดมไปด้วยแป้งโรยพิมพ์ขาวๆเดิมๆ อย่างที่เรียกกันว่าผิวเปลือกไข่.....
กับ ลายแตก อย่างสังคโลกหรือ แตกลายงา ที่ต้องจำกันให้แม่นว่า มีเฉพาะด้านหน้า ด้านหลังมีไม่ได้เด็ดขาด เพราะเกิดจากการรัดตัวของผิวเนื้อ ที่ถูกทาทับด้วยเนื้อรัก ที่ร่อนหลุดไปตามอายุอย่างเป็นธรรมชาติ.....
ถ้าองค์นี้เป็นพระพิมพ์ใหญ่ ซึ่งมีศักดิ์ศรีจักรพรรดิพระเครื่อง ราคาต้องเจรจากันที่ หลายสิบล้าน ซึ่งก็คงมีไม่กี่คนในแผ่นดิน ที่มีสิทธิ์ฝัน--ส่วนองค์นี้ ของ เสี่ยชูลักษณ์ แสงอุไรพร แม้เป็นพระพิมพ์รอง แต่ถ้าให้ประเมินราคา ก็คงต้องตั้งต้นที่ สิบล้านบวกลบ.....
องค์ที่สาม ยังคงเป็นเบญจภาคี คือ พระรอด พิมพ์เล็ก กรุวัดมหาวัน ลำพูน ของ เสี่ยสถิตย์ ราชบุรี เห็นแล้วต้องยกนิ้วให้ว่า เป็นพระชั้นเยี่ยม สวยสภาพเดิมอย่างแท้จริง ความงามไม่ถึงแชมป์ แต่ได้ความซิงมาทดแทน.....
เห็นได้จากผิวพรรณที่อยู่ในสภาพไร้ริ้วรอยสัมผัส แบบ ๑๐๐% ซึ่งนับอายุการสร้างพระถึงปัจจุบัน ก็เหยียบ ๑ พันปี นับอายุนำขึ้นจากกรุมา ก็มากกว่า ๑ ศตวรรษ แต่องค์พระยังรักษาตัวรอดไร้ราคี ไม่มีริ้วรอยสัมผัสใช้ให้เห็นแม้ปลายเข็ม.....
...
อย่างนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์จากอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ด้านแคล้วคลาดที่มีมาในองค์ก็คงได้ สมนาม “พระรอด” สุดยอดพระคุ้มครองป้องกัน ให้แคล้วคลาดภัยอันดับ ๑ ของเมืองเหนือ.....
รายการต่อไป ก็เบญจภาคี คือ พระกำแพงซุ้มกอ พิมพ์กลาง กรุลานทุ่งเศรษฐี กำแพงเพชร พอบอกว่า ของ เสี่ยอึ้ง ก๊อก เซ็ง ก็รู้ว่าไม่ธรรมดา เพราะรสนิยมเจ้าของที่สะสมอย่างมีวิสัยทัศน์ มีความรู้ ศึกษาก่อนสะสม ดูพระเป็น เล่นพระได้ด้วยตัวเอง.....
เห็นได้จากภาพพระทุกองค์ รวมถึงองค์นี้ ล้วนเป็นพระหลักยอดนิยมองค์งามๆ สภาพเดิมๆ ซึ่งยิ่งนานวันจะยิ่งมีคุณค่าราคาสูงขึ้นทวีคูณ ซึ่งผู้ชำนาญการมีทีเด็ดเคล็ดลับในการพิจารณา ท้าพิสูจน์ได้เลยว่าพระสวยธรรมชาติยิ่งนานวันยิ่งจะดูมีความงามมากขึ้น และเป็นความงามอย่างคลาสสิก ลึกซึ้ง สู้ตา ยิ่งดูยิ่งปลื้ม ต่างจากพระสวยศัลยกรรมที่นานวันยิ่งโทรม ดูไม่สู้ตา น่าเบื่อ .....
...
พระดี อีกสำนัก เป็น พระพุทธชินราช ใบเสมา พิมพ์กลาง (แก้มแตก) กรุวัดเขาพนมเพลิง สุโขทัย พระพิมพ์เนื้อชินเงิน ที่สร้างล้อพระพุทธชินราชพิษณุโลก.....
ทุกองค์เป็นแบบฐานสูง และมีตำหนิเนื้อเกินที่แก้มซ้าย ค้นพบพร้อม พระศาสดา พระอู่ทองตะกวน พระล้อพิมพ์พระพิจิตรข้างเม็ด พระลีลาบัวสองชั้น พระหน้าตะกวน พระซุ้มฐานบัวขีด หรือที่เรียกว่า พระกระต่ายแกลบ ฯลฯ.....
อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ เป็นเช่นเดียวกับ พระพุทธชินราช ใบเสมา เมืองพิษณุโลก จึงนิยมใช้บูชาแทนกัน ราคาค่าความนิยมปัจจุบันอยู่ที่ หลักหมื่นกลางถึงปลาย--ถ้าสวยมากอย่างองค์ในภาพของ เสี่ยสุรัตน์ ตรีธนากร มีสิทธิ์ทะลุถึง หลักแสนต้น.....
...
อีกองค์ เป็น พระปรกโพธิ์เชียงแสน พิมพ์เล็ก กรุวัดอาทิ ต้นแก้ว อ.เชียงแสน เชียงราย.....
บันทึกเมืองเชียงแสนมีว่า เมืองเชียงแสนสร้างขึ้นโดยพระเจ้าแสนภู ในสมัยพญาเม็งราย เป็นพระมหากษัตริย์ ตั้งอยู่ ณ เมืองเก่าริมฝั่งแม่น้ำโขงราวปี พ.ศ.๑๘๑๗ หลังจากสร้างเมืองแล้วพระเจ้าแสนภู ประทับอยู่ถึงสวรรคตเมื่อปี พ.ศ.๑๘๗๗ .....
ต่อมาถูกปกครองโดยพระเจ้าคำฟู เมืองเชียงแสนถูกลดฐานะกลายเป็นเมืองลูกหลวง ถึงราวปี พ.ศ.๒๑๐๐ เมืองเชียงแสนจึงตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า พร้อมกับเมืองเชียงใหม่ และอีกหลายเมืองในล้านนา.....
ถึงราวปี พ.ศ.๒๑๔๓ สมัย สมเด็จพระนเรศวร เจ้าเมืองเชียงใหม่กลับมายอมสวามิภักดิ์ ทรงให้ ออกญารามเดโช ไปครองเมืองเชียงแสน แต่ต่อมาก็กลับตกเป็นเมืองขึ้นพม่าอีกครั้ง .....
ถึงปี พ.ศ. ๒๓๔๗ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงโปรดให้เจ้าฟ้ากรมหลวง เทพหริรักษ์ กับเจ้าพระยายมราช ยกทัพขึ้นไปสมทบกับทัพจากเวียงจันทน์ น่าน ลำปาง และเชียงใหม่ ขับไล่กองทัพพม่า ยึดเมืองเชียงแสนกลับมาเป็นของไทย.....
ศึกครั้งนี้ทำให้เมืองเชียงแสนเสื่อมสภาพ กลายเป็นเมืองร้างถึงราวปี พ.ศ.๒๔๑๓ มีชาวพม่า ลื้อ เขิน จากเมืองเชียงตุงและชาวไทยใหญ่อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐาน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดให้อุปราชเมืองเชียงใหม่ไปแจ้งให้คนเหล่านั้นอยู่ในปกครองของเมืองเชียงใหม่ แต่ถูกขัดขืน ถึง พ.ศ.๒๔๑๗ จึงโปรดให้เจ้าอินต๊ะนำราษฎรจาก ลำพูน ลำปาง และเชียงใหม่ ไปตั้งถิ่นฐานที่เมืองเชียงแสน ยกเจ้าอินต๊ะขึ้นเป็นพระยาราชเดชดำรง เป็นเจ้าเมืองเชียงแสนในปี ๒๔๓๘-๒๔๗๒ เมืองเชียงแสนจึงถูกยุบฐานะกลับมาเป็น อ.เชียงแสน อยู่ในปกครองของเมืองเชียงรายถึงปัจจุบัน จบข่าว.....
เมืองเชียงแสนได้ชื่อเป็นแหล่งกำเนิดศิลปวัตถุในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะ พระพุทธรูป ที่มีชื่อเสียงได้แก่ พระพุทธรูปเนื้อสัมฤทธิ์ ที่มีอายุสูงศิลปะเลิศล้ำค่า คือ พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์ ๑ ในยุคเชียงแสนแล้ว.....
สำหรับพระเครื่องที่พบส่วนใหญ่เป็นชนิด พิมพ์ปรกโพธิ์ เนื้อตะกั่วสนิมแดง และ เนื้อตะกั่วสนิมแดง ที่เป็น เนื้อดินเผา มีน้อย.....
กรุพระเครื่องที่สำคัญ มีอาทิ กรุวัดต้นแก้ว กรุเจดีย์ปราสาทคุ้ม กรุวัดพระบวช กรุวัดพระธาตุเขียว กรุวัดแสนเมืองมา กรุวัดพระธาตุสองพี่น้อง กรุวัดปงสนุก กรุวัดพระยืน กรุวัดสร้อยข้อ กรุวัดป่าสัก กรุวัดพระธาตุโขง ฯลฯ องค์นี้ก็เป็นพระสภาพสวยแชมป์อีกองค์ ของ เสี่ยสุรัตน์ ตรีธนากร.....
ต่อไป ขอเสนอ พระพิมพ์กลีบบัว สมาธิ ล.พ.สุ่น วัดบางปลาหมอ อ.บางบาล อยุธยา จาก เสี่ยเบนจมิน ท่าพระจันทร์.....
คนชอบของดี ราคาเบา คงถูกใจมาก เพราะนี่เป็นพระแท้ของพระเกจิฯยุคก่อนเก่า ดีจริงขลังจัง ราคาถูกด้วย.....n พิจารณากันลึกๆแล้ว ทั้งประวัติผู้สร้าง อายุการสร้าง มวลสาร พิมพ์พระ อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์แล้ว บอกได้เลยว่า มีคุณค่าเกินราคา น่าหาใช้เป็นที่สุด.....
อย่างองค์นี้ที่เจ้าของบอกมาว่า เป็นพระพิมพ์ที่ค้นพบในองค์พระเจดีย์ หน้าพระอุโบสถวัดบางปลาหมอ ที่สร้างในสมัย หลวงพ่อสุ่น มาแตกกรุเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๔ ลักษณะเป็นพระพิมพ์กลีบบัว ฝีมือชาวบ้านไม่งดงามนัก มีส่วนคล้ายพระพิมพ์สมเด็จฐานหมอน หลวงปู่บุญ อยู่หลายจุด บอกได้ว่ามียุคสมัยใกล้เคียงกัน.....
และเมื่อโฟกัสในเนื้อมวลสาร มีความละเอียดแน่นแห้งสนิท เหมือนเนื้อผงพระปิดตา หลวงปู่ศุข พระเนื้อผงดำ ของหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ อยู่มาก เหมือนเป็นสูตรเนื้อเดียวกัน ซึ่งอาจเรียกได้เป็น สูตรเนื้อพระผงดำแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพราะ หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ อยุธยา มีชื่อเป็น ๑ ในพระอาจารย์สอนกรรมฐานว่านยาสมุนไพร และวิชาพุทธาคม ของ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และท่านก็มีชื่อเสียงไม่เป็นสองรองใครในลุ่มน้ำเจ้าพระยาเหมือนกัน--รู้อย่างนี้แล้ว ต้องรีบหารีบเก็บ ก่อนจะอัปเกรดเป็นพระดีราคาแพง.....
สุดท้ายเป็นพระใหม่ ที่พักหลังนานๆจะมีการจัดสร้าง จึงบอกได้ว่า ใครกล้าสร้าง ต้องดีจริง.....
พระเจ้าสัว ๕ บูรณะหอสวดมนต์ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม จึงมาแรง ทั้งชื่อเสียงวัดและพิธีกรรม มวลสาร ที่พึ่งเททองไปเมื่อสิ้นเดือนมกราคม เปิดจองวันเดียวยอดพุ่งทะลุทะลวง จนบรรดาเซียนๆ ต้องไล่ตามเก็บราคาบวกๆกัน.....
เสน่ห์พระเจ้าสัวที่เป็นที่นิยม เพราะเชื่อว่าบูชาแล้วจะเป็นเจ้าสัวสมชื่อ ที่สำคัญประวัติความเป็นมาดี วัดสร้างมากี่รุ่นๆ ยอดจองถล่มทลาย แถมเก็บไว้นานๆ เผลอๆรวยไม่รู้ตัว.....
รุ่น เจ้าสัว ๕ สร้างเพื่อหาปัจจัยบูรณะหอสวดมนต์ที่ชำรุดทรุดโทรม ตั้งใจมอบให้เป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมบุญ มี เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวโลหะ เนื้อทองแดง มีทั้งแบบเหรียญเดี่ยว และแบบช่อ ซึ่งขอบอกว่า แบบช่อ มีทั้งเนื้อทองคำ เงิน ชนวน และทองแดง ช่อหนึ่งมี 5 องค์ และ 9 องค์ ใครชอบแบบมีบารมีเยอะๆต้องเลือกช่อใหญ่ เห็นว่ายังมีให้จองกันอยู่ โดยเฉพาะเนื้อทองคำ ใครสนใจต้องจองก่อนถึงวันเสกใหญ่ 8 มี.ค.นี้.....
สำหรับมวลสาร พระครูสถิตบุญเขต เจ้าอาวาส และ พระครูปลัดวิทยา ประธานควบคุมการจัดสร้าง ได้รวบรวมชนวนมวลสารเก่าแก่ของวัดทุกรุ่น และแร่อันหาได้ยากจำนวนมากมาหลอมและนิมนต์พระผู้ใหญ่ พระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศ กว่า 60 รูป อธิษฐานจิตทั้งภาคเช้า และภาคบ่าย พร้อมพระภิกษุสายวัดกลางบางแก้ว สวดพระคาถาเยสัตตะสาลา อันเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ยุคหลวงปู่บุญ.....
เรียกว่าพิธีกรรมเข้มขลังสุดๆในยุคนี้ที่จะมีพิธีใหญ่แบบนี้ สนใจร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก 8 มี.ค. ตั้งแต่ 09.00 น.--ติดต่อสอบถาม โทร. 08-5403-0465, 08-1299-1708, 09-5590-5374.....
ลากันด้วยเรื่องปิดท้าย ซึ่งเกิดเมื่อ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่โหราพยากรณ์ เผยแพร่ข่าวตรงกันว่าเป็น วันพระราหูย้ายออกผู้ถูกพระราหูเข้า ให้เกิดทุกข์โทษต้องจัดของไหว้ส่งพระราหู ให้จากไปด้วยดี มีโชคลาภทิ้งไว้ให้.....
เฮียปึ้ง นักนิยมพระเครื่อง ที่เชื่อเรื่องโหราศาสตร์อย่างเข้าเส้น ก็ได้ซื้อข้าวของเครื่องเซ่นไหว้ชุดใหญ่ พร้อมถ้วยชามชุดใหม่มาให้ลูกเมียจัดโต๊ะบูชา ส่งพระราหูที่หน้าบ้าน ซึ่งเป็นตึกแถวหน้าถนน ในเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ไหว้เสร็จก็พาลูกเมียไปร่วมพิธีสวดนพเคราะห์ ส่งพระราหูที่วัดใกล้บ้าน.....
ใกล้เที่ยงคืน เสร็จพิธี ระหว่างขับรถกลับบ้าน ก็พูดคุยอารมณ์ดีว่าได้ทำพิธีแล้ว คงหมดเคราะห์หมดโศกซะที พอรถถึงหน้าบ้าน เมียก็บอกว่า จริง หมดแล้วหมดเลย เพราะทั้งเครื่องเซ่นไหว้ ถ้วยชาม โต๊ะเก้าอี้ ที่ตั้งทิ้งไว้เพราะคิดว่าไม่มีคนกล้ามาลบหลู่ฤทธิ์เดชพระราหู หายเรียบ เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง