เปิดสนามกันด้วยคำสอนเตือนสติที่ว่า “สัตว์อื่นปรุงแต่งใจให้เป็นบ้าไม่ได้ แต่มนุษย์ปรุงแต่งจิตใจ จนกระทั่งกลายเป็นบ้าไปแล้วก็มี” อ่านแล้วคิดตาม ก็เห็นจริงตามที่ท่าน ป.อ.ปยุตฺโต ว่าไว้ เพราะคนเราทุกวันนี้เลยเถิดออกนอกความพอดี เพราะใจไม่เคยพอ เราจึงเห็นคน “บ้า” มากมาย ทั้งบ้าอำนาจ บ้าวัตถุ ฯลฯ.....

เข้าไปดูพระเครื่อง เริ่มด้วย พระสมเด็จ พิมพ์ทรงเจดีย์ วัดระฆังโฆสิตาราม ของ เสี่ยอนุศักดิ์ กิตติศิริสวัสดิ์ เป็นพิมพ์พระวัดระฆังฯ ที่มีพบในกรุวัดใหม่อมตรส ฝั่งบางขุนพรหมด้วย ตามสภาพเห็นได้ว่าเป็นพระใช้ช้ำ ผิวเนื้อด้านหน้าสึก ลบเลือนไปพอสมควร แต่ก็ยังเหลือเส้นศิลป์ พิมพ์พระ ไว้ให้ทัศนาได้ว่าเป็นพระพิมพ์ทรงเจดีย์ วัดระฆังฯ.....

ด้านหลังเยินหนักหน่อย เนื้อช้ำมาก มีริ้วรอยหลุดหายของมวลสารเยอะเลย ไม่แน่ใจว่าเกิดจากการใช้ที่ขาดความระมัดระวัง หรือทำความสะอาดอย่างผิดวิธี แต่ก็ยังดี ที่องค์พระอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มองค์ ไม่มีแตกหัก ผิวเนื้อที่เปิดออก ก็ทำให้ส่องเห็นมวลสารส่วนผสม ครบสูตรพระฝั่งธนฯ.....

องค์ที่สองเป็น พระกำแพงซุ้มกอ พิมพ์กลาง(ขนมเปี๊ยะ) กรุลานทุ่งเศรษฐี กำแพงเพชร ที่ใครเห็นก็ชอบสุดๆกับพระแท้ ดูง่าย สภาพสมบูรณ์ สวยเดิม แบบองค์นี้ ของ เสี่ยวีระชัย ไชยเจริญ.....

พระกำแพงซุ้มกอ พิมพ์กลาง ขนมเปี๊ยะ กรุลานทุ่งเศรษฐี กำแพงเพชร ของวีระชัย ไชยเจริญ.
พระกำแพงซุ้มกอ พิมพ์กลาง ขนมเปี๊ยะ กรุลานทุ่งเศรษฐี กำแพงเพชร ของวีระชัย ไชยเจริญ.

...

แม้ไม่สวยเลิศแต่ก็ต้องติดดาวให้ เพราะนับเวลา จากการค้นพบระยะแรกถึงปัจจุบัน ก็ผ่านมากว่า ครึ่งศตวรรษ คงหาพระที่มีสภาพพิมพ์งดงามชัดเจน ผิวพรรณคราบกรุอยู่ครบเดิมๆ แบบไร้ริ้วรอยสัมผัสใช้แบบนี้ยาก ถือเป็นพระทรงค่าที่ยากจะหาพบเห็นในปัจจุบัน.....

ต่อด้วย สุดยอดพระกรุพระเก่า เนื้อชินเงิน พระหูยาน พิมพ์กลาง อกกากบาท กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.เมือง จ.ลพบุรี ที่ได้รับการยกย่องเป็น จักรพรรดิพระยอดขุนพล.....

พบครั้งแรกในกรุพระวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ราวๆปี พ.ศ.๒๔๕๐ มีทั้งชนิด พิมพ์บัวสองชั้นที่แยกได้เป็น สองชั้นธรรมดา กับ สองชั้น ซุ้มรัศมีแฉก.....

และ พิมพ์บัวชั้นเดียว ที่ก็แยกย่อยได้เป็น พิมพ์ใหญ่หน้ายักษ์ พิมพ์กลางธรรมดา พิมพ์กลางอกกากบาท พิมพ์เล็ก และ พิมพ์จิ๋ว.....

องค์นี้ของ เสี่ยดิว ลำพูน เป็น พระพิมพ์กลางอกกากบาท แม้จะไม่ใช่พิมพ์ใหญ่นิยมสุด แต่ก็เป็น พิมพ์รองที่มี เอกลักษณ์ เป็นเส้นกากบาทเหนือพระอุระ โดดเด่น เห็นชัด ตอนนี้จึงได้รับความนิยมมาก.....

พระสมเด็จ พิมพ์เจดีย์ วัดระฆังฯ ของอนุศักดิ์ กิตติศิริสวัสดิ์.
พระสมเด็จ พิมพ์เจดีย์ วัดระฆังฯ ของอนุศักดิ์ กิตติศิริสวัสดิ์.

ถัดไปขอเสนอ พระกริ่งจีน กะไหล่ทอง (เปียกทอง) ราชวงศ์เหม็ง กำเนิดในพุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๑ นิยมสร้างในราชสำนักจีนในสมัยราชวงศ์หมิง ซึ่งถูกปกครองโดย จักรพรรดิหมิงไทจู่ ระหว่างปี ๑๙๑๑-๒๑๘๗ .....

ลักษณะเป็นรูปจำลอง พระไภษัชคุรุพุทธเจ้า นั่งลอยองค์ เนื้อเป็นโลหะผสมสำริดแบบทองม้าล่อ กะไหล่ทอง หรือเปียกทองด้วยทองคำแท้ โดยมีเทคนิคการทำ โดยใช้ปรอทเป็นตัวประสาน บรรจุเม็ดกริ่ง ปิดฐานด้วยแผ่นโลหะ พบทั้ง ที่มีลวดลายต่างๆ อาทิ ดอกไม้ มังกร ฯลฯ และ แบบเรียบ อย่างองค์นี้ของ เสี่ยเบนจมิน ท่าพระจันทร์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการบอกฐานะผู้สร้าง.....

พระถูกนำเข้ามาเผยแพร่สู่ประเทศไทย ในครั้งจีนเปิดประเทศเป็นทางการระยะแรกๆ ไม่นานนัก พระก็หมดไป เพราะได้รับความนิยม จากรูปแบบเนื้อโลหะที่มีส่วนคล้าย พระกริ่งใหญ่ พระกริ่งบาเก็ง.....

และที่สำคัญเมื่อมีผู้ใช้ได้พบอานุภาพ ด้านคุ้มครองป้องกัน แคล้วคลาดภัยสูง จึงเคยมีข้าราชการผู้ใหญ่ ซึ่งไปทำงานที่ตึกเวิลด์เทรด ที่ถูกวินาศกรรมสะท้านโลก ๙๑๑ ว่า ได้รับสัญญาณเตือนให้ร้อนอกร้อนใจ จึงเดินทางกลับเมืองไทยก่อนเกิดเหตุเพียง ๑ วัน ซึ่งเชื่อว่า ที่แคล้วคลาดก็เพราะ พระกริ่ง องค์นี้.....

ทำให้ พระกริ่งนี้มีผู้แสวงหากันมาก สวนกับจำนวนพระที่มีน้อยลงๆ จนหายากมากในปัจจุบัน ราคาค่าความนิยมองค์งามๆ กะไหล่เต็มๆ ขึ้นสูงถึงหลักแสนทีเดียวเชียว.....

พระหูยาน พิมพ์กลาง อกกากบาท กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี ของดิว ลำพูน.
พระหูยาน พิมพ์กลาง อกกากบาท กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี ของดิว ลำพูน.

...

ตามมาด้วยอีกยอดพระกรุ พระยอดขุนพล กรุวัดราษฎร์บูรณะ อยุธยา ซึ่งเป็นกรุมหาสมบัติล้ำค่าของพระมหากษัตริย์ไทย.....

ค้นพบกรุ เพราะโจรลักลอบขุดหาสมบัติ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๙ ทำให้กรมศิลปากรต้องเข้าควบคุมทำการเปิดกรุอย่างเป็นทางการ .....

เล่าถึงกรุมหาสมบัตินิดนึง ว่าเมื่อครั้ง สมเด็จพระนครอินทราธิราช แห่งราชวงศ์สุพรรณภูมิ ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๖ แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงให้พระราชโอรส ๓ พระองค์ไปครองหัวเมืองต่างๆ.....

โดย เจ้าอ้ายพระยา ไปครองเมืองสุพรรณ เจ้ายี่พระยา ไปครองเมืองแพรกศรีราชา เจ้าสามพระยา ไปครองเมืองพิษณุโลก.....

ถึง พ.ศ.๑๙๖๗ สมเด็จพระนครอินทราธิราช สวรรคตโดยมิได้สถาปนา พระมหาอุปราช เป็นรัชทายาท เจ้ายี่ กับ เจ้าอ้าย จึงยกทัพมาทำสงครามชิงราชสมบัติกัน เจ้าอ้าย ตั้งทัพที่ป่ามะพร้าว ใกล้วัดพลับพลาไชย เจ้ายี่ ตั้งทัพใกล้วัดชัยภูมิ สู้รบกันจนสิ้นชีพทั้งสองพระองค์.....

พระกริ่งจีน เปียกทอง ราชวงศ์เหม็ง ของเบนจมิน ท่าพระจันทร์.
พระกริ่งจีน เปียกทอง ราชวงศ์เหม็ง ของเบนจมิน ท่าพระจันทร์.

ตาอยู่ คือ เจ้าสามพระยา จึงได้ขึ้นครอง สถาปนาเป็น สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ และถวายพระเพลิงพระเชษฐาสองพระองค์ ณ สถานที่ดังกล่าว และสร้างพระปรางค์เจดีย์ พระวิหาร บรรจุพระพุทธรูปพระพิมพ์ ไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งต่อมาเปลี่ยนนามเป็น วัดราษฎร์บูรณะ.....

เมื่อมีการเปิดกรุ ทำให้ได้พบเครื่องทองของมีค่า มหาสมบัติมหาศาล และพระพุทธรูปพระพิมพ์ นับแสนๆองค์.....

๑ ในจำนวนนั้นเป็นพระพิมพ์ยอดขุนพล เนื้อโลหะผสม มีคราบปรอทขาวจับทั่วอย่างองค์นี้ของ เสี่ยสุวิทย์ กลีบยี่สุ่น ซึ่งถือเป็น พิมพ์นิยม แถวหน้า มีความงามของพุทธศิลป์เป็นที่สุดของกรุ.....

อีกรายการเป็น ๑ ใน ๕ เหรียญพระพุทธยอดนิยมสูงสุด เพราะเป็น เหรียญจำลอง หลวงพ่อพระพุทธชินราช ที่สร้างขึ้น ครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๘ เพื่อเป็นเหรียญที่ระลึกคราว ร.๕ เสด็จนมัสการ พระพุทธชินราช แต่มาแล้วเสร็จ ออกเผยแพร่ได้เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๐.....

ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มทรงกลม หูเชื่อม ข้างกระบอก ด้านหน้าเป็นองค์จำลองพระพุทธชินราชประทับนั่งปางมารวิชัย เหนือฐานบัวคว่ำบัวหงาย ๒ ข้างองค์พระจารึกอักษรไทยพระพุทธชินราช ใต้ฐานบัวเป็นอักษรย่อ ชื่อร้านผู้ผลิต น ภ จ ก. (ร้านนาภาจารุอุปกรณ์).....

พระยอดขุนพล กรุวัดราษฎร์บูรณะ อยุธยา ของสุวิทย์ กลีบยี่สุ่น.
พระยอดขุนพล กรุวัดราษฎร์บูรณะ อยุธยา ของสุวิทย์ กลีบยี่สุ่น.

...

โดยจัดพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีฯ มีนาม หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขาม–เฒ่า ร่วม ฯลฯ.....

เนื้อพระมี ๒ ชนิด เงิน ทองแดง พิมพ์พระด้านหน้ามี ๒ แบบคือ อุ ใต้คำว่าพุทธ แนวนอน เรียก อุนอน กับ สระอุแนวตั้ง เรียกอุตั้ง ด้านหลังมี ๓ แบบคือ ๑.หลังจำลองรูปอกเลาวิหารพระพุทธชินราช ไว้ตรงกลาง พร้อมอักขระกำกับ ๔ ตัว ๒.พิมพ์หลังหนังสือ ๕ แถว จารึกอักษรไทย ๕ แถวว่า ที่ระฤกที่ได้มาในงานนมัสการพระพุทธชินราช ณ เมืองพิศณุโลก ๓. อักษร ๓ แถว อย่างเหรียญนี้ ของ เสี่ยเกล้า วังวิเศษ ซึ่งถือว่าสวยแชมป์.....

ตบท้ายด้วย พระราหูกะลาแกะ พระมหาเมธังกร วัดน้ำคือ จ.แพร่ ในวงการกล่าวกันว่า เหนือฟ้ามีฟ้าเพราะ เหนือ ราหูกะลาแกะวัดศีรษะทอง ก็เป็น ราหูกะลาแกะครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ ลำปาง ที่มีชื่อเสียงเคียงคู่มากับ ราหูกะลาแกะ พระมหาเมธังกร วัดน้ำคือ ซึ่งได้ชื่อเป็นต้นตำรับวิชาสร้างราหูกะลาแกะ.....

เหรียญพระพุทธชินราช หลังหนังสือ ๓ แถว พ.ศ.๒๔๖๐ เนื้อทองแดง ของเกล้า วังวิเศษ.
เหรียญพระพุทธชินราช หลังหนังสือ ๓ แถว พ.ศ.๒๔๖๐ เนื้อทองแดง ของเกล้า วังวิเศษ.

ที่สร้างด้วย กะลามะพร้าวนาฬิเกร์หรือมะพร้าวลูกกรอก (ขนาดเล็กเท่าลูกหมาก) ไร้ตา หรือ ตาเดียว ลงยันต์อักขระพระคาถาสุริยประภา ในฤกษ์สุริยคราส หรือยันต์อักขระพระคาถาจันทรประภาในฤกษ์จันทรคราส.....

ซึ่งมีความแตกต่าง ตามความเชื่อโบราณว่า ราหูที่ลงยันต์สุริยประภา จะมีฤทธิ์มากในช่วงเวลาอาทิตย์ขึ้นจนอัสดง ส่วนที่ลงด้วย ยันต์จันทรประภา จะมีอานุภาพในเวลากลางคืน.....

สำหรับราหูองค์นี้ของ เสี่ยเบิ้ล ท่าพระจันทร์ ลงด้วย ยันต์สุริยประภา ซึ่งหาได้ยากม้ากกก เพราะหลายสิบปีจะเกิด สุริยคราสซักครั้ง ต่างจากจันทรคราสที่มักมีเกิดขึ้นทุกปี.....

หัวเราะก่อนออกจากสนาม ด้วยเรื่องปิดท้ายตามสไตล์ สนามพระวิภาวดี ถึง เสี่ยสุพจน์ เจ้าของโรงงานตุ๊กตานครปฐม วัย ๖๗ ปี เป็นนักนิยมพระเครื่องตัวยง โดยเฉพาะพระชุดเบญจภาคี ชอบเป็นพิเศษ แต่ก็เลือกสะสมองค์ที่มีสภาพพอใช้ เหมาะสมกับฐานะ พรรคพวกในวงการได้พระดีตรงสเปก ก็แวะเวียนมาเสนอให้เสมอ.....

เมื่อวันตรุษจีนที่ผ่านมา ก็มีพรรคพวกนำ พระนางพญา มาเสนอ ๓ องค์ เป็น พิมพ์เข่าโค้ง พิมพ์เข่าตรง และพิมพ์อกนูนใหญ่ สภาพพอใช้ ราคาอยู่ในหลักแสนปลายๆถึงล้านต้นๆ เสี่ยตุ๊กตาดูก็ชอบ เพราะเชื่อว่าพระมาในวันดี มีมงคล ก็ขอเอาไว้ดู เพื่อตัดสินใจ ๑ วัน เจ้าของพระก็ให้ไว้แล้วลากลับ .....

ราหูกะลาแกะเมธังกร พระมหาเมธังกร (พรหม พฺรหฺมเทโว) วัดน้ำคือ แพร่ ของเบิ้ล ท่าพระจันทร์.
ราหูกะลาแกะเมธังกร พระมหาเมธังกร (พรหม พฺรหฺมเทโว) วัดน้ำคือ แพร่ ของเบิ้ล ท่าพระจันทร์.

เสี่ยสุพจน์ ซึ่งคิดจะซื้อพระให้เมียใช้ ก็ถือพระไปให้เมียดู พร้อมบอกชื่อพระชื่อพิมพ์ อธิบายสรรพคุณ ว่าพระนี้สร้างสำหรับผู้หญิง ใครได้ใช้จะมีวาสนา ราศีบารมีอย่างนางพญา เพื่อให้เมียเลือก แล้วบอกว่า ชอบองค์ไหนเลือกดู อั๊วจะซื้อให้.....

เมียฟังก็ยิ้มแป้น แล้วบอกงั้น เอาองค์อกนูน เพราะอาจจะทำให้อกแฟบๆดูดีขึ้นเสี่ยสุพจน์ ก็พยักหน้า ok เมียก็ถามต่อว่าแล้วราคาเท่าไร พอเสี่ยตอบว่า ๘ แสน เมียก็ตกใจ บอกงั้น ขอเงินสองแสน ไปทำนมดีกว่า ไม่ต้องจ่ายแพง.....

แต่ เสี่ยสุพจน์ ชอบพระมาก ตอบว่า ไม่ดีหรอก เพราะแก่แล้ว ทำไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครใช้แล้ว เสียเงินเปล่า สู้ซื้อพระใช้ดีกว่า ถึงไม่เห็นผลทันตา แต่ราคาแพงขึ้นทุกวัน ไม่เสียเปล่าแน่นอน เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.


สีกาอ่าง