เนื่องด้วยในวันที่ 29 มกราคม 2562 จะมีพิธีพระราชทานเพลิง "หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ" อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ จะมีพิธีฌาปนกิจที่เป็นไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีของกลุ่มชาติพันธุ์ไทย ด้วยการจัดสร้างเมรุลอยนกหัสดีลิงค์ส่งดวงวิญญาณสู่สรวงสวรรค์

วันนี้ ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ จะพาคุณไปรู้จักกับตำนาน "นกหัสดีลิงค์" อย่างละเอียดกัน...

1. นกหัสดีลิงค์ คืออะไร?

ตามตำนาน นกหัสดีลิงค์ถูกระบุไว้ว่าเป็นนกในเทวนิยาย อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ โดยมีลักษณะเป็นจุดเด่นได้แก่ ตัวเป็นนก หัวเป็นราชสีห์ มีงวง มีงาเหมือนช้าง แต่มีพละกำลังมากเป็น 5 เท่าของช้าง เนื้อสีแดงเป็นมังสาหารและเป็นพาหนะของผู้มีบุญ แถมบางตำนานยังเล่าว่านกหัสดีลิงค์มีขนาดใหญ่ถึงขนาดบินโฉบเอาช้างไปกินเป็นอาหารได้ทั้งตัว

2. อีกตำนานได้กล่าวว่า

มีนครชื่อนครเชียงรุ้งตักศิลา พระเจ้าแผ่นดินถึงแก่สวรรคต พระมเหสีนำพระบรมศพ แห่แหนไปถวายพระเพลิงนอกเมือง นกหัสดีลิงค์บินจากป่าหิมพานต์มาเห็นเข้า จึงได้โฉบลงแย่งพระบรมศพ พระมเหสีให้หาคนที่จะสู้นก แย่งเอาพระบรมศพคืน มีหญิงสาวชื่อ เจ้านางสีดา เป็นบุตรีของมหาราชครู อาสาต่อสู้นกหัสดีลิงค์ เจ้านางสีดามีวิชายิงศรเป็นเยี่ยม ใช้ศรยิงถูกนกใหญ่ ตกลงมาตาย พระมเหสีจึงให้ประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพร้อมกับนกใหญ่ กลายเป็นธรรมเนียมสำหรับเจ้าฯ ว่า เมื่อถึงแก่อนิจกรรมแล้วให้ทำเมรุรูปนกประกอบหอแก้ว แล้วเชิญศพขึ้นตั้ง ชักลากออกไปบำเพ็ญกุศลครบถ้วน 3 วันจึงเผา ก่อนเผาต้องมีพิธีฆ่านก แล้วเผาทั้งศพทั้งนก

...

3. คนไทยรู้จักนกหัสดีลิงค์มานานแค่ไหน?

นกหัสดีลิงค์ในภาษาบาลี คือ "หัตดีลิงค์สกุโณ" โดยมีความหมายดังนี้ หัตดี แปลว่า ช้าง, ลิงค์ แปลว่า เพศ, สกุโณ แปลว่า นก แต่ประเทศไทยเลือกใช้คำว่า "หัสดีลิงค์" โดยเริ่มพบในอักขราภิธานศรันท์ ของหมอปรัดเล พิมพ์ พ.ศ.2416 หน้า 328 และพบในปทานุกรม บาลีไทย-อังกฤษ-สันสกฤต ของกรมพระจันทบุรีนฤนาถ ฉบับพิมพ์ พ.ศ.2513 หน้า 867 หรือแม้ในบาลีสยามอภิธานของนาคะประทีป เรียบเรียงไว้ พ.ศ.2465 ก็มีปรากฏคำนี้อยู่ นั่นแปลว่าคนไทยรู้จักกับนกหัสดีลิงค์มานานมากแล้ว

4. ทำไมนกหัสดีลิงค์ถึงอยู่ในงานศพ

ตามคติความเชื่อของคนโบราณ โดยเฉพาะในแถบภาคเหนือและภาคอีสานที่ได้รับวัฒนธรรมจากล้านนา มีการปฏิบัติตามกันมาว่า เจ้านายและพระเถระนั้นเป็นผู้ได้รับการยกย่องในสังคมว่าเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นเมื่อสิ้นชีพไปแล้วจะไปจุติในภพที่สูงกว่า หรือเป็นเทพสถิตอยู่ในสวรรค์ชั้นต่างๆ ของเขาพระสุเมรุ จึงต้องมีการจัดแต่งเพื่อเป็นการไว้อาลัยอย่างสมเกียรติ

5. รายละเอียด สถานที่ฌาปนกิจ

มีการก่อสร้างเขาพระสุเมรุและนกหัสดีลิงค์เทินบุษบก ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับการประกอบพิธีพระราชทานเพลิง ซึ่งการก่อสร้างที่ทั้งทีมช่างศิลป์จิตอาสา, ทีมคณาจารย์ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมไปถึงประชาชนจิตอาสา และกำลังทหารจาก มทบ.23 ที่ได้ช่วยกันดำเนินงานในขั้นตอนต่างๆ 

โดยโครงสร้างของตัวนกนั้นทำจากไม้เนื้อแข็งสูง 22.6 เมตร ใช้ไม้ไผ่ประกอบเป็นโครงด้านนอก แปะรอบด้วยประติมากรรมกระดาษเปเปอร์มาเช โดยภายในบรรจุเตาเผาฟืนไว้ประดิษบนฐานแปดเหลี่ยมกว้าง 16 เมตร มีตัวนาคหันหน้าไปแต่ละทิศ 12 ตน ความยาว 5 เมตร และรายล้อมด้วยสัตว์หิมพานต์อีก 32 ตน อยู่บริเวณสระอโนดาษ ซึ่งทั้งหมดจะถูกเผาไปพร้อมกับร่างของหลวงพ่อคูณ

...

6. ก่อสร้างตามประเพณี

รศ.ดร.นิยม วงษ์พงศ์คำ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มข. กล่าวว่า "ในการก่อสร้างนกหัสดีลิงค์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการคงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอีสานและความเชื่อที่มีมาตั้งแต่โบราณกาล ซึ่งทีมช่างทุกคนนั้นต้องระมัดระวังอย่างมาก จะเห็นได้ว่าเราได้มีการปิดยันต์ที่ตัวนกทั้งหมด 4 จุด คือที่ด้านบนหัวของตัวนกนั้น มีการปิดยันต์ตรีนิสิงเห ด้านล่างติดยันต์จตุโลกบาล ที่ตาปิดด้วยผ้ายันต์ธงชัย ส่วนหางติดยันต์นกคุ้ม เสาเค้าทั้ง 4 ต้น ตัวนก ติดยันต์มงคล โดยผ้ายันต์ที่ใช้ในนกหัสดีลิงค์ในงานของหลวงพ่อคูณนั้น พระครูสีลสาราพรณ์ เจ้าอาวาสวัดป่าศักดิ์ดาราม อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นครูช่างนกหัสดีลิงค์ ได้นำมาทำการติดตั้งตามความเชื่อและขนบที่คงไว้มาตั้งแต่โบราณ ขณะเดียวกันยังคงมีการตั้งโต๊ะหมู่บูชาพระยาแถน เพื่อเป็นมงคลให้กับทีมช่างได้ทำงานไปด้วยความสำเร็จลุล่วงและไม่มีอุปสรรคใดๆ ในการทำงานเพื่อถวายแด่ "หลวงพ่อคูณ"

...

7. การเข้าชมความสวยงามของนกหัสดีลิงค์

บริเวณฌาปนสถานชั่วคราว วัดหนองแวงพระอารามหลวง ภายในเกาะกลางน้ำ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น เปิดให้พุทธศาสนิกชน คณะศิษยานุศิษย์ และผู้ที่ให้การเคารพเลื่อมใสศรัทธาใน พระเทพวิทยาคม หรือ "หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ" อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา จำนวนมากเดินทางมาชม "นกหัสดีลิงค์เทินบุษบกบนยอดเขาพระสุเมรุ" แต่ขอให้ประชาชนทุกคนเป็นไปตามระเบียบและประกาศที่ มข.กำหนด คือต้องสำรวม แต่งกายสุภาพ และเดินชมนกฯ ในจุดที่กำหนดไว้เท่านั้น.

ขอบคุณที่มาบางส่วน: Pratinsiri

...