เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของปี “วันคริสต์มาส” เทศกาลแห่ง "ของขวัญ" รอยยิ้ม และความสุขที่ทุกคนต่างรอคอยวนมาถึงอีกแล้ว ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ รวบรวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวันคริสต์มาส และซานตาคลอสมาให้ทุกคนได้เข้าใจกัน จะเป็นอย่างไรนั้น ต้องตามมาค่ะ... 

กำเนิด "วันคริสต์มาส"

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า “วันคริสต์มาส” จะตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นวันเฉลิมฉลองที่มีความสำคัญ และมีความหมายมากที่สุดวันหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะถือเป็นการจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู ผู้เป็นศาสดาสูงสุดของชาวคริสต์ทั่วโลก

คุณลุง"ซานตาคลอส"

คุณลุงซานต้า ร่างท้วม เคราขาว สวมชุดโค้ทสีแดงที่เราต่างคุ้นชินกันเป็นอย่างดี โดยมีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า ในช่วงเย็นและข้ามคืนวันคริสต์มาสอีฟ วันที่ 24 ธันวาคม เขาเป็นผู้นำของขวัญไปแจกให้กับเด็กๆ ที่เป็นเด็กดี ถึงบ้านกันเลยทีเดียว 

...

ตามตำนานกล่าวว่า ช่วงศตวรรษที่ 4 นักบุญ (เซนต์) นิโคลัส สังฆราชแห่งเมืองไมรา ได้ปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเด็กผู้หญิงที่ยากจนคนหนึ่งและทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ ซึ่งบังเอิญถุงเงินหล่นลงในถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนไว้ข้างเตาผิงอย่างพอดิบพอดี โดยนักบุญนิโคลัสท่านนี้นั้น เป็นนักบุญที่ชาวฮอลแลนด์นับถือ เพราะเป็นนักบุญที่มักช่วยเหลือเด็กๆ อยู่เสมอ เมื่อชาวฮอลแลนด์เริ่มอพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็นำเอาประเพณีการฉลองนักบุญนิโคลัสไปด้วย จนวันเวลาผ่านไปก็เปลี่ยนจากนักบุญเป็นชายแก่ตัวอ้วน น่ารัก ใจดี มีพาหนะเป็นกวางเรนเดียร์ลากเลื่อน มามอบของขวัญให้เด็กๆ ในวันคริสต์มาสของทุกปี

 

ตำนาน"ต้นคริสต์มาส"

ต้นคริสต์มาส หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ที่อาดัมและเอวา (อีฟ) ไปปลิดผลไม้มากิน โดยไม่เชื่อฟังพระเจ้า ตามคัมภีร์พระเยซู นอกจากนั้นแล้วยังถือว่าต้นไม้เป็นจุดศูนย์รวมของครอบครัวในเทศกาลคริสต์มาสอีกด้วย ซึ่งแต่ก่อนนิยมประดับตกแต่งต้นคริสต์มาสด้วยลูกแอปเปิ้ลและขนมปัง จนค่อยๆ วิวัฒนาการปรับเปลี่ยนมาเป็นดวงไฟ ขนม และของขวัญอย่างในทุกวันนี้

และอีกเรื่องที่อยากจะบอก...ต้นคริสต์มาสที่เราเห็นกันนั้น ไม่ใช่ต้นไม้ที่มีพันธุ์ชื่อว่าคริสต์มาสแต่อย่างใดนะจ๊ะ เป็นเพียงต้นสนธรรมดาที่นำมาประดับและตกแต่งให้สวยงามเพียงเท่านั้นเองจ้า

"ของขวัญ"และ"การ์ดอวยพร"

ขึ้นชื่อว่าเป็นวันคริสต์มาส จะไม่มีของขวัญได้อย่างไรกัน? โดยการแลกเปลี่ยนของขวัญนั้น ได้มีการเริ่มต้นมาจากเมือง Saturnalia ในช่วงยุคโรมัน จนมาถึงช่วงปี 1843 ในเมืองลอนดอน เกิดการ์ดอวยพรคริสต์มาสสำหรับจำหน่ายครั้งแรกขึ้น ซึ่งผลิตขึ้นโดย Sir Henry Cole และมีข้อความอวยพรแบบดั้งเดิมว่า “wishing you a Merry Christmas and a Happy New Year”

"อาหาร"ในค่ำคืนแห่งความสุข

มาถึงในเรื่องของอาหารที่เป็นส่วนสำคัญในการเฉลิมฉลองในค่ำคืนของคริสต์มาสนี้นั้นก็จะแตกต่างกันไปตามประเทศ และภูมิภาค เช่น ซิซิลี มีอาหารมื้อพิเศษในวันคริสต์มาสอีฟ โดยรับประทานปลา 12 ชนิด ในอังกฤษและประเทศที่ได้รับอิทธิพลจากประเพณีอังกฤษ มื้อคริสต์มาสนี้ก็จะมีไก่งวงหรือห่าน เนื้อสัตว์ เกรวี่ มันฝรั่ง ผัก และบางครั้งมีขนมปังและไซเดอร์ นอกจากนี้ยังมีการเตรียมของหวานพิเศษ เช่น พุดดิ้งคริสต์มาส พายไส้เนื้อสัตว์และเค้กผลไม้ เป็นต้น ส่วนของประเทศไทยนั้น มีเมนูไหนที่น่าสนใจ ติดตามได้เลยจ้า...(5 อาหาร "คริสต์มาส" เมนูฉลองวันหยุด อิ่มอร่อยได้ทั้งบ้าน)

...

ความหมายของสีต่างๆ

ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะหลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบว่าสีที่ใช้ประดับตกแต่งในวันคริสต์มาส นอกจากจะเป็นสีที่ให้ความสดใส ครื้นเครง และสนุกสนานแล้วนั้น สีสันเหล่านี้แอบแฝงและสื่อความหมายอย่างไรบ้าง มาค่ะ...เราสรุปมาให้แล้ว

สีแดง

เริ่มกันที่สีแดง สีของผลฮอลลี่ และซานตาคลอส โดยตามศาสนาแล้ว สีแดงหมายถึง ไฟ เลือด และความโอบอ้อมอารี

สีเขียว

ถัดมาที่สีเขียว สีของต้นไม้ และความเป็นธรรมชาติ ที่มีความหมายถึงความอ่อนเยาว์และความหวัง ซึ่งเป็นการเปรียบว่าเทศกาลคริสต์มาสคือเทศกาลแห่งความหวังนั่นเองค่ะ

สีขาว

สีขาว ที่นอกจากจะเป็นสีของหิมะแล้วนั้น สีขาวยังเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาอีกด้วย โดยสีขาวนั้นเปรียบเสมือนแสงสว่าง ความบริสุทธิ์ ความสุข และความรุ่งเรือง

สีทอง

สุดท้ายคือสีทอง สีของเทียนและดวงดาว ที่หมายถึงแสงอาทิตย์และความสว่างไสว

...

เสียงเพลงที่คุ้นหู

ในสมัยศตวรรษที่ 5 บรรดาบาทหลวง ฤาษี หรือบุคคลทั่วๆ ไป มีการขับร้องบทเพลงคริสต์มาส เป็นภาษาละติน โดยลักษณะของบทเพลงจะเป็นแบบที่เรียบง่ายแต่สง่างาม ซึ่งในบรรยากาศของบทเพลงจะเปี่ยมไปด้วยความหวังและความชื่นชมยินดี แสดงถึงการเสด็จมาของพระเยซู พระผู้ช่วยให้รอดที่มนุษย์กำลังรอคอยด้วยหัวใจที่จดจ่อ และหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง

ส่วนเพลงเทศกาลคริสต์มาสที่เราเคยได้ยินอย่าง "Deck The Halls" นั้นได้เกิดขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 และเพลง "จิงเกิลเบลล์" ของอเมริกัน ก็จดลิขสิทธิ์ใน ค.ศ. 1857


เชื่อว่าภาพของคุณลุงซานต้าแสนใจดียังเป็นภาพติดตาของทุกคนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐขอให้เพื่อนๆ ทุกคนมีความสุขมากๆ กับค่ำคืนนี้ และมีความสุขยาวๆ ไปตลอดจนถึงปีหน้าเลยนะคะ 

บัยส์.