“อะโครเมกาลี (Acromegaly)” คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน เกิดจากเนื้องอกต่อมใต้สมอง สร้างฮอร์โมนที่ควบคุมการเจริญเติบโต (growth hormone หรือโกรทฮอร์โมน) มากผิดปกติ ทำให้ร่างกายมีการเจริญเติบโตมากเกินไป

หน้าที่ของโกรทฮอร์โมน

โกรทฮอร์โมนทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกาย โดยเฉพาะช่วงเด็กและวัยรุ่น และมีผลต่อระบบเผาผลาญพลังงาน ควบคุมระดับไขมันและน้ำตาลในเลือด ทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรง

โกรทฮอร์โมนเป็นหนึ่งในฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมใต้สมอง (pituitary) ซึ่งเป็นต่อมเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดถั่วอยู่ใต้ต่อสมอง ต่อมใต้สมองยังมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนอีกหลายชนิดที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ การเผาผลาญพลังงานและการควบคุมสมดุลน้ำในร่างกาย

สาเหตุของ “โรคอะโครเมกาลี”

ในสภาวะปกติ การหลั่งฮอร์โมน โกรทฮอร์โมน มีการควบคุมจากสมองและร่างกายส่วนอื่นๆ ส่วนสาเหตุส่วนใหญ่ของโรคอะโครเมกาลีเป็นจากเนื้องอกต่อมใต้สมองสร้างโกรทฮอร์โมนมากกว่าปกติ มีสาเหตุน้อยมากที่เป็นจากเนื้องอกที่อื่นของร่างกาย เนื้องอกเกือบทั้งหมดเป็นเนื้อดีไม่ใช่มะเร็ง

มีจำนวนน้อยมากที่เป็นโรคพันธุกรรมของอะโครเมกาลี ได้แก่ multiple endocrine neoplasia type 1 (MEN 1) โดยผู้ป่วยคนเดียวกัน มีทั้งเนื้องอกต่อมใต้สมอง เนื้องอกที่ต่อมพาราไทรอยด์และตับอ่อน

...

เนื้องอกจากต่อมใต้สมอง

สิ่งที่มักเข้าใจผิดบ่อย คือ เข้าใจว่าเนื้องอกต่อมใต้สมอง หมายถึงเนื้องอกสมอง (brain tumor) ต่อมใต้สมองเป็นต่อมที่อยู่ใต้ต่อสมอง มีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด

อาการ

เมื่อระดับ โกรทฮอร์โมน สูงกว่าปกติ จะส่งผลกระทบต่อร่างกายได้หลายระบบ ถ้าโรคเกิดเป็นในวัยเด็ก ส่งผลให้ตัวสูงเหมือนยักษ์ (gigantism)

ถ้าเป็นในวัยผู้ใหญ่ที่หยุดเพิ่มความสูงแล้ว จะมีหน้าผาก จมูกและโหนกแก้มใหญ่ มือและเท้าใหญ่ ซึ่งอาจสังเกตจากแหวนหรือรองเท้าคับ หรือต้องเปลี่ยนขนาดใหญ่ขึ้น มีคางยื่น ลิ้นคับปาก ซึ่งบางครั้งตัวผู้ป่วยหรือญาติสนิทไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลง เพราะอาการค่อยเป็นค่อยไป และเข้าใจว่าเป็นจากอายุที่มากขึ้น ถ้าเปรียบเทียบกับรูปถ่ายเก่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนขึ้น

นอกจากนั้นยังมีอาการอื่นๆ อีกได้แก่ ผิวหยาบและมัน ปวดข้อ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ นอนกรน ภาวะการเดินหายใจอุดกั้นระหว่างนอนหลับ (obstructive sleep apnea) มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเนื้องอก เช่น ลำไส้ ต่อมไทรอยด์ ต่อมลูกหมาก

อาการจากขนาดของเนื้องอกที่มีขนาดใหญ่ ได้แก่ ปวดศีรษะ กดเบียดโครงสร้างข้างเคียง เช่น เส้นประสาทตา ทำให้ตามัว มองไม่ชัด โดยเฉพาะด้านข้างของลานสายตา หรือเห็นภาพซ้อน กดเบียดต่อมใต้สมองที่ปกติ มีผลให้ขาดฮอร์โมนอื่นๆ ได้ เช่น ฮอร์โมนสเตรอยด์ ฮอร์โมนไทรอยด์ ฮอร์โมนเพศ ซึ่งอาการอาจเกิดได้ตั้งแต่เล็กน้อย เช่น รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง คลื่นไส้ ไม่มีความรู้สึกทางเพศ มีบุตรยาก ขาดประจำเดือน ไปถึงรุนแรงจนเกิดความดันโลหิตต่ำได้

การวินิจฉัย

เมื่อมีอาการที่สงสัยโรคอะโครเมกาลี ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อได้รับการตรวจเพิ่มเติม ซึ่งการวินิจฉัยโรคนี้ทำได้โดยการตรวจเลือดดูระดับไอจีเอฟ-วัน (IGF-1, insulin-like growth factor-1) เป็นโปรตีนที่สร้างจากตับ โดยการกระตุ้นของโกรทฮอร์โมน ถึงแม้เนื้องอกจะผลิตโกรทฮอร์โมน แต่ไม่ควรตรวจระดับโกรทฮอร์โมนโดยตรง เพราะมีค่าขึ้นๆ ลงๆ ตลอดทั้งวัน จึงควรตรวจระดับไอจีเอฟ-วัน ซึ่งมีค่าคงที่ ค่าปกติจะขึ้นอยู่กับเพศ อายุ และวิธีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ


ถ้าพบว่ามีระดับไอจีเอฟ-วันสูง จะมีการตรวจยืนยันการวินิจฉัยโรคอะโครเมกาลีด้วยวิธี GH suppression โดยให้อดอาหารข้ามคืนและดื่มสารละลายกลูโคสช่วงเช้า เจาะเลือดวัดระดับโกรทฮอร์โมนก่อนดื่มสารละลายกลูโคสและทุก 30 นาที รวมทั้งหมด 5 ครั้ง (พยาบาลจะคาสายพลาสติกเล็กๆ เพื่อดูดเลือด ทำให้ไม่ต้องแทงเข็มเจาะเลือดใหม่ทุกครั้ง) คนปกติหลังดื่มสารละลายกลูโคสแล้วจะมีระดับโกรทฮอร์โมนในเลือดต่ำลง แต่ถ้าเป็นโรคอะโครเมกาลี จะพบว่ามีระดับโกรทฮอร์โมนไม่ลดต่ำลง เมื่อได้ผลการตรวจเลือดยืนยันว่าระดับฮอร์โมนสูงผิดปกติแล้ว จะทำการตรวจภาพรังสีเป็นลำดับต่อไป

ตรวจเอ็มอาร์ไอ (MRI, magnetic resonance imaging) หรือการตรวจภาพรังสีโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าบริเวณต่อมใต้สมอง เป็นการตรวจภาพรังสีที่ให้รายละเอียดภาพที่คมชัด การตรวจใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง การตรวจนี้ไม่ต้องฉีดสารทึบรังสี จะใช้สารแกโดลีเนียม (gadolinium) แทน ซึ่งมีโอกาสแพ้น้อย ถ้าผู้ป่วยใส่เครื่องกระตุ้นการเต้นหัวใจ (cardiac pacemaker) เคยผ่าตัดคลิปอุดเส้นเลือดในเส้นเลือดโป่งพอง เปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมชนิดโลหะ มีโลหะต่างๆ ในร่างกาย สิ่งแปลกปลอมที่เป็นโลหะที่ดวงตา กลัวที่แคบหรือไม่สามารถนอนราบในอุโมงค์ตรวจได้ ควรแจ้งให้แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ทราบ

...

-----------------------------------------------------------

แหล่งข้อมูล

ผศ.พญ.ชุตินธร ศรีพระประแดง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล