ทำธุรกิจตามรอยบุพการีด้วยความซื่อสัตย์จริงใจ

ได้ค้นหาตัวเองจากโลกภายนอก จนรู้สึกว่า ถึงเวลาแล้วที่ควรต้องทุ่มเทกำลังใจและกายให้กับครอบครัว โสภาพรรณ ทรัพย์มณีอนันต์ ผู้บริหารสาวรุ่นใหม่ไฟแรง จึงเสริมทัพช่วยธุรกิจจิวเวลรี ที่รุ่นพ่อแม่บุกเบิกไว้ให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น

ผู้บริหารสาวคนเก่ง ภา-โสภาพรรณ เล่าถึงเส้นทางชีวิตของเธอว่า ภา โตมากับครอบครัวทำการค้า คุณพ่อคุณแม่ (ชัยเวทย์ ทรัพย์มณีอนันต์-สุรนาถ ฉัตรนิรมล) ได้ก่อตั้งธุรกิจจิวเวลรี เครื่องประดับแบรนด์ “Jasmin” มาเมื่อ 47-48 ปีที่แล้ว โดยมีร้านอยู่ที่โรงแรมดุสิตธานี พอเรียนจบจาก ร.ร.เซนต์โยเซฟคอนเวนต์ เลยเลือกเรียนด้านบริหาร สอบเข้าได้ที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ ด้วยความที่เป็นน้องเล็กสุดท้อง มีพี่ชาย 3 คน เลยได้โอกาสที่จะไปทำงานนอกบ้าน เพราะช่วงนั้นยังไม่รู้สึก “อิน” ที่จะมาทำธุรกิจของที่บ้าน เลยไปทำงานที่เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง ดูมิสเตอร์โดนัทอยู่ 2 ปี จากนั้นได้ไปเรียนต่อปริญญาโทในสาขา innovation and technology ที่ Boston University สหรัฐฯ กลับมาก็ได้ฝึกงานที่บริษัท ลีโอเบอร์เนทท์ (ประเทศไทย) จำกัด และนิตยสาร Elle ก่อนที่จะมาช่วยธุรกิจที่บ้าน “Jasmin Jewelry Group” ร่วมกับพี่ชายทั้ง 3 คน

โดยแบ่งหน้าที่ตามความถนัด ซึ่ง ภา ดูแลเรื่องมาร์เกตติ้ง และดูแลช็อปแห่งใหม่ที่ห้าง ดิ เอ็มโพเรียม และโรงแรมอนันตรา สาทร “เอาจริงๆ ภา ก็ยังสนุกอยู่กับการทำงานข้างนอก แต่พอได้ทำงานก็ทุ่มให้เต็มที่ ทำให้ไม่มีเวลาให้ครอบครัวเท่าไหร่ พอได้คิดเลยไม่อยากให้ตัวเองเสียความรู้สึกภายหลัง อยากทำอะไรให้พ่อแม่บ้าง เลยขอเข้ามาช่วย อีกอย่างก็จะได้ทำให้ที่บ้านเขาเห็นอีกด้านหนึ่งของเราว่าเราโตขึ้น ซึ่งพ่อแม่ก็ไม่ได้บังคับ ให้ลูกๆตัดสินใจเอง พอมาทำงานจริงจังแล้ว เลยมาคุยกันว่าทำอย่างไรไม่ให้ธุรกิจเป็นกงสี จึงปรับธุรกิจมาเป็นแบบบริษัท เราทุกคนเป็นลูกจ้างกินเงินเดือน แล้วก็แบ่งงานช่วยกันทำ

...

อย่างพี่ชายคนโตดูในเรื่องของการซื้อเพชรพลอย พี่ชายคนที่ 3 ดูโรงงาน ส่วนภาและพี่คนที่ 2 ดูเรื่องการตลาด พ่อและแม่ก็ยังทำงาน คุมอยู่ที่ร้านโรงแรมดุสิตธานี แต่ด้วยโรงแรมจะปิดตัวปลายปีนี้ เราจึงต้องขยายร้านไปที่โรงแรมอนันตรา และที่ดิ เอ็มโพเรียมพร้อมกันนี้เราได้รีแบรนดิ้งธุรกิจ ซึ่งต้องบอกว่า ตลอดกว่า 40 ปี พ่อไม่เคยทำมาร์เกตติ้งอะไรเลย ท่านทำธุรกิจแบบซื่อสัตย์จริงใจ ลูกค้าเกิดจากปากต่อปาก ไม่งั้นเราคงไม่สามารถอยู่ได้ยาวนานขนาดนี้”

นอกจากจะต่อยอดธุรกิจของบรรพบุรุษที่สร้างขึ้นมาแล้ว สาวเก่งคนนี้ยังขอสานต่อหลักการทำงานของรุ่นพ่อรุ่นแม่อีกด้วย โดยบอกว่า “ภาเห็นพ่อแม่ทำธุรกิจนี้มาตั้งแต่เล็ก บาง ทีมีลูกค้าเอาของเล็กๆน้อยๆมาให้ทำ ซึ่งไม่ได้มีกำไร แต่ทางร้านรับทำ เพราะถือเป็นการให้บริการ เราได้เห็นสิ่งที่พ่อแม่ทำคือ คนที่เดินเข้ามาในช็อปของเราแล้ว รู้สึกตัวไม่เล็ก และความจริงใจในการทำธุรกิจแล้ว ภายอมที่จะเสียเวลาที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องประดับแก่ลูกค้า โดยเราจะไม่ push ว่าต้องซื้อ ณ วันนี้ แต่อยากให้เขามีความรู้ก่อนตัดสินใจซื้อมากกว่า และมีหลายครั้งมากที่เราได้ลูกค้า ขายได้เกินคาดจากสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เราให้บริการ ที่มาจากปากต่อปากนั่นเอง” ผู้บริหารสาวเล่าอย่างภูมิใจ

จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ได้สอนสาวเก่งคนนี้มากมาย ซึ่งเธอบอกว่า การทำงาน ณ วันนี้เป็นไปตามคาดหมาย เราก้าวกันไปทีละขั้น ระหว่างทางอาจมีอุปสรรค มีพลาดพลั้ง ซึ่งเราต้องเรียนรู้กันไป เอามาเป็นบทเรียน ตราบใดที่เราตั้งใจ จริงใจ เราก็จะก้าวไปตามเป้าหมายได้สำเร็จ.