เมื่ออายุมากขึ้น นอกจากโรคหัวใจ หลอดเลือด, เส้นเลือดหัวใจตีบ, หัวใจโต และโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจอีกหลายๆโรคแล้ว โรคที่พบบ่อยมากขึ้นคือ โรคลิ้นหัวใจเสื่อม ที่เกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจเอออร์ติกมักพบในผู้สูงอายุที่มีความเสื่อมตามวัย ลิ้นหัวใจแข็งไม่ยืดหยุ่น มีไขมัน หรือหินปูนเกาะ ทำให้หัวใจเปิดหรือปิดไม่สนิท ส่งผลให้เกิดภาวะลิ้นหัวใจตีบ
“อาการแสดงของโรคลิ้นหัวใจเสื่อม ในผู้สูงอายุ คือ เหนื่อยง่าย หน้ามืดเป็นลมบ่อยๆ เจ็บหน้าอก อย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์” นพ.ระพินทร์ กุกเรยา อายุรแพทย์หัวใจและมัณฑนากรหลอดเลือดหัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ อธิบายสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้นว่า
อาการที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากการเสื่อมตามวัย
คุณหมอระพินทร์ กล่าวว่า เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ลิ้นหัวใจจะเริ่มแข็งตัวมากขึ้น ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือด เมื่อหัวใจทำงานหนัก ผนังหัวใจก็จะหนาขึ้น หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายได้ โดยเฉลี่ยประมาณ 3% ของคนไข้ที่มีอายุมากกว่า 80 ปี จะเริ่มมีลิ้นหัวใจผิดปกติทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ตามสถิติผู้ชายมักจะเป็นมากกว่าผู้หญิง โดยความเสี่ยงของผู้ชายประมาณ 60% ส่วนผู้หญิงประมาณ 40%
...
ส่วนการรักษาโรคนี้ นพ.อรรถภูมิ สู่ศุภอรรถ ผู้ช่วยผู้อำนวยการและศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ให้ข้อมูลว่า สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป ที่ป่วยด้วยโรคลิ้นหัวใจเสื่อมจากลิ้นหัวใจเอออร์ติกที่ บางคนคิดว่าอาจจะไม่สามารถผ่าตัดได้ เนื่องจากสภาพร่างกายไม่แข็งแรงพอที่ใช้วิธีการผ่าตัดแบบเปิดหน้าอกเพราะฟื้นตัวช้า ปัจจุบันมีเทคนิคการรักษาที่เรียกว่า TAVI (Transcatheter Aortic Valve Implantation) ซึ่งเริ่มต้นมาจากประเทศฝรั่งเศส ส่วนในสหรัฐอเมริกา จะเรียกว่า TAVR (Transcatheter Aortic Valve Replacement) เป็นการรักษาโดยการเปลี่ยนลิ้นหัวใจด้วยสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่
คุณหมออรรถภูมิ กล่าวว่า การรักษาแบบนี้เหมาะกับคนไข้ที่มีลิ้นหัวใจกั้นระหว่างหัวใจช่องล่างซ้าย กับหลอดเลือดแดงใหญ่ หรือที่เรียกว่า ลิ้นหัวใจเอออร์ติก (Aortic Valve) ผิดปกติ ข้อดีของการใช้เทคนิค TAVI & TAVR เพื่อซ่อมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ด้วยสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด คือ คนไข้เสียเลือดน้อย สามารถฟื้นตัวจากการผ่าตัดได้รวดเร็ว ส่วนใหญ่ 2-3 วันก็สามารถกลับบ้านได้ ขณะที่คนไข้ผ่าตัดแบบเปิดหน้าอกต้องพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 7-10 วัน
“ข้อดีที่เห็นได้ชัดคือ คนไข้เสียเลือดน้อย ระหว่างที่ผ่าตัดคนไข้จะอยู่ในอาการสะลึมสะลือ ครึ่งหลับครึ่งตื่น เพราะไม่ต้องดมยาสลบ ใช้แค่ยาชา ทำให้ฟื้นตัวเร็ว ลดความเสี่ยงจากการดมยา โดยไม่จำเป็น รวมถึงไม่ต้องใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมเหมือนการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจแบบเปิดหน้าอก”
คุณหมออรรถภูมิ ผู้ช่วยผู้อำนวยการและศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ยังอธิบายต่ออีกว่า หลักการของ TAVI เป็นการใช้ลิ้นหัวใจแบบเนื้อเยื่อยึดติดอยู่กับขดลวดพิเศษ ที่สามารถม้วนให้เล็กเพื่อเข้าไปอยู่ในท่อเล็กประมาณ 8-10 มิลลิเมตรของระบบนำส่ง ศัลยแพทย์หัวใจจะสอดระบบนำส่งไปตามหลอดเลือดแดงบริเวณขาหนีบ ตรงไปยังยอดของหัวใจห้องล่างซ้าย ไปจนถึงตำแหน่งของลิ้นหัวใจเอออร์ติก จากนั้นจึงปล่อยตัวลิ้นหัวใจที่ม้วนอยู่ออกมาจากระบบนำส่ง ซึ่งจะทำให้ลิ้นหัวใจกางออก กลายเป็นลิ้นหัวใจใหม่
...
“หลังการผ่าตัดคนไข้จะมีแค่แผลเล็กๆบริเวณขาหนีบ หรือบริเวณหน้าอกด้านซ้ายหรือด้านบนของหน้าอกข้างขวา ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ใส่ขดลวดพิเศษเท่านั้น ไม่มีการเสียเลือดหรือมีแผลผ่าตัดขนาดใหญ่ๆเหมือนการผ่าตัดทั่วไป สำหรับการใส่ขดลวดพิเศษสามารถใส่ได้หลายทาง แต่ประมาณ 80% จะใส่ทางขาหนีบ ที่เหลือสามารถ ใส่ทางไหล่ หรือเส้นเลือดใหญ่ที่ต้นแขน หรือใส่ทางขวาของหน้าอกผ่านเส้น เลือดใหญ่ที่ออกมาจากหัวใจและใส่ทางแผลเล็ก บริเวณยอดหัวใจ”
เหตุผลที่ส่วนใหญ่เลือกใส่ขาหนีบ คุณหมออรรถภูมิ ให้เหตุผลว่า เพราะเส้นเลือดมีขนาดใหญ่ ยกเว้นว่าเส้นเลือดที่ขาหนีบของคนไข้มีขนาดเล็กหรือเส้นเลือดอุดตันเข้าไม่ได้ แพทย์ถึงจะเลือกไปทำที่ตำแหน่งอื่นแทน ระยะเวลาในการทำผ่าตัดแบบนี้ อยู่ที่ประมาณ 2 ชั่วโมงซึ่งน้อยกว่าการผ่าตัดเปิดทรวงอก ที่ต้องใช้เวลานานกว่า 5-6 ชั่วโมง ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่สุดนอกเหนือจากเทคนิคที่ทันสมัยแล้ว การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจโดยสายสวน จำเป็นที่จะต้องมีทีมแพทย์ผ่าตัดหัวใจ แพทย์สวนหลอดเลือด วิสัญญีแพทย์ แพทย์ผู้ชำนาญทางอัลตราซาวด์ และบุคลากรทางห้องสวนหัวใจ ประมาณ 6-7 คน รวมทั้งควรเป็นห้องผ่าตัดระบบไฮบริด (Hybrid OR) ที่สามารถใช้ศักยภาพของห้องสวนหัวใจและห้องผ่าตัดหัวใจและเส้นเลือดมารวมกันไว้ในห้องเดียว เพื่อใช้ทั้งการผ่าตัดและการสวนหัวใจไปพร้อมๆกัน
...
“แม้จะเป็นการผ่าตัดเล็ก แต่ทีมแพทย์และเครื่องมือที่ทันสมัยก็เป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเอกซเรย์ที่สามารถปรับมุมและเคลื่อนตัวได้ 360 องศา พร้อมระบบการนำภาพเอกซเรย์แบบ Flex move Heart Navigator และ Software Heart Navigator ที่สามารถถ่ายภาพหัวใจได้ทุกมุมอย่างละเอียด เพื่อให้แพทย์กำหนดและชี้จุดในการผ่าตัดหรือทำหัตถการได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยมากขึ้น ในกรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหาแทรกซ้อนเกิดขึ้นจากการสวนหัวใจ หรือระหว่างใส่ขดลวดเข้าไปในเส้นเลือดใหญ่ ก็สามารถทำการผ่าตัดได้ทันที โดยไม่ต้องย้ายเตียงหรือย้ายห้อง”
ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ บอกพร้อมกับทิ้งท้ายว่า ข้อจำกัดในการทำ TAVI & TAVR คือ กลุ่มคนไข้ที่ติดเชื้อ หรือมีแบคทีเรียอยู่ในกระแสเลือด คนไข้ที่หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน คนไข้ที่มีลิ่มเลือดอยู่ในหัวใจคนไข้ที่หัวใจเต้นผิดจังหวะเร็วมากๆ คนไข้ที่เพิ่งเป็นอัมพาตมาใหม่ๆ อาจต้องมีการปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะแม้จะเป็นการผ่าตัดเล็ก แต่คนไข้ที่หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบและมีอาการ เมื่อผ่าตัดเสร็จหลังพักฟื้นประมาณ 3 เดือน อาการเหนื่อยหอบ เจ็บหน้าอกหายไป จะมีแค่ช่วง 3 เดือนแรกที่ต้องรับประทานยาละลายลิ่มเลือดไม่ออกกำลังกายหรือทำอะไรที่หักโหม ซึ่งจะทำให้คนไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไปอีกยาวนาน.
...