เปิดหน้าจอปั๊บ เห็นข้อความนี้ส่งมา

“สวัสดีค่ะพี่อ้อย มันรู้สึกแปลกๆ เพราะในชีวิตไม่เคยคิดจะใช้บริการพี่เลยค่ะ แต่มาวันนี้กลับเป็นพี่ คนที่สองในชีวิตที่คิดถึง....คนแรกคือลูกค่ะ...คนที่สองคือพี่อ้อย....วันนี้..เป็นวันที่ตัดสินใจจบชีวิตคู่ที่อยู่ด้วยกันมา 23 ปี.. เหมือนโยนทุกอย่างลงในไปหุบเหวค่ะ แต่ทำยังไงได้ เจ็บวันนี้ดีกว่าเจ็บอยู่ในทุกวัน...ขอบคุณที่รับฟังนะคะ”

อยู่ใกล้ๆ จะกอดน้องแน่นๆ ไม่มีใครหรอกค่ะ ที่แต่งงานเหมือนรับใบปลิว รับๆ มาก่อนเดี๋ยวค่อยทิ้ง แต่งๆ ไปวันนี้เพื่อที่จะไปเลิกวันหน้า แต่เมื่อถึงเวลาที่ความทุกข์เริ่มมากกว่าความสุข คงต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง ขาดเขาเราไม่ตาย แต่ถ้าอยู่ต่อไปอาจตายทั้งเป็น ยิ่งเป็นคุณแม่ ยิ่งรู้สึกแย่กว่าหลายเท่า ถ้ามีแต่เรา คงเดินออกจากชีวิตเขาง่ายกว่านี้ แต่พอมีลูก ทุกความผูกพันทำให้ตัดสินใจยากกว่า แต่ถ้าน้องว่ามันถึงเวลา ทุกการตัดสินใจคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้นๆ ตอนนี้กอดลูกให้แน่นเป็นสองเท่า กอดแทนพ่อของเขาด้วย ต่อให้เสียใจแค่ไหน ขอให้สู้ไหวนะคะ ตั้งเวลาให้ความอ่อนแอของตัวเอง แล้วกลับมาแข็งแกร่งเพื่อเสริมแรงให้ลูกด้วย

ปัญหาหย่าร้างในวันนี้ นอกใจ มักเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ บางคนใช้ความอดทน แลกคนหลายใจให้กลับมา บ้างตัดปัญหา เจ็บแล้วจบ ดีกว่าคบไประแวงไป และมีอีกมากมายที่ยอมแลกความสุขแบบน้อยนิด โดยเอาทุกข์ทั้งชีวิตเข้าไปแลก หลอกตัวเองไปวันๆ ว่า ความดีจะชนะทุกสิ่ง ที่จริงกว่าก็คือ ทำดีได้ดี แต่บางทีอาจไม่ได้หัวใจ อย่ารักเขามากไปจนไม่สนใจความสุขของตัวเอง

...

เมื่อศุกร์ที่ผ่านมา มีน้องผู้หญิงคนหนึ่ง โทรฯ เข้ามาเล่าให้ฟัง ไม่ใช่เรื่องนอกใจ แต่เป็นเรื่องนอกกาย น้องมีแฟนทำงานในเรือเดินทะเลค่ะ โจทย์ไม่ง่ายเลย รักทางไกล ไม่ค่อยมีเวลา กว่าจะเจอหน้าต้องใช้เวลา 4-5 เดือน ต้องใช้ความรักมากแค่ไหน ถึงจะสามารถเอาชนะความไกลขนาดนี้ได้ แต่น้องก็คบกับแฟนมาหลายปี ติดต่อสื่อสารได้ในสถานที่ที่มีอินเทอร์เน็ต เจอหน้ากันเฉพาะวันที่เรือเทียบท่าที่เมืองไทย สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ของน้องคือ แฟนห่างบ้านห่างเมือง เรื่องที่เป็นความสุขอย่างหนึ่งของคนไกลฝั่ง คือผู้หญิงขายบริการ เพื่อนเฮไหน เขาเฮด้วย มีทุกแบบ ทั้งไปซื้อบริการจากสถานที่จริง กับเรียกขึ้นมาขายกันบนเรือ น้องร้องขอเรื่องนี้กับแฟน เขาก็อ้ำๆ อึ้งๆ รับแบบไม่เต็มปากเต็มคำ สารภาพว่าตอนฟังน้องเล่า ในใจคิดไป 2 ทาง ทางแรก คือถ้าขอแล้วให้กันไม่ได้ ก็ต้องต่างคนต่างไป เพราะสำหรับเราถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แต่เขารู้สึกว่าไม่เห็นเป็นอะไร แปลว่าเราให้ความสำคัญกับบางเรื่องไม่เท่ากัน แต่อีกทาง คือน้องต้องพยายามเข้าใจ งานอย่างเขา สังคมที่ต่างจากเรา เพื่อนเขาก็เป็นแบบนี้ หรือบางทีอาจต้องหลับตา แค่ขอกับเขาว่า ป้องกันตัวเองดีๆ นะ ดีกว่าบำบัดความเหงาโดยการไปคบใครอีกคนอย่างเป็นตัวเป็นตน ซื้อแล้วจบไป ยังไงก็ยังดีกว่าการให้เขาไปหาแฟนอีกคนคบซ้อนกับเรา มุมนี้คือ เข้าข้างฝ่ายชายเต็มที่นะคะ รู้ว่าความต้องการทางกาย ยังสามารถปลดปล่อยได้ด้วยการซื้อ แม้แสนจะเข้าใจหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกันไม่มีใครมีความสุขที่รู้ว่า คนที่เรารักไปเที่ยวกอดใครต่อใครที่ไม่ใช่เรา แต่ด้วยงาน ด้วยความไกล ต่อให้ยอมรับไม่ได้ แต่เสียสละไหว ถ้ารู้ว่าความสุขชั่วคราวตรงนั้นไม่ทำร้ายครอบครัวเรา เมื่อเปลี่ยนเขาไม่ได้ ก็ต้องปรับที่ใจเรา จนน้องเล่าว่า หนูพยายามแล้วนะพี่ แต่มีครั้งหนึ่ง เรือเทียบท่าที่เมืองไทย หนูกำลังจะขึ้นไปหา เห็นผู้หญิงบริการเดินสวนออกมาจากห้องเขา เราหัวใจตกเลย พอถามเข้า เขาก็บอกว่าขอโทษ แล้วก็เงียบ อันนี้เกินไปแล้วจริงๆ นี่คือปัญหาที่ทำให้ทะเลาะกันมาตลอด 

รักทางไกล เวลาที่ให้กันก็น้อย การเจอกันแต่ละที ควรจะมีแต่เวลาดีๆ สะสมเอาไว้ใช้ ตอนที่ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ กัน ถ้าเจอกันแล้วมีแต่ปัญหา คงมีบางเวลาที่ต่างคิดได้ว่า อยู่กันไกลๆ ดีกว่าเนอะเรา ถ้าเลือกได้ ไม่มีใครอยากมีรักทางไกล แต่เงื่อนไขของแต่ละคู่ไม่เหมือนกัน รักกันต้องไว้ใจกัน สำคัญกว่านั้นคือต้องทำตัวให้น่าไว้ใจ อย่าใช้แต่คำว่า “อย่าคิดมาก” เพราะบางเรื่องมันก็ยากที่จะไม่คิด น้องถือสาเรื่องการนอกกาย อีกฝ่ายมองว่าก็แค่นอกกายไม่ใช่นอกใจ ไม่มีใครผิด แค่คิดไม่ตรงกัน และเริ่มกลายเป็นปัญหาที่กระทบความสัมพันธ์ คนเรารักกัน ไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกันทุกอย่าง ขอแค่ให้ต่างยังรักกัน เข้าใจเลย ทำไมเขาถึงเรียกคนที่แต่งงานแล้วว่าสละโสด เพราะถ้าจะใช้ชีวิตคู่กับใคร เราต้องยอมเสียสละความสุขซึ่งความโสดบางอย่างเพื่อจะอยู่ข้างๆ เขา แต่ถ้ายังเห็นแก่ความสุขของเราว่ามันคือเรื่องใหญ่ทั้งที่กระทบใจคนที่เรารัก ก็ยากนักที่จะเดินไปด้วยกัน 

ล่าสุดน้องคุยกับแฟนน้อยลง ไม่ได้คุยกันเป็นเดือนๆ พอกลับมาเจอหน้ากัน น้องถามว่า “ตกลงเรื่องของเราจะเอายังไง” เขาก็ถามกลับว่า “ตกลงเธอล่ะจะเอายังไง เธอเลือกได้เลย” น้องโทรฯ เข้ามาถามว่า “ทำไมเขาไม่ตอบซะที ว่าจะคบต่อหรือเปล่า” หรือมันคือคำตอบแล้วนะน้อง เขาไม่ยื้อ ไม่ทุรนทุรายที่จะปฏิเสธ ถ้ารักเรามาก ไม่มีใครอยากให้ไป แต่นี่เขาบอกแล้วไง แล้วแต่เรา จะอยู่หรือไป เขาจัดให้ได้ตามนั้น แปลว่าสิ่งที่เขาทำ เขาคงหยุดสิ่งนั้นเพื่อเราไม่ได้จริงๆ น้องร้องไห้ แล้วถามว่า “ทำไมหนูทำได้ล่ะพี่ หนูไม่เคยเที่ยวกลางคืน ต่อให้แฟนไกล หนูไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครเข้ามาคุย เพราะหนูรอเขาคนเดียว” รักใครเราก็ไม่อยากทำให้เขาเสียใจเพราะเราไง เราถึงทำให้ แบบที่เขาไม่ได้ร้องขอ และเฝ้ารอให้เขาซื่อสัตย์เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนความซื่อสัตย์ของเราบ้าง ไม่มีใครได้ดั่งใจเราไปซะทุกอย่างค่ะ บางบ้านรับไหวถ้าสามีจะไปซื้อบริการเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แต่นั่นคือเงื่อนไขที่รับได้ทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าเราไม่ใช่ การที่น้องตัดสินใจ หรือรับไม่ไหวกับการนอกกายของเขา ก็ไม่ใช่ความผิดของเราแต่อย่างใด

...

นอกจากความรัก ต้องมีความเข้าใจ และเงื่อนไขที่เรายอมเสียสละบางอย่างเพื่อจะรักษากันและกันไว้ ไม่ว่าจะเป็นเขา หรือเราก็ตามค่ะ