คนไทยทั้งประเทศ รวมไปถึงคนชาติอื่นๆ ทั่วโลก ต่างลุ้นและเอาใจช่วยมาโดยตลอด ในปฏิบัติการค้นหาและพาน้องๆ 13 ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมี ออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ซึ่งตลอด 17 วันที่ผ่านมา เราทุกคนต่างได้ยินข่าวดีมาอย่างต่อเนื่อง
จนถึงเวลานี้...แม้จะนำตัวหมูป่าออกมาไม่ครบทั้ง 13 คน แต่ก็กำลังจะทยอยออกมาเรื่อยๆ และเมื่อน้องๆ ออกมาได้แล้ว หลายคนสงสัยว่า...ทำไมต้องรีบนำตัวไปยังโรงพยาบาลทันที โดยยังไม่ให้ได้พบเจอพ่อแม่ผู้ปกครอง ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ จะมาอธิบายว่า...
ก็เพราะหลายฝ่ายมีความกังวล และเป็นห่วงเรื่องของโรคติดต่อ ห่วงเรื่องเชื้อโรคที่อยู่ภายในถ้ำ ซึ่งอาจจะติดตัวน้องๆ และโค้ชมาได้ จึงจำเป็นต้องมีการกักตัวน้องๆ เพื่อเฝ้าสังเกตอาการที่โรงพยาบาลอีกหลายวัน
เหตุผลสำคัญคือ...ภายในถ้ำนั้นจะมีสัตว์ต่างๆ อาศัยอยู่จำนวนมาก ด้วยความที่ไม่มีแสงแดด มีแต่น้ำและความมืด เชื้อโรคจึงอาศัยอยู่ภายในถ้ำจำนวนมาก และเรารู้หรือไม่...ในถ้ำหลวงมีสัตว์ชนิดใดอาศัยอยู่บ้าง? อ่านได้ที่นี่ แล้วสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ก็มีเชื้อโรคมากมาย และเชื้อโรคนั้นยังกระจายตัวอยู่ในดิน น้ำ โคลน และเลน
พอเข้าใจแล้วใช่มั้ย ทำไมต้องกักตัว? ทีนี้เรามาดูว่า โรคที่ทีมหมูป่าอาจจะติดออกมาจากถ้ำหลวงนั้น หรืออาจจะเป็นได้ มีโรคอะไรบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมด 13 คนอาจจะไม่ติดเชื้อใดๆ มาเลยก็เป็นได้เช่นกัน
1. โรคไข้หวัด
เนื่องจากภายในถ้ำ อุณหภูมิจะต่ำกว่าภายนอก เพราะไม่มีแสงแดดให้ความอบอุ่น ทำให้น้องๆ ที่ร่างกายอ่อนแอ อาจป่วยเป็นไข้หวัดได้
2. โรคตาแดง
โรคทั่วไปที่เกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งมีทั้งเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย แต่ส่วนใหญ่มักเกิดจากเชื้อไวรัสมากกว่า
...
3. โรคอุจจาระร่วง
การดื่มน้ำภายในถ้ำที่ไม่สะอาด อาจส่งผลให้เกิดอุจจาระร่วงได้ เรื่องนี้เราต้องปรบมือให้กับโค้ช ที่คอยบอกเด็กๆ ให้รองน้ำดื่มจากน้ำที่ไหลลงมาตามหินงอกหินย้อยต่างๆ เพราะถือเป็นน้ำที่สะอาดกว่าน้ำที่ขังอยู่
4. โรคน้ำกัดเท้า
เพราะเด็กๆ ไม่มีรองเท้า การนั่งอยู่เฉยๆ แต่เท้าสัมผัสกับพื้นดินภายในถ้ำ อาจทำให้เท้าติดเชื้อราจากภายในถ้ำได้
5. โรคผิวหนังเปื่อย
ผลที่เกิดขึ้นต่อร่างกายจากการต้องอยู่ในถ้ำที่มืดมิดเป็นเวลานาน คือผิวหนังจะซีด เนื่องจากไม่ได้รับแสงแดด แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นคือ ผิวหนังเปื่อย โดยมีสาเหตุจากความชื้นภายในถ้ำ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดเป็นแผล และทำให้เชื้อโรคที่อยู่ในถ้ำเข้าสู่ร่างกายได้
6. โรคเลปโตสไปโรซิส (โรคฉี่หนู)
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ระบาดในช่วงหน้าฝนหรือพื้นที่ที่น้ำท่วมขัง มีสัตว์ฟันแทะเป็นพาหะนำโรค เช่น ถ้าอยู่ในถ้ำก็จะเป็น หนู ค้างคาว อาจติดเชื้อได้โดยการถูกกัด หรือสัมผัสอุจจาระของสัตว์
7. โรคฮีสโตพลาสโมสิส
เป็นโรคที่เกิดจากสปอร์ของเชื้อรา ที่มักเจริญเติบโตอยู่บนผิวดินที่ชุ่มชื้น อย่างภายในถ้ำที่มีน้ำขัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่มีนกหรือค้างคาวถ่ายมูลไว้ สามารถติดเชื้อนี้ได้โดยการสูดเอาสปอร์ของเชื้อเข้าไปในร่างกาย
8. โรคสมองอักเสบนิปาห์
เป็นโรคจากเชื้อไวรัสนิปป้า ซึ่งเชื้อไวรัสนี้จะอยู่ในร่างกายของค้างคาวกินผลไม้ ที่ไม่แสดงอาการป่วย ทั้งนี้สามารถติดเชื้อไวรัสนิปาห์ได้จากการสัมผัสหรือกินวัตถุที่ปนเปื้อนปัสสาวะ อุจจาระ หรือน้ำลายของค้างคาวที่เป็นพาหะ
9. โรคไข้เลือดออก
หรือไข้เด็งกี เป็นโรคติดเชื้อซึ่งระบาดในเขตร้อน เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเด็งกี ที่ติดต่อผ่านทางพาหะ คือยุงในหลายสปีชีส์ โดยเฉพาะกับยุงลาย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีอยู่ในถ้ำเช่นกัน แม้จะไม่มากก็ตาม
อย่างไรก็ตาม โรคเหล่านี้เป็นโรคที่อาจจะเกิดขึ้นเท่านั้น ซึ่งจากข้อมูลแพทย์ประเมินแล้วว่า น้องๆ ส่วนใหญ่มีสุขภาพที่แข็งแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้นน้องๆ อาจจะไม่เป็นโรคใดๆ เลยก็เป็นได้ แต่ทั้งนี้เพื่อความไม่ประมาท แพทย์จึงจำเป็นต้องให้ทุกคนไปกักตัวเพื่อเฝ้าสังเกตอาการต่อไป.
เรื่องน่าสนใจ :