ในยุคที่ใครๆ ก็เป็นบล็อกเกอร์หรือเน็ตไอดอลที่ดังได้ในชั่วข้ามคืน เราก็ได้เห็นบล็อกเกอร์หรือเน็ตไอดอลบางคนประกาศวางมือขอปิดตัวลงด้วยเหตุผลต่างๆ นานา และเหตุผลส่วนใหญ่ก็คือรู้สึกเบื่อ หรือหมดไอเดียจึงเลิกราและเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาทำแทนบ้าง
มีบล็อกเกอร์สาวคนหนึ่งมาปรึกษากับครูเคทด้วยปัญหาความเครียดต่างๆ และเล่าให้ฟังว่าเธอเป็นบล็อกเกอร์ด้านการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่มีคนติดตามจำนวนมาก เธอเล่าว่าเธอเริ่มจากการที่เธอมีสภาพร่างกายที่อ่อนแอ ป่วยกระเสาะกระแสะ เป็นภูมิแพ้และโรคต่างๆสารพัด หมอแนะนำให้เธอออกกำลังกาย ด้วยความที่เธอเป็นคนที่ทำอะไรทำจริง เธอเริ่มศึกษาเรื่องการออกกำลังกายทุกสาขา ไปเข้าคอร์สเรียนมากมาย ศึกษาเรื่องการทำงานของร่างกาย และสร้างวินัยให้กับตัวเองในการออกกำลังกาย จนในที่สุด นอกจากเธอจะมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นอย่างผิดหูผิดตาแล้ว เธอสามารถกลายเป็นที่ปรึกษาด้านการออกกำลังกายให้กับคนอื่นๆ จนสามารถเปิดคอร์สสอนเองและสร้างบล็อกขึ้นมาเป็นของตัวเอง
เธอบอกว่าเธอมีความสุขมากในการศึกษาค้นคว้า และการออกกำลังกายสม่ำเสมอ รวมทั้งการได้แบ่งปันความรู้กับผู้อื่น บล็อกของเธอมีคนติดตามเพิ่มขึ้นทุกปี จนปัจจุบันมีคนติดตามหลายหมื่นคน แต่แล้วเมื่อลูกของเธอมีปัญหาเรื่องการเรียนและพฤติกรรมเชิงลบที่โรงเรียน ทำให้เธอตัดสินใจปิดบล็อกของเธอ ด้วยเหตุผลว่าต้องการมีเวลาให้กับลูกของเธอให้มากกว่านี้
ฟังเหตุผลพอจะรับได้ แต่เมื่อได้พูดคุยกันลึกๆ แล้ว การทำงานบล็อกเกอร์ของเธอเป็นการทำงานที่บ้านและไม่ได้กระทบกับเรื่องการให้เวลากับลูกของเธอเลย สาเหตุที่เธอตัดสินใจเลิกทำก็เพราะว่าเธอไม่ได้รู้สึกสนุกกับมันอีกแล้ว ในตอนเริ่มแรก เธอทำมันด้วยใจรัก รู้สึกสนุกที่ได้ศึกษาค้นคว้าและแบ่งปันกับผู้อื่น แต่ต่อมาเมื่อมีคนติดตามมากขึ้น เริ่มมีผู้คนเข้ามาคอมเมนต์มากขึ้นทั้งแง่บวกและลบ เธอเริ่มรู้สึกเหนื่อยที่จะต้องทำทุกอย่างให้ดีเพื่อให้โดนใจผู้ติดตามที่มีความต้องการหลากหลาย ดังนั้น เมื่อมีเหตุการณ์อะไรเข้ามาในชีวิต เธอจึงรีบดึงเอาเข้ามาเป็นเหตุผลที่จะเลิกทำเพื่อให้ตัวเองสบายใจ
...
ปัญหาจริงๆ ที่ทำให้คนเราถอดใจก็คือ เรามักจะลืม passion หรือความรู้สึกอิน รู้สึกชอบกับสิ่งที่เราทำในตอนต้นไปเสียหมด เมื่อเริ่มมีคนอื่นๆ เข้ามาแสดงความชื่นชมหรือตำหนิติเตียน เรามักจะเผลอแบกรับคำติชมเหล่านั้นเข้าไว้โดยไม่รู้สึกตัว และทำให้ตัวเองเป็นกังวลว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้น ยังดีในสายตาของผู้อื่น ยังเป็นที่ยอมรับและเป็นที่ต้องการของผู้อื่นอยู่หรือไม่ ยิ่งแบกไว้ก็ยิ่งเหนื่อยล้า และมองไม่เห็นความสุขที่เกิดจากใจรักที่จะทำไปเสียสิ้นเชิง
หากเราทำอะไรด้วยใจรัก และเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนโดยแท้แล้ว เราจะไม่เคยหมดไฟที่จะพัฒนาสิ่งที่ทำนั้นต่อไป แต่หากเราทำเพื่อให้ได้รับการยอมรับตอบกลับมาจากผู้อื่นแล้ว เรากำลังแบกความคาดหวังและแสวงหาการเป็นที่ยอมรับจากผู้อื่น สิ่งที่แบกไว้มีแต่จะหนักขึ้นๆ เพราะเราไม่ได้คิดถึงผู้อื่น จริงๆ แล้วเรากำลังคิดถึงตัวเองต่างหากว่าจะดูดีเป็นที่ยอมรับในสายตาผู้อื่นหรือไม่ เมื่อเหนื่อยล้าใจจนแบกไม่ไหวก็เลยถึงเวลาต้องวางลง และหายไปจากผู้คนอย่างน่าเสียดาย
ใครมีปัญหา ลูกเรียนไม่เก่ง ไม่รู้จะทำอะไรในอนาคต ญาติพี่น้องติดกลุ่มลัทธิ ปัญหาครอบครัว ความสัมพันธ์ การทำงาน ติดโซเชียล ติดเกม panic และ phobia มารับคำปรึกษากับครูเคทได้ที่ KruKate Counseling Center ต้องการนัดคิว โทร. 0814581165 หรือเข้าไปฝากคำถามและแชร์ประสบการณ์ในแฟนเพจ www.facebook.com/kateinspirer และ YouTube channels: Kate Inspirer ได้นะคะ