มีน้องคนหนึ่งทวิตมาถาม “พี่อ้อยคะ ความหมายของชีวิต สำหรับพี่มันคืออะไรหรือคะ” โอ้โห คำถามสร้างโลกมาก ถ้าหน้าสวยกว่านี้ จะคิดว่านี่คือเวทีนางงาม กำลังเจอคำถามเพื่อเรียกคะแนน

เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ไปหาความหมายอะไรมากมายค่ะน้อง แค่บอกตัวเองไว้ว่า “ทำทุกหน้าที่ให้ดีที่สุดแล้วกัน แค่ไหนแค่นั้น ดูแลคนที่เรารักและรักเรา เท่าที่ลมหายใจยังมี และถ้าดีกว่านั้น สามารถทำประโยชน์ให้ใครๆ ได้ ก็จะดีใจที่สุดในฐานะผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ดูแลตัวเองได้เป็นเรื่องปกติ ดูแลคนอื่นได้เป็นเรื่องน่าภูมิใจ” คงประมาณนี้มั้ง ขอบคุณสำหรับคำถามคร่า 555

ไม่นานมานี้ มีโปรเจกต์เล็กๆ โปรเจกต์หนึ่งชื่อ “พี่อ้อยพี่ฉอดตัวต่อตัว” จากแต่ก่อนจะคุยกัน ฟังกันเฉพาะในวิทยุ คราวนี้มานั่งคุยกันทานข้าวด้วยกัน กอดส่งกำลังใจให้กันและกัน มาเจอน้องคนหนึ่งค่ะ น้องเล่าให้ฟังว่า ตัวเองมีลูก 1 คน วันที่ถูกสามีซึ่งใช้ชีวิตคู่กันมา 14 ปีบอกเลิก ด้วยประโยคแย่ๆ ที่ว่า “ก็คิดว่าเป็นคนเคยรู้จักกันก็พอ” น้องคิดอะไรไม่ออก ได้แต่บอกตัวเองว่า ต้องไปหาใครสักคน แล้วน้องก็เลือกจะขี่มอเตอร์ไซค์มาไกลจากซาฟารีเวิลด์ถึงตึก GMM เพื่อมากอดพี่ น้องเดินวนไปวนมาที่หน้าตึก บอกตัวเองว่า น้องเป็นคนธรรมดา พี่จะลงมาหาน้องหรือ? แล้วน้องก็กลับไป!! โถ... พี่เป็นดีเจธรรมดามากค่ะน้อง พบเห็นได้ทั่วไป แค่ต้องบอกกันก่อน น้องมาพี่ไม่รู้ ตอนกลับก็ไม่รู้ จนมาถึงวันที่มีโปรเจกต์นี้ เราถึงได้เจอกันอีกที กอดกันไป ปลอบกันไป ยังบอกน้องไปว่า “ต่อให้ตั้งตารอสามีกลับมา อย่าลืมว่าเรามีลูกนะ เรารอสามี เวลาเดียวกับที่ลูกรอให้แม่เข้มแข็งซะที” น้องน้ำตาไหล ทำเอาพี่ก็ไม่ค่อยไหวเหมือนกัน รู้สึกผิดที่ไม่ได้กอดน้องในวันนั้น แต่ก็ดีใจที่ได้เจอกันในวันนี้ 

...

ความหมายในการมีชีวิตคือตรงนี้มั้ง รู้ว่าเราจะอยู่เพื่อใคร และเราทำอะไรเพื่อใครๆ ได้บ้าง ถึงวันนี้น้องก็ยังรอ เพราะตั้งแต่วันนั้นสามีก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย มีแค่วันเกิดน้อง เขาเอาสร้อยมาห้อยหน้าประตูบ้าน บอกว่าสุขสันต์วันเกิด แล้วก็เงียบหายไปจากวันนั้น บอกรักบอกต่อหน้า บอกลาใช้หายไป มันก็ยากต่อหัวใจคนรอ ความหวังมันหล่อเลี้ยงหัวใจ แม้แทบจะไม่มีอะไรให้หวังด้วยซ้ำ ต้องบอกย้ำๆ กับตัวเองค่ะ ความเงียบ คือคำตอบที่เสียงดัง แม้ว่าจะยังยอมรับความจริงตอนนี้ไม่ไหวก็ตาม

มีคำถามจากอีกคน ที่โดนความเงียบทำร้ายเช่นกัน

“อยากปรึกษาครับพี่อ้อย การเลิกที่ยังไม่ได้บอกเลิกอะครับ ผมอยากได้ยินคำบอกเลิกจากปากเขาจริงๆ ไม่ใช่การหายไปแบบนี้ ไม่ใช่ให้แฟนใหม่ของเขามาบอกเลิกกับผมที่เป็นแฟนเก่า และเป็นรักแรกของเขา ถ้าผมต้องการคำบอกเลิกจากปากเขา ผมควรทำยังไงดีครับ มันฝังใจผมนับปีแล้ว พี่แนะนำผมหน่อย” 

ความจริงอยู่ตรงหน้า อยู่ที่เรากล้ายอมรับความจริงหรือยัง สิ่งที่เขาทำ มันล้ำกว่าสิ่งที่เขาควรพูดตั้งเยอะ อยากได้ยินคำบอกเลิกจากปากเขา แต่สิ่งที่เขาใจร้ายกับเรามากกว่าคือ ใช้วิธีไล่แฟนเก่าโดยแฟนใหม่ ไม่แม้แต่จะรับผิดชอบความรู้สึกของเรา เขาขี้ขลาดเกินไป จะเรียกร้องคำบอกเลิกจากปากเขาอีกทำไมให้เสียเวลาชีวิตล่ะน้อง หรือถ้าคิดจะให้ความจริงวิ่งเข้าชนเราอย่างเด็ดขาด ก็ฝากบอกแฟนใหม่เขาไปว่า “ไม่กล้าบอกเลิกฉันด้วยตัวเองหรือ? กลัวทำใจไม่ได้หรือไง? ถึงใช้วิธีหนีหน้าขนาดนี้ เอาอย่างงี้ ถ้าไม่บอกเลิกด้วยตัวเอง ฉันยังไม่เลิกแล้วกันนะ อยู่ไปแบบนี้เรื่อยๆ เธอกล้าบอกเลิกด้วยตัวเองเมื่อไหร่ ฉันค่อยไป คงไม่ช้าเท่าไหร่” อันนี้จัดให้ตามที่น้องขอ เผื่อการรอจะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ ให้ความหวังตัวเองต่อไปว่า เขาคงยังมีใจ เลยไม่กล้าไล่เราไปอย่างชัดเจน 

ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกวัน ก็ห่างอดีตไปอีกวัน อย่าไปยึดมั่นถือมั่นฝังใจกับเรื่องที่ควรไปจากหัวใจเราได้แล้ว การกระทำเสียงดังกว่าคำพูดมากมายนัก คนหมดรัก ไม่ว่าเขาจะไล่เราวิธีไหน สุดท้ายคือเขาจะไป อย่าให้วันเก่า ทำร้ายเราไม่เลิก  เขามีความสุขกับปัจจุบัน มีแต่เราที่ยังจมทุกข์กับวันเก่าๆ ไม่ว่าเราจะเป็นรักแรกในใจเขาไหม ถ้าไม่ใส่ใจดูแลก็ต่างคนต่างไป หวงความสุขในชีวิตเราให้มากๆ ตอนรักยังรักไม่เท่ากัน ตอนเลิกกัน อย่าหวังว่าความผูกพันจะเท่ากันพอดี เรายังมีเขาในใจ แต่เขาอาจเอาเราทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อยู่กับวันนี้ มีความสุขภายใต้เงื่อนไขที่มีอยู่ของวันนี้ จะมัวไปหาเหตุผลทำไม ว่าทำไมเขาไม่บอกเลิก ในเมื่อสิ่งที่เขาทำ มันชัดเจนแล้วว่า เขาไม่ได้ทุรนทุรายจะมีเรา ปากเขาจะพ่นว่าอะไร อย่าให้มีผลอะไรต่อใจเราอีก เขาไม่ได้สูงค่า ให้เราต้องแลกมาด้วยความอดทนอีกแล้ว