พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ วัดระฆังโฆสิตาราม ของกำนันมานะ คงวุฒิปัญญา.
ก้าวเข้าสนามพระก็ตื่นเต้น เพราะทุกวันนี้ หาพระสมเด็จยาก ยิ่งพิมพ์ใหญ่จักรพรรดิพระเครื่อง ยิ่งยาก จนสนามพระวิภาวดี ไม่มีมาให้ชื่นชมเกือบ 2 เดือนแล้ว พอมาเจอ พิมพ์ใหญ่ วัดระฆังฯ องค์นี้ ที่เป็นองค์หน้าใหม่ และสภาพสมบูรณ์สุดๆ งามสุดๆ ระดับพระดีพรีเมียม ก็ฮือฮาไปตามระเบียบ.....
เพราะสายตรง บอกไม่น่าเชื่อว่าจะมีพระดีสวยเด่นระดับนี้เหลืออยู่ถึงปัจจุบัน และที่แปลกมากคือ สองวันก่อน เพิ่งมีแฟนคลับจากหลักสูตร TEPCoT 11 ของมหาวิทยาลัยหอการค้า ถามถึง กำนันมานะ คงวุฒิปัญญา ว่าหายไปไหนไม่ได้มาเยือนสนามพระวิภาวดีนานแล้ว ยังไม่ทันไร กำนันมานะ ก็โผล่มาทันที.....
และบอกว่าองค์นี้ เพิ่งได้มาหมาดๆ จากเขตพื้นที่หาเสียงย่านฝั่งธนบุรี ด้วยราคาที่บอกได้แค่ว่า แพงมากกกก แต่คุ้มค่า กับคุณภาพพระระดับ A+ ที่ดูตรงไหนก็ใช่ ก็ดีไปหมด ทั้งฟอร์มองค์ พิมพ์พระ ผิวนอก เนื้อใน มวลสาร รักทอง สี ชาด.....
ที่สำคัญคือ ธรรมชาติตามอายุความเก่า ของ พระสมเด็จ วัดระฆังฯ ที่มีปรากฏแบบครบเครื่อง ทั้ง เปลือกผิว ที่เกิดจาก แป้งโรยพิมพ์ และ รอยเหี่ยวย่น แตกลายงา ของผิวเนื้อด้านหน้า กับ ริ้วรอยลายปาดเนื้อด้านหลัง อย่างที่เรียกว่า “สังขยา”.....
องค์นี้ยังมีให้ศึกษา ลักษณะการตัดขอบข้าง ตามตำรา ความหนาของเนื้อพระ ที่เห็นได้จากภาพด้านข้าง ทำให้องค์พระมีทรงดี แข็งแรง ไม่มีจุดแอ่นจุดงอ ให้ต้องระแวงระวัง โดยรวมสรุปได้เป็น พระดีมีคุณภาพ เทียบได้กับ “พระองค์ครู” ที่มีชื่อชั้นอยู่แถวหน้า ที่จะเป็นที่จดจำของนักนิยมพระเครื่องไปตลอดกาลอีกองค์.....
...
องค์ที่สองเป็น พระรอด พิมพ์ใหญ่ กรุวัดมหาวัน ลำพูน ของ เสี่ยเฉลียว ตาดชูวงศ์ องค์นี้เป็นพระสภาพเรียบร้อย ฟอร์มดี แม้หย่อนงามไปหน่อย กับริ้วรอยลบเลือนของรายละเอียดเส้นสายลายศิลป์ ที่ผ่านการสัมผัสใช้ไปบ้าง แต่ก็ยังคงสภาพความงามอย่างมีคุณค่า และเป็นระดับเบญจภาคี เพราะจะหาแบบโชว์ได้ใช้ดี เดี้ยวนี้ก็ไม่ง่าย ใช่ว่ารวยแล้วจะได้เสมอไป ในวงการพระเป็นอย่างนี้จริงๆ .....
องค์ที่สาม คือ พระคง กรุเก่า วัดพระคง อ.เมือง ลำพูน องค์นี้ แท้ดูง่ายสวยเดิม ของจริง ทั้งฟอร์มองค์ พิมพ์พระ เส้นศิลป์ เนื้อดิน คราบกรุ ไม่มีริ้วรอยสัมผัสใช้ให้เห็นซักนิด เป็นอีกองค์ของ พี่หริ–ศิริ คูวิบูลย์ศิลป์ ที่ยอมเปิดกรุ เอาพระออกมาถ่ายภาพ ส่งมาเผื่อแผ่ให้แฟนคลับ สีกาอ่าง ได้เชยชม.....
พระคง ได้ชื่อว่าเป็นขุนพลพระเมืองลำพูน ที่มีชื่อเสียงรู้จักแพร่หลายมาก่อน เห็นได้จากความนิยมในการนำรูปแบบ ไปจัดสร้างเป็นพระเครื่อง พระพิมพ์ที่มีชื่อเสียงในยุคต่อมา อย่าง พระกริ่งคลองตะเคียน ที่มีอายุการสร้างสมัยอยุธยา และพระเครื่องของพระอมตะเกจิอาจารย์รุ่นเก่า แต่ต้นสมัยรัตนโกสินทร์อีกมาก.....
จากการพิจารณาของผู้ชำนาญการ ให้ความเห็นบันทึกไว้ว่า พระคง ได้รับอิทธิพล พุทธศิลป์ สมัยคุปตะ ของอินเดีย เป็นพระเครื่องยุคแรก สมัยสร้างเมืองหริภุญไชย จำนวนการสร้าง เท่าที่ค้นพบจากกรุพระเมืองลำพูน หลายหมื่นองค์.....
พบมากสุดที่ วัดพระคง แม่พิมพ์เป็นดินเผา แบบมีด้านหน้า (ตัวผู้) เป็นต้นแบบ ๑ เดียว ถอดเป็นแม่พิมพ์พระราว ๑๐ พิมพ์ ทำให้ พระคง มีความแตกต่างในสัดส่วนไปบ้าง แต่จุดตำหนิรายละเอียดสำคัญจะเหมือนๆกัน.....
เนื้อพระมีแตกต่าง เพราะเชื่อว่ามีการสร้างหลายครั้ง อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นพระร่วมสมัยเดียวกัน สีเนื้อ มีสีขาว สีชมพู สีพิกุล สีเหลือง สีแดง สีเขียว และสีดำ.....
ปัจจุบันความนิยมมาก เพราะพุทธศิลป์ที่สูงส่ง พุทธคุณที่เยี่ยมยอด และพุทธพาณิชย์ ที่ซื้อง่ายขายคล่อง ทำให้ราคาพระแท้ๆองค์งามๆสภาพเดิมๆ ขยับขึ้นอยู่ที่ หลักแสนถึงหลักล้าน มานานแล้ว.....
ต่อด้วย เหรียญหล่อ รุ่นแรก พ.ศ.๒๔๖๗ หลวงพ่อรอด อินทปัญญา วัดสามไถ อ.นครหลวง อยุธยา.....
พระอมตะเกจิอาจารย์รูปนี้ มีประวัติว่ามีเชื้อสายลาว กำเนิดที่บ้านสามไถ อ.นครหลวง อยุธยา เมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๔ บวชเณรศึกษาวิชาวิปัสสนามาตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ อุปสมบทเมื่ออายุครบ.....
แต่รายละเอียดขาดหาย ไม่รู้ว่าวัดใดใครเป็นพระอุปัชฌาย์ มีบันทึกต่อว่า ท่านไปเรียนพระปริยัติ พระธรรมวินัย ที่วัดในกรุงเทพฯ ร่วมกับ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติฯ ซึ่งมีอาวุโสน้อยกว่า และเรียกท่านว่า “หลวงพี่” แล้วกลับมาจำพรรษารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสามไถ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๗ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ปี พ.ศ. ๒๔๒๙ เพราะเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ พระ ธรรมวินัยเคร่งครัด เป็นที่เลื่อมใสศรัทธา.....
...
ด้านวิชาอาคม มีชื่อเสียงมากด้าน คงกระพันชาตรี ด้วยการเขียน ยันต์ครู ด้วย ดินสอดำ แทน การสัก ซึ่งมีกฎกติกาว่า ผู้ลงยันต์ ต้องกล้าให้ทดลองฟันด้วยมีด--พอเขียนยันต์เสร็จ ท่านหยิบดาบฟันฉับทันทีไม่มีรั้งรอ และก็ไม่ปรากฏว่าดาบได้กินเลือดผู้ใดเลย.....
เหรียญหล่อรุ่นนี้ ท่านอนุญาตให้คณะศิษย์จัดสร้าง เป็นเหรียญสมนาคุณ ผู้บริจาคทรัพย์ คราวงานพิธียกช่อฟ้า เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๗ ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นเหรียญราคาหลักแสน เพราะโดดเด่นในอานุภาพแคล้วคลาดคงกระพันชาตรี จน เสี่ยเด่น อยุธยา เจ้าของเหรียญ บอกว่าเทียบได้กับ เหรียญหลวงพ่อกลั่น ทีเดียว.....
ตามมาด้วย พระพุทธรูป สนิมเขียว ยุคกำแพงเพชร หน้าตัก ๕".....
กรุเมืองกำแพงเพชร นี้ ผู้ชำนาญการด้านพุทธศิลป์พระพุทธรูปไทย ให้ความคิดเห็นว่า พุทธศิลป์สมัยกำแพงเพชร เป็นการ ผสมผสาน ของ พุทธศิลป์สุโขทัย ที่อ่อนช้อย กับ พุทธศิลป์สมัยอยุธยา ที่มีความขึงขังเข้มแข็ง จนมีคำนิยามว่า งดงามอย่างเข้มแข็ง.....
...
เห็นได้อย่างองค์นี้ ของ เสี่ยธเนตร เนตรทอง แม้เป็นองค์ขนาดเล็ก แต่มีพุทธศิลป์เต็มรูปแบบ สนิมเขียวสนิมคราม มีขึ้นครอบคลุมทั่วองค์ บอกความเป็นพระบรรจุกรุ และอายุความเก่าถึงยุคสมัย เป็นขนาดนิยมบูชา.....
ต่อด้วย พระปรกลูกยอ เนื้อดิน กรุวัดบรมธาตุ ลานทุ่งเศรษฐี เมืองกำแพงเพชร อีกหนึ่งพระพิมพ์ชั้นดี ของลานทุ่งเศรษฐี.....
ค้นพบทั้งในกรุวัดบรมธาตุ วัดอาวาสน้อย วัดอาวาสใหญ่ วัดป่ามืด และในกรุพระเมืองสุโขทัยอีกหลายกรุ มีทั้งชนิดเนื้อชินเงิน และเนื้อดิน แบบองค์นี้ของ เสี่ยคิง พรหมมณี ที่เป็นพระแท้ดูง่าย สวยสภาพเดิม เป็นพระหายาก ราคาระดับหลักแสน.....
อีกสำนัก ขอเสนอพระปิดตา จัมโบ้ ๑ เนื้อผงใบลาน พ.ศ.๒๕๒๐ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ.....
หลวงปู่โต๊ะ เป็นต้นตำรับสร้างพระปิดตาเนื้อผงองค์ขนาดเขื่อง มีสร้างไว้ ๒ เนื้อ คือ เนื้อเกสรดอกไม้ผสมผงพุทธคุณ กับ เนื้อผงใบลานเผาผสมผงพุทธคุณ เป็นรุ่นดังสร้างชื่อเสียงด้วยอานุภาพด้านเมตตามหานิยมลือเลื่อง .....
ขนาดมีเรื่องร้องเรียนถึงหลวงปู่ ว่าศิษย์ผู้ใช้พระนี้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน จีบทิ้งลูกสาวชาวบ้านแล้วไม่ยอมเลี้ยงดู หลวงปู่จึงประกาศเรียกซื้อคืน แต่คนคืนน้อยมาก เพราะยิ่งรู้พุทธคุณยิ่งมีผู้แสวงหา และซื้อขายกันแพง.....
...
โดย เฉพาะ เนื้อเกสร เล่นถึง หลักแสน เทียบได้กับพระสมเด็จบางขุนพรหมสมัยนั้น--สำหรับ เนื้อใบลานเผา แบบองค์นี้ของร้าน D.M. ที่มีจำนวนสร้างมากกว่า ก็ไม่น้อยหน้า ราคาไล่หลังที่หลักแสนต้นๆเช่นกัน.....
สุดท้ายเป็นเครื่องรางขลังๆคือ หมากทุย หลวงปู่เอี่ยม วัดหนังวรวิหาร บางขุนเทียน กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเครื่องรางของขลังตำรับ หลวงปู่เอี่ยม ที่มีชื่อเสียงมาก ด้านคุ้มครองป้องกันภัย เป็นมหาอุด นะจังงัง.....
นิยมแสวงหากันมาก จึงมีราคาสูงไม่แพ้พระเครื่อง พระปิดตา ของ ขลังอื่นๆของสร้าง ซึ่งบันทึกตำรับวิชาบอกว่า ท่านสร้างจาก ผลหมากทุย ที่ค้างต้น นำมาตากแห้ง เจาะด้านหัวคว้านเนื้อออก และบรรจุแทนด้วย กระดาษสา ลงอักขระเลขยันต์ พระคาถาตัวนะกลางแผ่น ล้อมด้วย นะอุด โมอัด พุทยัด ธาปิด ยะอุด อุดธัง อัดโธ นะโมพุทธายะ.....
พอเสกกำกับเรียบร้อย ก็ให้ศิษย์ไปถักเชือกทำห่วง ลงรัก ปิดทอง มีหลายขนาด อย่างลูกนี้ เป็นขนาดนิยม เท่าปลายนิ้วชี้ ลายถักมาตรฐาน รักแห้งเก่า ถึงอายุ สภาพสมบูรณ์เดิมๆ มีราคาหลักหมื่นปลายถึงหลักแสน .....
วันนี้ ลากันด้วยเรื่องปิดท้ายของ เจ๊เพ็ญ ซึ่งหิ้วเงินสดล้านห้าไปซื้อรถ ที่โชว์รูมรถย่านจรัญสนิทวงศ์ โดยพยายามต่อรองราคา และขอของแถมแบบเขี้ยวสุดๆ.....
เซลก็ยอมให้ส่วนลดแบบไม่เหลือเปอร์เซ็นต์ขาย หวังได้แค่ตัวเลขทำเป้า แต่ เจ๊เพ็ญ ยังไม่พอ เห็นเจรจาได้เปรียบ ก็ร้องขอของแถม บอกหอบเงินสดขนาดนี้มาซื้อรถ ไม่มีของแถมได้ไง ไม่เอาใจลูกค้าแบบศูนย์อื่นเลย เพราะที่อื่นโฆษณาแถมมือถือ.....
เซลก็พยายามชี้แจงเสียงแหบแห้งว่าถ้าเจ๊ไม่ขอลดราคาเราก็แถมโทรศัพท์ให้ได้เหมือนกัน เจ๊เพ็ญ ก็พยายามยื้อว่า ไม่ให้โทรศัพท์ก็ไม่ซื้อ ทำเอาเซลหน้าเศร้ายืนนิ่ง.....
จน เสี่ยชาติ เจ้าของศูนย์ที่รู้จักกิตติศัพท์เจ๊ดี และยืนหลบฟังอยู่นาน เห็นท่าเซลสู้ไม่ไหว จึงแสดงตัวออกมาแก้ปัญหา บอกเราลดราคาให้ได้ที่สุดเท่านี้ ไม่มีของแถมแล้ว.....
และบอกว่า อย่าว่าแต่ซื้อรถเงินล้านไม่มีของแถมเลย เมื่ออาทิตย์ก่อน ผมก็เอาเงินสด ๓ ล้านไปซื้อ “พระสมเด็จ” ร้านผัวเจ๊มาองค์ ยังได้แค่ถุงพลาสติกเก่าๆใส่พระมา ไม่มีของแถม ราคาก็ไม่ยอมลด เจ๊เจรจาต่อรองราคารถผมเหลือขนาดนี้แล้วยังจะเอาของแถม เราให้ไม่ได้ ถ้าไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร ผมจะได้เลิกเป็นลูกค้าซื้อพระร้านผัวเจ๊เหมือนกัน.....
เจ๊เพ็ญ ฟังแล้วตาค้าง เพราะจำได้ว่าเป็นลูกค้าซื้อพระจริง จึงยอมเงียบเสียง จ่ายสตางค์ซื้อรถอย่างง่ายๆ ตอนขับรถกลับ เพื่อนที่ไปด้วยถามว่า เป็นอะไรวะ เจอไอ้เสี่ยพูดแป๊บเดียว ยอมจ่ายเงินง่ายๆ เจ๊เพ็ญ ตอบเสียงอ่อย ไม่ยอมได้ไงวะ ก็เงินที่เอามาซื้อรถ เป็นกำไรที่ขายพระสมเด็จองค์นั้น เฮียเพิ่งให้มา--ถ้าทำเสียลูกค้า เฮียรู้ โดนตีตายแน่เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง