สำหรับละครสุดฟีเวอร์ ‘บุพเพสันนิวาส’ หลายๆ ฉาก หลายๆ ซีนได้รับความสนใจจากผู้ชม รวมไปถึงอีกหนึ่งฉากสำคัญที่ผ่านมา เมื่อแม่หญิงการะเกดได้ช่วยชีวิตหมื่นสุนทรเทวาหลังจากจมน้ำ ด้วยการทำ CPR เมื่อได้ชมแล้วเป็นอีกหนึ่งฉากที่เกิดการถกเถียงกันว่า แม่หญิงนั้นทำถูกวิธีแล้วหรือไม่ ไทยรัฐออนไลน์มีคำตอบ....
งานนี้หลังมีกระแสถกเถียงดังกล่าว วิทวัส ศิริประชัย หรือจ่าพิชิต เจ้าของเพจ Drama-addict ได้ระบุไว้ว่า
“หากเป็นกรณีปกติที่จำเป็นต้อง CPR ก็ถือว่าถูกต้อง คือในสมัยก่อนนู้น ราวๆ สิบปีก่อน การ CPR จะใช้หลักการ A B C คือ Airway Breathing Circulation หมายถึง เริ่มจาก(A)เคลียร์ทางเดินหายใจว่ามีอะไรอุดตันหลอดลมมั้ย อุดตันช่องปากมั้ย จากนั้นก็(B)ผายปอดแล้วเริ่มการ(C)ปั๊มหัวใจ แต่ในการอัพเดตช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขามีสถิติและงานวิจัยพบว่า การเริ่มจาก C ก่อน คือปั๊มแม่งเลย ค่อยผายปอดลำดับถัดไป แบบนี้มีโอกาสรอดชีวิตสูงกว่า ปัจจุบันจึงให้ลำดับการช่วยชีวิตเป็น C A B ยกเว้นกรณีจมน้ำ ที่ยังแนะนำให้เป็น A B C เหมือนเดิม เพราะยังมีประสิทธิภาพสูงกว่าในการช่วยชีวิตคนจมน้ำ ดังนั้นการที่แม่หญิงเริ่มจากการผายปอด เคลียร์ช่องปากก่อนว่ามีอะไรอุดตันอยู่หรือไม่ แล้วจึงปั๊มหัวใจ จึงเป็นการช่วยชีวิตคนจมน้ำที่ถูกต้องแล้ว”
...
การปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ ขั้นพื้นฐานประกอบด้วย 3 ขั้นตอนใหญ่สำคัญ คือ A B C ซึ่งต้องทำตามลำดับคือ
1. A : Airway หมายถึง การเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง ซึ่งเป็นการปฏิบัติการขั้นแรก ที่ต้องทำอย่างรวดเร็ว เพราะเนื่องจากโคนลิ้นและกล่องเสียงมีการตกลงไปอุดทางเดินหายใจส่วนบนในผู้ป่วยที่หมดสติ ดังนั้นจึงต้องมีการเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง โดยการดัดคางขึ้นร่วมกับการกดหน้าผากให้หน้าแหงนเรียกว่า "head tilt chin lift"
- วางฝ่ามือบนหน้าผากผู้ป่วยและกดลง นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือพร้อมที่จะเอื้อมมาอุดจมูกเมื่อจะผายปอด มือล่างใช้นิ้วกลางและนั้วชี้เชยคางขึ้น ซึ่งวิธีนี้จะสามารถใช้ได้ในผู้บาดเจ็บที่มีกระดูกสันหลังส่วนคอหัก
- ใช้มือกดหน้าผากเหมือนวิธีแรก ส่วนมืออีกข้างหนึ่งช้อนใต้คอขึ้นวิธีนี้ทำได้ง่าย แต่ไม่ควรทำในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังเพราะจะเกิดอันตรายต่อไขสันหลัง
- ใช้สันมือทั้งสองข้างวางบนหน้าผากกดลง แล้วใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางจับกระโดงคาง (Mandible) ของผู้ป่วยขึ้นไปทางข้างหน้า ซึ่งผู้ทำ CPR นั่งคุกเข่าอยู่ทางศีรษะของผู้ป่วย ซึ่งวิธีนี้ทำได้ยาก แต่ช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งดี
ถ้าการหยุดหายใจเกิดจากลิ้นตกไปอุดตันทางเดินหายใจผู้ป่วยจะหายใจได้เอง และในขั้นตอนการเปิดทางเดินหายใจนี้ควรใช้เวลา 4-10 วินาที
2. B : Breathing หมายถึง การช่วยหายใจ เนื่องจากการหายใจหยุด ร่างกายจะมีออกซิเจนคงอยู่ในปอดและกระแสเลือด แต่ไม่มีสำรองไว้ใช้ดังนั้น เมื่อหยุดหายใจ จึงต้องช่วยหายใจ เป็นวิธีที่จะช่วยให้ออกซิเจนเข้าสู่ปอดผู้ป่วยได้
ซึ่งออกซิเจนที่เป่าออกไปนั้นมีออกซิเจนประมาณ 16-17% ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้ในร่างกายการตรวจดูการหายใจ ซึ่งควรใช้เวลาเพียง 3-5 วินาที ซึ่งทำโดยคุกเข่าลงใกล้ไหล่ผู้ป่วย ผู้ให้การช่วยเหลือเอียงศีรษะดูทางปลายเท้าผู้ป่วย หูอยู่ชิดติดกับปากผู้ป่วยและฟังเสียงลมหายใจผู้ป่วย ตามองดูหน้าอกว่ามีการเคลื่อนไหวหรือไม่หรือใช้แก้มสัมผัสลมหายใจจากผู้ป่วย การหายใจเข้า เป็นการที่ปอดพองตัวรับอากาศภายนอกเข้าทรวงอกจากนั้นปอดจะบีบตัวเอาลมที่ใช้แล้วออกทำให้เห็นทรวงอกเคลื่อนลงเล็กน้อย ซึ่งการขยายขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ และนับการหายใจหนึ่งครั้ง ซึ่งการหายใจน้อย (ตื้น) หรือไม่หายใจ จะต้องช่วยการหายใจในทันที
...
โดยการที่ผู้ทำ CPR สูดหายใจเข้าเต็มที่แล้วเป่าเข้าสู่ผู้ป่วยโดย สามารถทำได้หลายวิธี คือ ด้วยการเป่าปาก (mouth to mouth) เป่าจมูก (mouth to nose) และวิธีการกดหลังยกแขนของโฮลเกอร์ - นิลสัน (back pressure arm lift or Holger - Nielson method)
3. C : Circulation หมายถึง การนวดหัวใจภายนอก ทำในรายที่ประเมินภาวะหัวใจหยุดเต้น โดยการจับชีพที่ carotid artery แล้วไม่พบว่ามีการเต้นของชีพจร ก็จะช่วยให้มีการไหลเวียนของเลือดโดยการกดนวดหัวใจภายนอก (cardiac massage) โดยมีหลักการคือ กดให้กระดูกหน้าอก (sternum) ลงไปชิดกับกระดูกสันหลัง ซึ่งจะทำให้หัวใจที่อยู่ระหว่างกระดูกทั้งสองอัน ถูกกดไปด้วย ทำให้มีการบีบเลือดออกจากหัวใจไปเลี้ยงร่างกาย เสมือนการบีบตัวของหัวใจ
วิธีนวดหัวใจ
1. จัดให้ผู้ป่วยนอนหงายราบ บนพื้นแข็ง ถ้าพื้นอ่อนนุ่มให้สอดไม้กระดานแข็งใต้ลำตัว
2. วัดตำแหน่งที่เหมาะสำหรับการนวดหัวใจ โดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางข้างที่ถนัด วาดจากขอบชายโครงล่างของผู้ป่วยขึ้นไป จนถึง ปลายกระดูกหน้าอก วัดเหนือปลายกระดูกหน้าอกขึ้นมา 2 นิ้วมือ แล้วใช้สันมือข้างที่ไม่ถนัดวางบนตำแหน่งดังกล่าว และใช้สันมือข้างที่ถนัดวางทับลงไป และเกี่ยวนิ้วมือให้นิ้วมือที่วางทับแนบชิดในร่องนิ้วมือของมือข้างล่าง (interlocked fingers) ยกปลายนิ้วขึ้นจากหน้าอก
3. ผู้ช่วยเหลือยืดไหล่และแขนเหยียดตรง จากนั้นปล่อยน้ำหนักตัวผ่านจากไหล่ไปสู่ลำแขนทั้งสองและลงไปสู่กระดูกหน้าอกในแนวตั้งฉากกับลำตัวของผู้เจ็บป่วยในผู้ใหญ่และเด็กโต กดลงไปลึกประมาณ 1.5-2 นิ้ว ให้กดลงไปในแนวดิ่ง และอย่ากระแทก
4. ผ่อนมือที่กดขึ้นให้เต็มที่เพื่อให้ทรวงอกมีการขยายตัว และหัวใจได้รับเลือดที่อุดมไปด้วยออกซิเจน ขณะที่ผ่อนมือไม่จำเป็นต้องยกมือขึ้นสูง มือยังคงสัมผัสอยู่ที่กระดูกหน้าอก อย่ายกมือออกจากหน้าอก จะทำให้มีเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ในร่างกาย และมีเลือดไหลกลับเข้าสู่หัวใจ ทำให้มีการไหลเวียนเลือดในร่างกาย
...
5. การกดนวดหัวใจจะนวดเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ในอัตราเร็ว 100 ครั้ง/นาที ถ้าน้อยกว่านี้จะไม่ได้ผล
**สำหรับขั้นตอน CPR พื้นฐานแบบง่ายๆ ทำได้ด้วยตนเอง
ทั้งนี้ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน หรือ สพฉ. ได้จัดทำคู่มือสำหรับประชาชนในการช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉิน ที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน หรือหัวใจวายเฉียบพลัน ด้วยการใช้เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจแบบอัตโนมัติ หรือ AED ขึ้น โดยคู่มือดังกล่าวเป็นแผนผังการช่วยชีวิตฉุกเฉิน 10 ขั้นตอน พร้อมทั้งเรียนรู้การใช้งานเครื่อง AED ด้วย ดังนี้
1. ต้องตรวจสอบความปลอดภัยของผู้เข้าให้ความช่วยเหลือก่อน ซึ่งถ้าหากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย เช่น ไฟฟ้าช็อต ไฟไหม้ ตึกถล่ม ห้ามเข้าไปให้การช่วยเหลือโดยเด็ดขาด และหากประเมินแล้วว่า สถานการณ์ในการเข้าให้ความช่วยเหลือ ปลอดภัยต่อผู้เข้าให้การช่วยเหลือ ก็สามารถเข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยได้
...
2. ปลุกเรียกตบไหล่ ตรวจสอบดูว่าผู้ป่วยหมดสติหรือไม่
3. โทร. 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ พร้อมกับนำเครื่อง AED มา
4. ประเมินผู้หมดสติ โดยตรวจดูว่าผู้ป่วยหายใจหรือไม่ หากไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ หรือหายใจเฮือก ต้องรีบกดหน้าอก
5. กดหน้าอกโดยจัดท่าให้ผู้ป่วยนอนหงาย โดยผู้ช่วยเหลือนั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างของผู้ป่วย วางส้นมือข้างหนึ่งตรงครึ่งล่างกระดูกหน้าอก และวางอีกข้างทับประสานกันไว้ แขนสองข้างเหยียดตรง โดยให้แนวแขนตั้งฉากกับหน้าอกผู้ป่วย และเริ่มกดหน้าอกผู้ป่วย
6. เมื่อเครื่อง AED มาถึงให้ ให้ทำการเปิดเครื่อง ถอดเสื้อผู้ป่วย ถ้าตัวเปียกน้ำให้เช็ดน้ำออกก่อน
7. ติดแผ่นนำไฟฟ้ากับตัวผู้ป่วย
8. ปฏิบัติตามคำแนะนำของเครื่อง AED
9. กดหน้าอกต่อหลังการช็อกไฟฟ้าด้วยเครื่อง AED แล้วทันที
10. ส่งต่อผู้ป่วยเมื่อทีมกู้ชีพมาถึง
ข้อมูล : Drama-addict , มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง