สนามพระ 04/02/61

เปิด สนามพระวิภาวดี ปีที่ 22 ด้วยธรรมะ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ว่า คนดีเพียงคนเดียว มีค่ากว่าเงินเป็นล้านๆ เพราะเงินเป็นล้านๆไม่สามารถทำความร่มเย็นให้โลกได้ เหมือนคนดีทำประโยชน์.....

เข้าเดือนที่สองของปี 2561 กันด้วย พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ วัดระฆังฯ ที่มีนามฉายาว่า องค์ธรรมจักร เพราะมีเอกลักษณ์ที่ด้านหลังเป็น รูปธรรมจักร นำมาให้ชมเพราะมีแฟนคลับจดหมายมาถามถึงมากว่า ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว.....

พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์นี้ มีผู้นำเข้าวงการ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๓ ที่ศูนย์พระเครื่องมณเฑียรพลาซา สร้างความฮือฮาให้นักนิยมสายสมเด็จ เพราะเป็น พระแท้หน้าใหม่ ที่สมบูรณ์งดงามขั้นพระแชมป์ ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน .....

ตอนนั้นเจ้าของเข้ามาเสนอขาย บอกราคา ๑๐ ล้าน กลุ่มเซียน ส่องพระแว้บเดียว ก็เรียกประชุม ระดมลงขัน และต่อราคาซื้อ แบบหาร ๒ ได้ที่ ๕ ล้าน ยังไม่ทันจ่ายเงินจบ พล.ต.อ.สนอง วัฒนวรางกูร เห็นแล้วชอบเลยขอซื้อตัด เป็นเจ้าของคนเดียว ในราคาที่มีกำไรแบ่งกันถ้วนหน้า เป็นข่าวดังในวงการ--จากวันนั้นถึงวันนี้ ไม่มีความเคลื่อนไหว จึงสรุปว่ายังจำวัดเดิม.....

องค์ที่สองคือ พระมเหศวร เดี่ยว เนื้อชินเงิน กรุวัดมหาธาตุ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ๑ ในสุดยอดพระเครื่องเมืองท้าวอู่ทอง ที่มีชื่อเสียงได้รับความนิยมแพร่หลาย ไม่เป็นรอง พระผงสุพรรณ นัมเบอร์วันของกรุ.....

จะมีความแตกต่างก็ตรง เนื้อพระ กับ ราคา นอกนั้นมองทุกมุม มีดีเสมอกันหมด ไม่ว่าจะเป็นพุทธศิลป์สมัยอู่ทอง พุทธคุณ แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ซื้อง่ายขายคล่อง.....

นอกจากนั้น ประวัติการสร้าง ก็โดยพระฤาษีผู้เป็นใหญ่แห่งยุคในพิธีเดียวกัน นำบรรจุกรุในองค์พระ ปรางค์วัดพระศรีมหาธาตุครั้งเดียวกัน เมื่อราวปี พ.ศ.๑๙๖๗-๑๙๙๑ สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิบดีที่ ๒ (เจ้าสามพระยา) พบขึ้นจากกรุพร้อมกัน เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๖ จำนวนพระมีจำนวนมากพอกัน.....

พิมพ์พระมีหลายแบบ พบทั้งชนิด หน้าเดียวสองหน้า เดิมเรียกว่า (พระสวน) ต่อมาในยุคจอมโจรมเหศวร ระดมลูกน้องบริวารออกปล้น สร้างชื่อเป็นชุมโจรใหญ่เมืองสุพรรณ ที่ไม่กลัวอาญาแผ่นดิน ก็ร่ำลือว่า เสือมเหศวร มี “พระสวน” คุ้มครองตัวให้แคล้วคลาดคงกระพันรอดพ้นการล้อมจับกุมของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง จนทางราชการต้องประกาศให้มอบตัวโดยไม่เอาโทษ ทำให้นิยมเรียกชื่อเปลี่ยนจาก พระสวน เป็น พระมเหศวร มาแต่บัดนั้น.....

ปัจจุบันความนิยม พระมเหศวร มากขึ้น สวนทางกับจำนวนพระที่มีน้อยลงมาก โดยเฉพาะ พระพิมพ์ใหญ่นิยม ไม่ว่าจะเป็น สวนเดี่ยว สวนคู่ ชั่วโมงนี้องค์งามๆ สภาพแจ่มๆ อย่างองค์นี้ของ เสี่ยพิเชษฐ์ เกียรติเดชาวิทย์ ราคาขึ้น หลักล้าน นานแร้ว.....

ตามมาด้วย เหรียญรุ่น ๒ เนื้อทองแดง บล็อกนิยมสระอิลอย พ.ศ.๒๔๙๘ หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี.....

ตอนแรก นึกว่าเป็น เหรียญใหม่สร้างย้อนยุค ของวัดที่กำลังมาแรง สานุศิษย์แย่งจองอยู่ เพราะสภาพเหรียญยังสมบูรณ์ สวยกริ๊บ ผิวเนื้อหลายจุด ยังมีประกายสีรุ้ง อย่างที่เรียกว่า “ผิวไฟ” (เกิดจากแรงกระแทกเนื้อโลหะของแท่นปั๊ม) ก็ยังมีให้เห็น.....

ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปกว่า 60 ปี แม้ไม่มีการสัมผัสใช้ แต่แค่เหรียญโดนอากาศ ผิวไฟ นี้ก็จะเลือนหายไป นอกจากจะได้รับการเก็บรักษาแบบไม่โดนสัมผัสแม้อากาศ อย่างเหรียญนี้ของ เสี่ยพายุ บ้านวัชรสาร ที่ต้องยอมรับว่าเป็น เหรียญเนื้อทองแดง รุ่นนิยม บล็อกนิยม ที่สมบูรณ์สวยเยี่ยมสุดเท่าที่เคยเห็นมา เสี่ยพายุ จึงยอมทุ่มทุน สร้างสถิติซื้อมาในราคาสูงถึง ๙๐๐,๐๐๐.....

รายการต่อไปคือ พระพุทธรูปบูชา พุทธศิลป์สมัยอู่ทอง หน้าแก่ ขนาดหน้าตัก ๕.๕ นิ้ว ของเสี่ยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์.....

เป็นพระพุทธรูป อายุถึงยุคมากกว่า ๕๐๐ ปี พุทธศิลป์ถึงสมัยอู่ทอง พิจารณาได้จากท่วงท่าการประทับนั่งที่องอาจผึ่งผาย พระพักตร์ทรงเหลี่ยม มีรายละเอียดพระเนตร พระขนง พระนาสิก พระกรรณปรากฏเข้มขรึม พระหัตถ์ใหญ่ พระบาทหนา เส้นศิลป์ชายผ้าจีวรรัดประคด หน้า-หลังแบบเต็มศิลป์ ยังคงสภาพความสมบูรณ์งดงาม ถือเป็นสมบัติล้ำค่าของคนไทย ที่คู่ควรอนุรักษ์บูชา.....

ยิ่งดูจาก อายุพระ ที่กำหนดได้จากพุทธศิลป์ สนิมเขียวที่ขึ้นคลุม แสดงว่า ผ่านมือผู้ครอบครองอย่างรู้คุณค่า บูชากราบไหว้มามาก ยิ่งทำให้เกิดพลานุภาพในองค์พระ ตามที่โบราณาจารย์เชื่อถือว่า องค์พระแท้ถึงยุคสมัย ที่คงสภาพความสมบูรณ์ ย่อมมีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์สูง ปกป้องรักษาผู้ครอบครองบูชาให้มีความร่มเย็นเป็นสุข สมปรารถนาในทุกสิ่ง.....

ถัดไป เป็น พระนารายณ์ทรงครุฑ ศิลปะเขมร สมัยบายน ขนาดความสูง ๑๒ นิ้ว นิยมสร้างเป็นองค์ประกอบในพระราชพิธีตามศาสนาพราหมณ์ ฮินดู ที่ผสมกลมกลืนกับศาสนาพุทธแบบมหายาน ที่แพร่หลายรุ่งเรืองเป็นหลายลัทธิอยู่ในเขมร ด้วยความเชื่อว่า พระนารายณ์หรือพระวิษณุ เป็นมหาเทพผู้ทรงอำนาจในการปกป้องคุ้มครองมนุษย์ และมีพญาครุฑเป็นพาหนะประจำพระองค์.....

องค์ในภาพของ เสี่ยสมปอง หงษ์ศรีเมือง พิจารณาจากศิลปะกับเนื้อสนิม แดงเขียวคราม เป็นสมัยบายน ปลายด้านล่าง มีลักษณะเป็นปลอกสำหรับสวมทับ เข้าใจได้ว่าน่าจะสร้างเป็นปลายยอดธง เพื่อใช้ในพิธีกรรมสำคัญ นอกจากพบในเขมร ยังพบในภาคตะวันออก ที่มีชายแดนติดกัมพูชา ได้รับความนิยมสะสมเป็นวัตถุมงคลของนักนิยมเทวรูป.....

อีกสำนักเป็น พระพิมพ์นาง สมาธิเล็ก เนื้อผงใบลาน หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม.....

เป็นพิมพ์พระมาตรฐาน ที่นิยมสูง มีทั้งชนิด เนื้อดินเผา เนื้อผงพุทธคุณ เนื้อผงใบลาน เนื้อผงยาวาสนา ซึ่งมีราคาไล่เรียงตาม ลำดับ จากหลักพัน-หลักแสน สูงสุดเป็น เนื้อผงยาวาสนา ราคาองค์แชมป์ๆ แตะ หลักล้าน .....

การแสวงหาจึงต้องละเอียดรอบคอบ เพราะนอกจากพระเก๊เกลื่อน ยังมี พระแท้ สร้างผิดเนื้อ ที่ต้องระวังมาก เพราะราคาต่างกัน เพราะ เนื้อผงพุทธคุณ เนื้อผงใบ ลาน เนื้อผงยาจินดามณี มักมีการ จุ่มรัก ลงรัก คลุมองค์มิดชิด เพื่อรักษาเนื้อพระมาแต่เดิมเหมือนกัน หากดู เฉพาะพิมพ์พระ กับ เนื้อรัก อาจผิดพลาดได้ .....

ผู้รู้เตือนว่า ให้พิจารณาลงลึกถึง เนื้อใน จาก ร่องรอยหลุดล่อนของเนื้อรัก หรือถ้าไม่มีจริงๆ ให้สังเกตที่ ผิวเนื้อรัก ถ้ามีความหยาบไม่เรียบตึงเสมอกัน ถึงจะเป็น เนื้อผงยาวาสนา ถ้า เนื้อรัก ตึงเรียบ แบบองค์นี้ของ เสี่ยพ็อต นครชัยศรี ถือเป็น เนื้อผงใบลาน ตามที่เจ้าของเขียนบอกมาชัดเจน ตรงไปตรงมา.....

ต่อไปคือ เหรียญรุ่นกองพันทหารลำปาง เนื้อนวโลหะ พ.ศ.๒๕๑๗ หลวงพ่อเกษม เขมโก สำนักสงฆ์สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง ของ เสี่ยโหน่ง กาดเมฆ.....

หลวงพ่ออนุญาตให้จัดสร้างโดย สามเณรนิติรัตน์ ร่วมกับ พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร เพื่อหารายได้สนับสนุนครอบครัวทหารที่ออกรบ โดยมอบหน้าที่ให้ นายช่างเกษม มงคลเจริญ ออกแบบทำบล็อก แม่พิมพ์และผลิต.....

มีเนื้อทองคำ ๑๓ เหรียญ เนื้อนวโลหะ ๒๐๐ เหรียญ เนื้อเงิน ๓๐๐ เหรียญ เนื้อทองแดง ๒,๐๐๐ เหรียญ เป็นเหรียญที่ออกแบบได้งดงามมีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์สูง ด้านคุ้มครองป้องกัน.....

สุดท้ายคือ เหรียญที่ระลึกงานพระราชทานเพลิง พ.ศ.๒๕๐๑ พระครูวิบูลคณารักษ์ (ขุน ครอง-สถาน) วัดทับไทร ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จันทบุรี เจ้าอาวาสองค์แรก ผู้สร้างวัด และนำชาวบ้านขึ้นทำไร่กระวาน บนเขาสอยดาว เป็นสินค้าขายหารายได้มาสร้างวัด ให้มีเสนาสนะพร้อมทั้งพระอุโบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะ อ.โป่งน้ำร้อน รูปแรก เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๑.....

ด้านวิชาพุทธาคม ไม่เป็นรองใคร เพราะรับสืบทอดวิชาพุทธาคมจากพระเถราจารย์เขมร เป็นที่ประจักษ์ครั้งทหารอเมริกันมาตั้งฐานเรดาร์ บนเขาสอยดาว เที่ยวใช้ปืนยิงนกเป็นอาหาร ยิงมะพร้าวเอาน้ำดื่ม.....

และรุกเข้าเขตวัดขณะมีงานบุญ ท่านเกรงจะเกิดอันตรายกับผู้คน จึงครองผ้าไปยืนเพ่ง เสกคาถา เป่าไปทางทหารอเมริกัน ทำให้ยิงปืนเท่าไรก็ไม่ลั่น สุดท้ายต้องยอมเข้ากราบขอขมา ให้สัญญาจะไม่ทำอีก เป็นเรื่องที่เล่ากันมา.....

แต่ตลอดชีวิตท่านไม่เคยสร้างวัตถุมงคลใดๆ มุ่งสอนให้เชื่อในพระธรรม ทำดี ทำได้ ทำทันที.....

มีเพียงเหรียญรุ่นนี้ ที่คณะศิษย์จัดสร้างเป็นรูปท่าน รุ่นแรก และรุ่นเดียว ปัจจุบันเป็นเหรียญที่ชาวโป่งน้ำร้อนหากันมาก เพราะผู้ไปกราบนมัสการรูปเหมือนท่านที่วัดทับไทรพบโชคลาภเสมอ.....

ตามมาด้วยเรื่องปิดท้ายของ เสี่ยองอาจ ผู้รับเหมา ซึ่งว่างจะแวะไปคุยกับเพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านพระเครื่อง เพราะชอบฟังเรื่องปาฏิหาริย์มหัศจรรย์ .....

วันหนึ่งได้ฟังเรื่อง พระสังกัจจายน์ ว่าเป็นพระให้โชคให้ลาภดี เป็นที่หนึ่ง จึงถามเพื่อนว่า มีให้เช่าไหม เพื่อนก็บอกว่า มี เป็นพระสังกัจจายน์สมัยอู่ทองค้นพบจากกรุวัดราษฎร์บูรณะ อยุธยา ขนาดเล็กห้อยคอได้ ทั้งกรุมีองค์เดียว.....

พอเพื่อนบอกว่า ตั้งแต่ได้มาใช้บูชา เก๊าะมีโชค ถูกลอตเตอรี่บ่อย แล้วเพื่อนก็เอาองค์พระที่คล้องคออยู่ออกมาอวด เสี่ยองอาจ เห็นองค์พระปิดทองนั่งอุ้มท้องอ้วนตุ้ย ก็นึกชอบ และอยากมีโชคลาภ จึงขอซื้อ.....

เพื่อนบอกขายไม่ได้ แต่ให้ยืมไปใช้ได้ เพราะอยากให้เห็นว่าพระองค์นี้บันดาลโชคลาภได้ดีจริงอย่างที่คุยให้ฟัง โดยมีเงื่อนไข ให้วางเงินประกันไว้สามแสน เอาพระไปใช้ได้ ๓ เดือนให้เอามาคืน หรือไม่มีโชคลาภเกิดขึ้นจะเอามาคืนก่อนก็ได้ แล้วเอาเงินคืนไปเต็มๆ ไม่หักเปอร์เซ็นต์เพราะเป็นเพื่อนกัน.....

เสี่ยองอาจ ดีใจ ตกลงตามนั้น เอาพระมาใช้คล้องคอบูชา แต่เดือนเดียว ก็หน้ามุ่ยเอาพระไปคืน เพื่อนถามว่า อะไรแค่เดือนเดียวไม่มีลาภ ก็เบื่อแล้วเรอะ เสี่ยองอาจ บอกว่าไม่ใช่อย่างนั้น เพราะงวดที่ผ่านมา ถูกหวยใต้ดิน ๓ ตัวตรงๆ ได้ ลาภ เกือบล้าน.....

แต่ที่ต้องเอาพระมาคืน เพราะเจ้ามือถูกตำรวจจับ เลยหนีไปก่อนจ่ายเงิน เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.

สีกาอ่าง