3D Projection Mapping เทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงของงานโชว์ทั่วโลก ซึ่งถ้าพูดถึงการแสดง Mapping หลายคนอาจจะเคยได้เห็นกันมาแล้ว
จุดเด่นของ 3D Projection Mapping เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและศิลปะ โดยใช้โปรเจคเตอร์ฉายแสงไปที่จุดรับภาพ ที่ส่วนใหญ่มักจะใช้ฉากเป็นสถานที่กว้างๆ รวมไปถึงตึกสูงๆ ที่มีความโดดเด่น สามารถมองเห็นได้จากมุมกว้าง อย่างตามตึกดังๆ ทั่วโลก
นอกจากตัวเทคนิคต่างๆ แล้ว ตัวศิลปินที่จะมาออกแบบผลงานนับว่ามีความสำคัญมากๆ และกลุ่มศิลปินที่กำลังมาแรง ไลม์ไลท์ (Limelight) โดย มร.อิสท์วาน ดาวิด ศิลปินชาวยุโรปที่เคยสร้างผลงานให้ทั่วโลกได้ตื่นตะลึง การันตีด้วยรางวัล Jury Choice Awards และ The People’s Choice Awards จากงานประกวดภาพ 3D Projection Mapping ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยผลงานการแสดง “Interconnection”
ล่าสุดพวกเขากำลังจะมาโชว์ผลงานให้ชมกันถึงเมืองไทย แต่ก่อนที่จะได้ชมของจริง ลองมาดูผลงานของพวกเขาเรียกน้ำย่อยกันก่อนดีกว่า
...
...
ไทยรัฐออนไลน์ได้มีโอกาสพูดคุยกับ มร.อิสท์วาน ตัวแทนกลุ่มศิลปินระดับโลก “Limelight” (ไลม์ไลท์) ที่จะมาจัดแสดงแสง สี 3 มิติ ที่อาคารแมกโนเลียวันก่อน เรียกว่า อิสท์วาน เครื่องบินลงปุ๊บเราก็ฉกตัว และพร้อมให้สัมภาษณ์กับเราทันที แบบไม่ต้องพักให้หายเหนื่อยกันเลยทีเดียว
เขาบอกกับเราว่า การถ่ายทอดผลงานลงบนตึกแมกโนเลีย เขาดูสถาปัตยกรรม โชว์ตามรูปแบบของตึก ไม่ใช่ว่าเซตมาแล้วมาทำ สร้างเอกลักษณ์ให้แต่ละที่ที่เขาไป ซึ่งเรากว่าจะได้มาที่เมืองไทยใช้เวลา 2 เดือน มาเที่ยวมาใช้ชีวิต มาสังเกตการณ์มาดูสภาพแวดล้อมสังคม วัฒนธรรมมาถ่ายทอด
สำหรับตึกนี้เขามีไอเดียเป็นบิวตี้ฟูลแบงคอก เขาถ่ายทอดจากมุมมองของเขา เขาใช้ตึกเป็นนักแสดงหรือเป็นตัวหลักในการพรีเซ็นต์ผลงานออกมาด้วยการที่ใช้ตัวทรีดีแมปปิ้งถ่ายทอดเรื่องราว ฉายขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดขึ้นมา ว่ากรุงเทพฯ ในสายตาเขาสวยงามแบบไหนบ้าง
...
การทำผลงานทรีดีบนตึกยากมั้ย?
สำหรับการทำตึกนี้จะว่ายากก็ไม่ยาก แต่ว่ามันจะเป็นในเรื่องของชาเลนจ์ สำหรับเขา การทำโปรเจคเตอร์ตึกมีความซับซ้อน ใช้โปรเจคเตอร์หลายตัวมาต่อกัน คล้ายกับการทำหนัง งานนี้ใช้ 20 โปรเจคเตอร์ขึ้นมา
แรงบันดาลใจของเขา
ด้วยสถาปัตยกรรม ด้วยการออกแบบที่สวยงาม ด้วยการออกแบบที่ทันสมัย เอื้ออำนวยต่อการทำโปรเจกต์ของเขา ในเรื่องของแรงบันดาลใจเรื่องของเมือง เป็นสีสัน ชีวิตโลคอล ซึ่งเขาได้เอาความรู้ทุกอย่างรอบตัว วัฒนธรรม สีสัน ไนท์ไลฟ์ ทุกอย่าง มารวมอยู่ในโปรเจกต์นี้โปรเจกต์เดียว ภายในเวลา 5 นาที ถามว่าสิ่งที่เขาอยากเล่า อยากใส่เข้าไปมันไม่เพียงพอหรอก ถ้าเขามีเวลาเพิ่ม อยากใส่โชว์อะไรเพิ่มเข้าไปบ้าง เขาบอกว่ามันไม่ได้อยู่ที่เวลา สิ่งที่สำคัญมันอยู่ที่ความสนใจของคนดู เราสามารถทำได้ถึง 15 นาที แต่มันนานเกินไปในการให้ความสนใจของคนมันสั้น คนก็จะหยุดแล้ว ซึ่งทำให้คนหยุดชะงักดู 5 นาทีนี้ดีกว่าทำยาวแล้วทุกอย่างสูญหายหมด
คือการเข้าไปซึมซับ เดินทางเข้าไปในสถานที่นั้นๆ เพื่อหาแรงบันดาลใจ ไปเรียนรู้วิถีชีวิตบ้านเมือง คนท้องถิ่นของสังคมเมือง เก็บทุกอย่างเป็นประสบการณ์เพื่อให้ผลงานถูกอกถูกใจคนในที่ที่นั้น ไม่ใช่ถูกใจเขาอย่างเดียว เขาอยากที่กลมกลืนให้มากที่สุด อยากเป็นอันหนึ่งอันเดียว อยากให้ถูกใจคนพื้นที่นั้นๆ
...
ทั้งนี้เราได้สอบถามถึงไลฟ์สไตล์ของ มร.อิสท์วาน ว่าการใช้ชีวิตของเขาต่างหรือเหมือนกับการคิดทรีดีแมปปิ้งหรือไม่นั้น เขาเล่าว่า
ถ้าพูดไลม์ไลท์ ก็จะมีความแตกต่างในเรื่องของอายุ ความชอบแต่ละคน เขาอายุ 44 เขามีครอบครัวแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน อีกคน 26 เหมือนกับว่าเขาแตกต่างกัน เขาชอบใช้เวลาไปกับการท่องเที่ยวนั่นแหละ ออกไปแสวงหาสิ่งใหม่ๆ ไปมองในมุมที่แตกต่างเพื่อมาต่อยอดในผลงานที่เขาทำในแต่ละชิ้น เขาไม่ได้ทำเพื่อตัวเขาเอง แต่เขาทำเพื่อผู้ชม เพื่อมาปรับใช้กับงาน
ทรีดีแมปปิ้งสร้างความสุขให้กับคนทั่วไป ไม่ต้องพบเห็นจากงานปาร์ตี้เป็นหลัก เขาสร้างความสวยงามให้กับสถาปัตยกรรม ให้คนทุกเพศทุกวัยได้เข้าถึง ไม่ต้องแค่คนในงานปาร์ตี้ไ้ด้เห็นเท่านั้น
และเมื่อถามว่าชอบอะไรในประเทศไทย
ครั้งแรกที่เขามาเมืองไทยเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เขาประทับใจในสถานที่ที่สวยงาม ผู้คนเป็นมิตร อยากกลับมาอีก เขาเห็นความใจดีที่มีให้กับฝรั่ง
อยากฝากอะไรถึงนักสร้างสรรค์ผลงานรุ่นเด็กบ้าง?
ที่บูดาเปสต์มี ร.ร.ที่เขาสอนเกี่ยวกับการทำโปรเจกต์แบบนี้ลงบนแก้ว ลงกระจก เหมือนว่าเด็กรุ่นใหม่มีไอเดียมีทิศทางเป็นของตัวเอง เดี๋ยวนี้อะไรพร้อมไปหมด หัวใจของการทำแมปปิ้งของการทำลงบนสถานที่ต่างๆ เป็นการสั่งสมประสบการณ์มากกว่า เพราะว่าในแต่ละพื้นที่พื้นผิวแต่ละตึกแตกต่างกัน ลองเริ่มทำสิ่งเล็กๆ ค่อยๆ ทดลองไปเรื่อยๆ จากเล็กไปหาใหญ่ ถ้าเขามีโอกาสซัพพอร์ตเด็กๆ เขาก็ยินดีทำเต็มที่ครับ
โดยการแสดงชุดนี้มาภายใต้แนวคิด “Beautiful Bangkok” (บิวตี้ฟูล แบงค็อก) ซึ่งกลุ่มศิลปิน ไลม์ไลท์ (Limelight) ได้นำวิถีชีวิต วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ มาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ ในการสร้างสรรค์ผลงานครั้งนี้ การแสดงแบ่งออกเป็น 4 ชุด ชุดละ 1 นาที โดยจะเริ่มเรื่องและจบเรื่องด้วยภาพดวงอาทิตย์ขึ้นในรอบหนึ่งวัน ได้แก่ ฉาก 1 “ธรรมชาติ” จากมุมมองว่าไทยเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ฉาก 2 “ดวงอาทิตย์ขึ้น” สีสันของกรุงเทพฯ ในยามเช้าที่มีแต่ความคึกคักของผู้คนและชีวิตในเมืองใหญ่ ฉาก 3 “ขนบธรรมเนียมประเพณี” อันงดงามของไทย ถ่ายทอดเชิงสัญลักษณ์ผ่าน “หน้ากากหนุมาน” และ ฉาก 4 “ชีวิตยามราตรี” สีสันเสน่ห์ยามราตรีของกรุงเทพฯ ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก
สำหรับ "Beautiful Bangkok by Magnolias @Ratchaprasong" (บิวตี้ฟูล แบงค็อก บาย แมกโนเลียส์ แอท ราชประสงค์) เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 - 31 ธันวาคม 2560 ณ โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด (MRB) แสดงวันละ 5 รอบ คือ รอบ 19.00 น., รอบ 19.15 น., รอบ 19.30 น., รอบ 19.45 น., รอบ 20.00 น. พิเศษสุดๆ คือในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2560 เพิ่มรอบ 23.55 น. ชวนมานับถอยหลัง (Countdown) ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2561.