พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์นี้ มีข้อพิจารณาเป็นพิเศษ ทั้งแม่พิมพ์ด้านหน้า และริ้วรอย...ด้านหลัง ทั้งๆที่เป็นพระแท้ ดูง่าย ผ่านการใช้ สึกช้ำกำลังงาม
ดูเนื้อละเอียด สีเหลืองเข้ม ทฤษฎีครูตรียัมปวาย เรียกเนื้อกระแจะจันทน์
ถ้านึกไม่ออกว่า “กระแจะจันทน์” เป็นไง...ก็ขอให้นึกถึงเนื้อแป้งทานาคาที่สาวน้อยมอญพม่าใช้ประแต้มผิวหน้า...
นั่นล่ะใช่เลย
เริ่มกันที่แม่พิมพ์เส้นสายเป็นพิมพ์ใหญ่คุ้นตา ทุกองค์ประกอบตามวิชาเซียนไม่ขาดไม่เกิน แต่เมื่อเพ่งๆ เอ! ทำไมภาพรวมองค์พระรวมทั้งฐานสามชั้นโย้ไปด้านขวา ชิดเส้นซุ้มขวามากกว่าด้านซ้าย
จะคิดว่าเกิดจากความวิปริตทางพิมพ์ทรงบิดเบนเบี้ยว หรือเอียง ขณะถอดแม่พิมพ์ ก็เป็นไปได้...แต่จริงๆแล้วสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่พิมพ์นี้...มีผ่านวงการมาแล้ว
ใกล้มือที่สุด ในหนังสือทำเนียบพระพันตา สำนักพิมพ์เพื่อนสีกาอ่าง ในจำนวน สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่กว่า 130 องค์ องค์ที่ 59 ทั้งองค์พระและฐานโย้ขวา เหมือนกัน พิมพ์เดียวกัน
ข้อแปลกตาต่อมาก็คือด้านหลัง...ที่เป็นร่องแบบหลังกระดาน...ในแนวดิ่ง
หลังกระดานแนวดิ่งแบบนี้ยังไม่เคยมี หลายองค์ที่ผ่านวงการ เป็นหลังกระดานแนวขวาง
ย้อนไปทบทวนหลักครู ครูตรียัมปวาย ...จำแนกหลังสมเด็จวัดระฆังไว้ 8 ลักษณะ
หลังรูพรุนปลายเข็ม หลังรอยปูไต่ หลังรอยหนอนด้น หลังรอยย่นตะไคร่น้ำ หรือฟองเต้าหู้ หลังกาบหมาก? หลังสังขยา หลังลายนิ้วมือ และหลังริ้วระแหง
นี่คือธรรมชาติด้านหลังพระสมเด็จวัดระฆัง...ที่มักไม่ได้ปรากฏหนึ่งลักษณะ แต่ปรากฏคละเคล้ากันไป อย่าเผลอไปจดไปจำหลังองค์หนึ่งองค์ใด เพราะไม่มีเหมือนกันเลยแม้แต่องค์เดียว
เรื่องที่ต้องคุยทำความเข้าใจก็คือ หลังกระดานไม่มีในทฤษฎีครูตรียัมปวาย...แต่ถ้าจะเดาเอาหลังกระดานทฤษฎีใหม่ของเซียนสำนักท่าพระจันทร์ แม้ดูเป็นแผ่น เป็นร่อง ห่างกว่า ไปในแนวทางเดียวกับหลังกาบหมาก
...
ครูท่านว่า หลังกาบหมาก เป็นหลังพระสมเด็จวัดระฆังที่ต้องโฉลกที่สุด และหายากที่สุด
และพบทั้งหลังกาบหมาก ในแนวขวาง และแนวดิ่ง
ผมอ่านหลังกาบหมากแนวขวาง และแนวดิ่งมาตั้งแต่อ่านหนังสือปริอรรถาธิบายแห่งพระเครื่อง เล่มพระสมเด็จ...พิมพ์ใหม่หลังปี 2500 ไม่นานนัก จำได้ขึ้นใจ
แต่ไม่เคยพบหลังกาบหมาก (หรือหลังกระดาน) แนวดิ่งเลย เพิ่งมาพบในองค์นี้เอง
ถ้าเป็นแค่หลังกระดานในแนวดิ่งอย่างเดียว ก็อาจไม่สนิทใจ แต่ในหลังกระดานองค์นี้ มีริ้วรอยธรรมชาติอย่างอื่นผสม ทั้งรอยยุบรอยแยก รอยหนอนด้น ขอบก็สึกมน หลุดรุ่ย
รวมส่วนเนื้อที่นูนสึกช้ำ ตัดกับส่วนที่ลดระดับเป็นร่อง ผิวแป้งโรยพิมพ์ขาวคล้ำ เอาแว่นส่องหา ฝ้ารัก ชิ้นรักในหลุมในร่องก็ปรากฏ
พูดจาประสาเซียน ทุกส่วนสัมพันธ์ไปกันได้ ไม่สะดุดตาเลยแม้แต่นิดเดียว
วิถีเซียนพระสมเด็จ ไม่มีทางลัดเหมือนดูเหรียญจำตำหนิพิมพ์ก็ซื้อได้ต้องพยายามดูพระแท้ให้มากๆ ดูให้คุ้นตา ทั้งหน้าหลัง
เจอสภาพที่สะดุด แปลกตา ก็ต้องตีความให้แตก ถ้าเข้าทางพระแท้ ก็ต้องจำ
แต่ถ้าไปทางพระเก๊ ก็ต้องจำเหมือนกัน พระเก๊ฝีมือดีมากขึ้นทุกที เซียนสมเด็จซื้อตาเดียวนับวันก็เหลือน้อยคน ไม่จำเอาไว้ เผลอประมาทเมื่อไหร่ก็เสียเงิน.
พลายชุมพล