สายตาที่จริงจัง บวกกับน้ำเสียงที่จริงใจ ได้แทนความรู้สึกทั้งหมดที่มีของ 'แฟร้ง' สุวิจักขณ์ มูลแก้ว เด็กหนุ่มเมืองเหนือจากรั้วโรงเรียนวชิราลัย ที่หอบความฝันจากดอยสูงมุ่งสู่การเป็นนักเตะมืออาชีพ โชว์ฟอร์มอย่างน่าพอใจ จนทำให้ได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 16 แข้งเยาวชนเลสเตอร์ ในโครงการ Fox Hunt รุ่นที่ 2 และยังได้เดินทางลัดฟ้าไปฝึกทักษะที่ประเทศอังกฤษ

วันนี้ไทยรัฐออนไลน์จะมาเจาะลึกชีวิตและความคิดของเด็กหนุ่มคนนี้ พร้อมเปิดใจถึงอาการป่วยของคุณแม่ที่เป็นแรงผลักดันให้เขาสู้บนถนนสายนี้อย่างไม่ย่อท้อ ...

...

เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่เมื่อไร?

เริ่มเล่นตั้งแต่อนุบาล 2 ครับ เล่นกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้าน ครั้งแรกที่ได้รู้ว่าถูกคัดเลือก รู้สึกดีใจแล้วก็ตื่นเต้นครับ เหมือนความฝันเลย ผมอยากทำตามความฝันมานานแล้ว ผมไม่เคยคิดหรือฝันว่าจะมีชีวิตแบบนี้ครับ ตอนเด็กๆ ก็ฝันแค่ว่าอยากเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพ แล้วตอนนี้ก็ได้โอกาสนั้นแล้ว

เตรียมความพร้อมยังไงก่อนจะไป/พอไปถึงแล้วภาพแตกต่างจากที่เราคิดไว้ไหม

กลับไปบ้านผมก็วิ่งทุกวัน เช้า-เย็น เล่นฟิตเนสบ้างครับ พอไปถึงที่นั่นก็แตกต่างจากที่ผมคิดเยอะ อย่างอากาศที่นั่นก็หนาว สภาพสังคมก็ต้องปรับตัว เราเป็นคนไทยไปอยู่ที่นั่นก็ต้องพูดภาษาอังกฤษด้วย ถามว่าปรับตัวยังไง เขาก็มีครูไทยไปสอนภาษาอังกฤษครับ 1-2 ปีผมก็พอเข้าใจแล้วครับ

ฝึกซ้อมหนักแค่ไหน/ที่นั่นมีกฎเกณฑ์อะไรเป็นพิเศษ

ก็ต้องตั้งใจซ้อม เล่นให้เต็มที่ โชว์ฟอร์มตัวเองออกมาเยอะๆ ให้โค้ชเห็น

ผมมาไกลเกินฝันแล้ว
ผมมาไกลเกินฝันแล้ว

ระยะเวลา 2 ปีครึ่งที่อยู่ที่นั่น ทำอะไรบ้างและให้อะไรกับคุณบ้าง

เล่นฟุตบอลไปด้วยเรียนไปด้วย พอมีเวลาว่างก็เล่นฟิตเนสครับ ไปที่นั่นก็ได้ฝึกภาษา ได้เล่นฟุตบอลที่ผมชอบ ได้เยอะแยะเลยครับ (ยิ้ม)

สิ่งที่ยากที่สุดเมื่อไปอยู่ที่นั่นคือการเรียนและพูดภาษาอังกฤษ แฟร้งบอกอย่างนั้น

...

ผมว่าภาษาอังกฤษครับ แต่ก็มีครูไปสอน ผมก็พอพูดภาษาอังกฤษได้ สื่อสารได้ ถามว่าก่อนหน้านี้เคยท้อไหม ก็ท้อครับ แต่ผมอยากทำอนาคตของผมให้เป็นจริงมากกว่า

เก๊กๆซะหน่อย
เก๊กๆซะหน่อย

และเมื่อเราถามถึงตรงนี้ว่าท้อแล้วเล่าให้ใครฟัง หนุ่มแฟร้งถึงกับเสียงสั่นเครือทันที ตอบเราด้วยน้ำเสียงเครือๆ ว่า พ่อกับแม่ ทำให้เขาสู้และมีวันนี้ เป็นกำลังใจสำคัญของเขา

...

'ก็โทรหาพ่อแม่ หาพี่บ้าง เขาก็บอกให้สู้ๆ ไม่ต้องท้อ ให้อดทนครับ ผมก็บอกว่าไม่ต้องห่วงผมจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด'

ตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น มีเหตุการณ์ประทับใจอะไรบ้าง?

ได้ดูฟุตบอลฟีฟ่าที่สนามคิงเพาเวอร์ครับ ได้ดูว่าทีมมืออาชีพเขาเล่นกันยังไงครับ ได้ดูสดๆ ข้างสนามเลย

มองอนาคตครับ
มองอนาคตครับ

...

และเมื่อเราถามว่าก่อนที่แฟร้ง จะเดินทางมาสู่จุดนี้ได้ เจอกับอะไรมาบ้าง แฟร้งเล่าให้เราฟังแบบไม่อายเลยว่า 

เยอะครับ ฝึกหนัก มีรายการแข่งมาตลอด ก็โชว์ฟอร์มให้โค้ชได้เห็น ครอบครัวผมยากจน อยู่บนดอย พอผมมีโอกาสได้มาเรียนที่เขาสนับสนุนเรื่องกีฬา ผมได้โอกาสตรงนี้ก็จะทำให้ดีที่สุด 

ลีลาผมดีไหม
ลีลาผมดีไหม

สู้เพื่อแม่
สู้เพื่อแม่

ทราบว่าคุณแม่ป่วย?

แม่ผมเป็นเนื้องอกในสมอง อาการตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว พูดได้แต่เดินไม่ได้ ตอนกลางวันผมก็เอาน้ำให้แม่ ป้อนข้าวแม่ทุกวันครับ ก็ขอให้แม่หายไวๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิม (น้ำตาคลอ) แม่มีพ่อคอยดูแลอยู่ แต่หลังจากที่ผมเข้าโครงการนี้แล้วก็ได้มีโอกาสดูแลแม่น้อยลง แต่ก็บอกแม่ให้สู้ๆ

หลังจากกลับมาวางแผนในชีวิตไว้อย่างไรบ้าง

อยากสร้างบ้าน นำเงินมาเลี้ยงดูพ่อแม่ครับ อยากทำอะไรให้พ่อแม่ภูมิใจ

ทั้งนี้ แฟร้งเล่าถึงความฝันให้เราฟังในอนาคตว่าอยากไปให้ไกลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือการไปเล่นในลีกยุโรป นั่นเอง

ไทยรัฐออนไลน์ ขอเป็นกำลังใจส่วนเล็กๆให้น้องแฟร้งและครอบครัวด้วย ขอให้คุณแม่หายป่วยไวๆ ส่วนน้องแฟร้ง อนาคตนักฟุตบอลลีกยุโรปไม่ไกลเกินเอื้อม.