พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานแซม กรุวัดใหม่อมตรส ของ พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ.
ธรรมะสนามพระวิภาวดี อาทิตย์แรกของเดือน 9 มาจาก พระไพศาล วิสาโล ว่า รากเหง้าของความทุกข์ อยู่ที่ใจของเราเอง ไม่ได้อยู่ที่คนอื่น หากไม่แก้ที่ใจของตน จะไปไหนก็หนีทุกข์ไม่พ้น.....
แล้วก็ไปดูพระเครื่องกันต่อ องค์แรกคือ พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานแซม แขวงบางขุนพรหม ของ พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ ซึ่งได้จากรังพระเครื่องคุณภาพของ “พี่เขียว” พล.อ.พัฑฒะนะ พุธานานนท์ อีกแล้ว--ได้พระระดับนี้ จึงมีคนถามกันทั่วอยากรู้ว่าเป็นใคร ถึงบุกรังนี้ได้.....
สำหรับ พระสมเด็จฐานแซม องค์นี้ เป็นอีกองค์ที่รู้กันว่าเป็นองค์สุดหวงของ “พี่เขียว” เพราะได้รับยกย่องเป็นสุดยอด “พระสมเด็จ” องค์หนึ่ง นอกจากจะมีความงามพร้อมสรรพ ทั้งพิมพ์ทรงองค์พระ เส้นศิลป์ เนื้อมวลสาร ผิวพรรณวรรณะ สีเนื้อที่ขาวสะอาด และจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ รอยคอด ของ ขอบข้างตอนล่าง ที่เกิดจากการบีบจับองค์พระขณะเนื้อยังฉ่ำน้ำ ซึ่งภาษาวงการพระใช้คำว่า “แอ้ว” หมายถึงยุบสอบแคบ .....
...
แฟนคลับพระสมเด็จเห็นปุ๊บ จึงบอกได้ทันทีว่าเป็น องค์ “เซียนเขียว” และความงามของพระองค์นี้ ยังมีประเด็นให้ได้วิพากษ์กันเสมอ เพราะมีบ่อยครั้งที่หนังสือพระเครื่อง นำภาพไปลง บอกเป็น “พระวัดระฆังฯ”.....
ซึ่งก็ทำให้เกิดความสับสน เพราะคนรู้ จะบอกก็ไม่กล้า เกรงจะขัดผลประโยชน์โดยไม่เจตนา เพราะราคา วัดระฆังฯ กับ บางขุนพรหม ต่างกันลิบลิ่ว และไม่รู้จริงว่าพระอยู่กับใคร พูดไปเดี้ยวโดนอุ้ม ก็เลยเฉยกันมาตลอด.....
วันนี้มีความชัดเจนว่าตลอดเวลากว่า ๒๐ ปี พระยังไม่มีการเปลี่ยนมือ ยังอยู่กับเจ้าเดิม ที่เพิ่งจะมีผู้รับสืบทอดทั้งองค์พระและเจตนารมณ์ ในการเล่นหาสะสมอย่างรู้คุณค่า และยังเขียนมาชัดเจนว่าเป็น พระสมเด็จบางขุนพรหม จึงหมดปัญหา และเป็นการแสดงให้เห็นถึงสปิริตสุภาพบุรุษนักเลงพระ ที่ต้องสรรเสริญ.....
รายการที่สอง เป็น พระสมเด็จอรหัง พิมพ์เกศ อุณาโลม สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) วัดมหาธาตุฯ สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๔ ของกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ได้ชื่อเป็นพระอมตะเถราจารย์ ๔ แผ่นดิน.....
เพราะเกิดสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ สมัยกรุงศรีอยุธยา พ.ศ.๒๒๗๖ สิ้นพระชนม์สมัย ร.๓ พ.ศ.๒๓๖๕ รวมพระชันษา ๙๐ ปี.....
เดิมเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าหอย พระนครศรีอยุธยา เมื่อ ร.๑ ทรงทราบกิตติศัพท์ในการเป็นพระวิปัสสนาจารย์ผู้ทรงคุณด้านเมตตามหานิยม จึงเสด็จพิสูจน์ด้วยพระองค์เอง เห็น พระอาจารย์สุก มีวัตรปฏิบัติเป็นพระแท้ มีวิชาพุทธาคม เลี้ยงไก่ป่านับสิบให้เชื่องได้ ด้วยปั้นข้าวสุก เป่าเสก--จึงเกิดเป็นศรัทธา อาราธนานิมนต์ท่านมาเป็นพระอาจารย์ในพระองค์ ครองตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพลับ.....
ถึงสมัย ร.๒ ได้พระราชทานฐานา ขึ้นเป็นพระราชาคณะที่ พระญาณสังวร ต่อมา ในสมัย ร.๓ ได้รับสถาปนา เป็น สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร ประทับ ณ วัดมหาธาตุฯ ดำรงตำแหน่งอยู่ ๔ ปี.....
ท่านเป็นต้นตำรับวิชาสร้าง พระพิมพ์เนื้อผงพุทธคุณ พิมพ์พระประธาน ทรงสี่เหลี่ยมชิ้นฟัก ด้านหลังมีทั้งแบบหลังเรียบ จารอักขระลายมือ ใหญ่-เล็ก ภาษาบาลีคำว่า อรหัง และแบบแกะบล็อก ปั๊มจมลึกในเนื้อ เรียกว่า หลังโต๊ะกัง มอบเป็นที่ระลึก พร้อมนำส่วนบรรจุกรุ ครั้งรับสถาปนาเป็น สมเด็จพระสังฆราช เมื่อ พ.ศ.๒๓๖๓ นิยมเรียกกันว่า “พระสมเด็จ”.....
มี ๕ พิมพ์คือ ๑.สังฆาฏิ (เข่าตรง) ๒.พิมพ์ฐานคู่เข่าโค้ง ๓.พิมพ์เกศอุณาโลม(เปลวเพลิง) ๔.พิมพ์โต๊ะกัง (เนื้อแดง) ๕.พิมพ์เล็กเกศรัศมี (ประภา-มณฑล).....
ด้านหลังมีทั้ง หลังเรียบ แบบองค์นี้ หลังจารใหญ่–เล็ก และหลังแบบ ยันต์ปั๊ม (โต๊ะกัง).....
...
องค์นี้เป็น พิมพ์เกศอุณาโลม ที่คนในวงการ ยอมรับกันว่าเป็น พิมพ์นิยมหายากที่สุด ที่สำคัญเป็น องค์งามสุดของพิมพ์ ซึ่งเป็นพระตรงสเปกของ เสี่ยเพชร-อิทธิ ชวลิตธำรง ที่มีรสนิยมล้ำเลิศในการสะสม.....
อีกรายการเป็น พระรูปเหมือนหล่อโบราณ พิมพ์ขี้ตา 3 ชาย หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิจิตร ของ เสี่ยสมชัย นิพัธเจริญวงศ์ ที่มีการเคลื่อนไหวล่าสุด.....
เป็นพระสภาพเรียบร้อย สวยเดิม เนื้อโลหะมีประกายในเนื้อ ซอกส่วนลึกมีคราบขี้เบ้าจับแน่น บอกอายุความเก่า ด้านข้างมีตะเข็บแบบพระเทหล่อ ด้วยพิมพ์ประกบ ใต้ฐาน เนื้อโลหะมีลักษณะยุบตัวเป็นคลื่นเป็นแอ่ง บอกความเป็นพระเทหล่อทีละองค์ แบบโบราณ เหล่านี้ล้วนเป็นจุดสำคัญที่เป็นองค์ประกอบในการพิจารณาพระแท้....
ตามมาด้วย พระสมเด็จ งาแกะ ตะกรุด ๓ กษัตริย์ หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ อ.สามชุก สุพรรณบุรี พระเกจิชื่อก้องอีกองค์ของสุพรรณบุรี เป็นศิษย์ หลวงพ่อเนียม วัดน้อย หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า.....
ท่านมีเมตตาธรรมสูง ใช้วิชาพุทธาคมช่วยขจัดปัดเป่า ให้คนพ้นทุกข์พ้นภัยเป็นที่เชื่อถือ เคารพศรัทธา พระเครื่องของขลังที่ท่านสร้างไว้ แสดงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์อิทธิฤทธิ์ระดับปาฏิหาริย์ให้เล่าขานกันมาก.....
...
อย่าง ผ้ายันต์หงส์ทอง ที่กล่าวกันว่าร้านค้าใดมี จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ตะกรุด ๓ กษัตริย์ เป็นของขลังสร้างชื่อ ที่ท่านสร้างทุกพรรษา.....
และ พระพิมพ์สมเด็จงาแกะ ฝังตะกรุด องค์นี้เป็นของขลังสร้างพิเศษ ที่เจ้าของต้องนำงาช้างแกะสำเร็จ เซาะร่องมาให้ท่านบรรจุตะกรุด ปลุกเสกกำกับ พบเห็นจำนวนน้อย เพราะใครมีก็หวง ราคาอยู่ที่หลักหมื่น แต่ในพื้นถิ่น เคยซื้อขายกันหลักแสน .....
ต่อไปเป็น พระงบน้ำอ้อย พิมพ์สตางค์ ๑๐ เนื้อตะกั่ว หลวงพ่อเนียม วัดน้อย สุพรรณบุรี ปฐมาจารย์แห่งเมืองขุนแผน ศิษย์ก้นกุฏิอีกองค์ของ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี).....
เพราะเมื่อท่านบรรพชาเป็นสามเณร ได้ไปเรียนนักธรรมที่วัดมหาธาตุฯ โดยจำพรรษาที่วัดระฆังฯ ขณะสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เป็นเจ้าอาวาส (ตามหลักฐานภาพถ่าย ที่มี สามเณรน้อย อยู่ปรนนิบัติสมเด็จฯโตอย่างใกล้ชิด).....
เมื่ออายุครบบวช ท่านกลับมาอุปสมบทที่วัดป่าพฤกษ์ บ้านเกิด ทุกปี เมื่อออกพรรษา ท่านจะออกธุดงค์แสวงหาพระอาจารย์ เรียนวิชาพุทธาคม อยู่ถึงอายุ ๔๐ ปี จึงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดน้อย รักษาโรคภัย ด้วยว่านยาวิชาแพทย์แผนโบราณ ขจัดปัดเป่าทุกข์ภัย ด้วยพระธรรมคำสอน และวิชาพุทธาคมให้ชาวบ้าน จนมี ชื่อเสียงเป็นพระเรืองเวทย์วิทยาคม.....
จึงมีพระสงฆ์เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชามากมาย โดยเฉพาะพระเกจิเมืองสุพรรณ ยุคทันอายุท่านล้วนแต่เป็นศิษย์ ที่มีชื่อเสียงมากคือ หลวงพ่อโหน่ง วัดดอนมะดัน สุพรรณบุรี หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา.....
ท่านสร้าง พระ เครื่องเนื้อตะกั่ว สมนาคุณ ผู้ร่วม ปฏิสังขรณ์วัด ผู้ที่นำพระเครื่องไปใช้บูชา พบมีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ ด้านคุ้มครองป้องกันภัยสูง เล่ากันมาว่า ชาวนาโดนฟ้าผ่า เสื้อผ้าไหม้ แต่ผิวเนื้อร่างกายไม่เป็นไร มีเพียงหูที่อื้อตึงไปชั่วขณะ.....
...
ด้านมหาอุด ก็เป็นที่เลื่องลือขนาดมีสโลแกนว่า เคียวเกี่ยวข้าวไม่ได้กินเลือด ด้านเมตตาค้าขาย ได้รับการยืนยันจากเจ้าสัวเมืองสุพรรณ ว่าบรรพบุรุษศรัทธา หลวงพ่อเนียม และใช้พระเครื่องของท่าน ติดตัวไปทำมาค้าขาย ก็แคล้วคลาดปลอดภัย ค้าขายมีกำไร สร้างฐานะวงศ์ตระกูลได้มั่นคง.....
พิมพ์พระที่ได้รับความนิยมเล่น มาตรฐาน ก็เช่น ๑.พิมพ์เศียรโล้น ๒.เศียรแหลม ๓.งบน้ำอ้อย สตางค์ ๕ สตางค์ ๑๐ ๔.พิมพ์พระประธานเล็ก-ใหญ่ ๕.พิมพ์พระเจ้าห้าพระองค์ ๖.พิมพ์ถ้ำเสือ ๗.พิมพ์ปรุหนัง ส่วนเครื่องรางที่หากันมากคือ ตะกรุดลูกสะกด.....
องค์ในภาพนี้ของ เสี่ยฐิการ ศุภวิรัชบัญชา แห่ง The Apex Group เป็น พระพิมพ์งบน้ำอ้อย ที่มีสร้างเป็นสองขนาด ใหญ่–เล็ก เทียบกับเหรียญสตางค์ ๑๐ สตางค์ ๕ ปัจจุบันเป็นพิมพ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ควอลิตี้ดีเยี่ยมอย่างองค์นี้ราคาขึ้น หลักล้าน มานานแร้วจ้า.....
ตามมาด้วย เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๗๒ เนื้อเงิน หลวงปู่นาค วัดหัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ ของ เสี่ยพายุ บ้านวัชรสาร ร้านอาหารจิ๋มแดง เขาสามร้อยยอด .....
หลวงปู่นาค เป็นพระเกจิอาจารย์ ที่ รัชกาลที่ ๖ พระราชทานสิทธิพิเศษ ให้เข้าเฝ้าฯได้ตลอด ได้รับมอบหน้า ที่เป็นเจ้าพิธี ในการจัดสร้าง พระพิมพ์มฤคทายวัน เนื้อผงน้ำมัน ที่มีชื่อเสียงได้รับความนิยมสูง.....
ส่วน เหรียญรุ่นแรก นี้ จัดสร้างในคราวรับสมณศักดิ์ พระครูวิริยาธิการี เป็นเหรียญทรงเสมา ที่มีความประณีตงดงาม ได้รับความนิยมเป็นเหรียญพระเกจิอาจารย์อันดับ ๑ ของ จ.ประจวบฯ--เนื้อเงิน สภาพงามเยี่ยมระดับแชมป์ อย่างเหรียญนี้ เสี่ยพายุ บอกมาว่าจ่ายไปล้านกว่าๆ.....
อีกสำนักคือ เหรียญกงจักร สี่จุด หลังยันต์ พ.ศ.๒๔๙๙ หลวงปู่จ้อย วัดศรีอุทุมพร นครสวรรค์.....
ท่านเกิดที่ อ.ทับทัน จ.อุทัยธานี เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๖ มรณภาพเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๐ รวมอายุ ๙๔ ปี ๗๐ พรรษา.....
ท่านเป็นพระนักพัฒนา ถือสันโดษ เป็นศิษย์วัดระฆังฯรุ่นเดียวกับ หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ หลวงพ่อพิมพา วัดหนองตางู เรียนวิชากับพระเกจิฯยุคเก่า อาทิ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่าง หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อฉาบ วัดคลองจัน (วิชาลงลิ้นสาริกา) เรียนวิชามีดหมอ สิงห์งาแกะ จาก หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์.....
เหรียญนี้ เจ้าของคือ นายกเทศมนตรี จิตตเกษมณ์ นิโรจน์ธนรัฐ จัดสร้างเป็นเหรียญรุ่นแรก มีพุทธคุณสูง ประสบการณ์เด่นชัดด้านคุ้มครองป้องกันภัย ปัจจุบันเป็นเหรียญพระเกจิยุคกลาง ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของเมืองสี่แคว.....
สุดท้ายคือ พระพิฆเนศวร กะลาแกะ หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง นครปฐม ของ ขลังขึ้นชื่อสร้างน้อยหายากอีกชนิดหนึ่ง ที่ต้องพิจารณาความเก๊แท้ที่ศิลป์ฝีมือช่างและลายมือจารอักขระ.....
นัยว่าเป็นของขลังที่สร้างเฉพาะตัว โดยนำกะลาตาเดียว มาขอให้หลวงพ่อสร้าง โดยกำหนดรูปแบบให้ช่างประจำตัวหลวงพ่อ ที่เป็นคนแกะพระราหู ขึ้นรูปแกะลวดลาย.....
เสร็จเรียบร้อย จึงนำมาให้ หลวงพ่อน้อย ลงเหล็กจารอักขระพระคาถา (ลายมือเดียวกับพระราหู) ปลุกเสกจนท่านพอใจ จึงมอบให้เจ้าของไป ทุกวันนี้ คนหากันเยอะ สู้ราคาสูง แต่ไม่ค่อยมีการซื้อขาย เท่าที่พบเห็นจริงๆมีเพียง ๓ ชิ้น.....
ลากันด้วยเรื่องในสนามพระใหญ่ในกรุง ที่มืออาชีพคุยถึงอานุภาพพระเครื่อง ต่างกล่าวตรงกันเป็นเสียงเดียวว่า พระสมเด็จ มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ทั้งทางคุ้มครองป้องกันภัย ทางเมตตา มหานิยม มหาโชค มหาลาภ โดดเด่น คนมีใช้ได้เป็นเศรษฐีทุกคน เพราะองค์หนึ่งราคาสิบล้าน.....
คุยถึงตอนนี้ ก็มี มนุษย์ป้า ที่เอาพระมาขาย ได้ยินพอดี จึงเสนอขาย แต่ดูปร๊าดเดียว บอกได้ว่าเป็นพระเก๊ทั้งหมด จึงไม่มีใครซื้อไม่มีใครสน คุยกันต่อ.....
คุณป้าแกก็รมณ์เสีย พูดแทรกว่า สมเด็จฯโต ท่านมีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่านั้น ท่านช่วยให้ล่องหนหายตัวได้ มีเรื่องยืนยันชัดเจน.....
เซียนฟังแล้วสนใจ ถามว่าป้าเล่าประสบการณ์ให้ฟังได้ไหม ป้าบอกได้ แต่ต้องมีค่าเล่า แลกกับพระเก๊ของแก ๕๐๐ บาท ทุกคนอยากรู้ก็ตกลง.....
รับเงินปั๊บ ป้าก็เล่าว่า เรื่องเพิ่งเกิดขึ้น มีพยานรู้เห็นทั้งประเทศ ไม่ต้องใช้พระสมเด็จ เพราะเห็นไหม พอ นายกฯยิ่งลักษณ์ ไปไหว้รูปท่านที่วัดระฆังฯ ก็ล่องหน หายตัวได้ เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง