“หลอดเลือดแดงใหญ่ (Aorta)” เป็นหลอดเลือดที่สำคัญของร่างกาย เพราะเปรียบเสมือนท่อประปาหลัก ทำหน้าที่นำเลือดจากหัวใจไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย เช่น สมอง แขน ขา ไขสันหลัง และอวัยวะในช่องท้อง ซึ่งหากเกิดความผิดปกติของผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะโป่งพองจนแตกก็จะทำให้เสียชีวิตได้ และเป็นที่มาของ “โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง”
“โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง” เป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยนัก ซึ่งในประเทศไทยพบโรคนี้เพียง 5 คน จาก 1,000,000 คน และมักพบในผู้ป่วยเพศชายสูงอายุที่สูบบุหรี่ แต่เป็นโรคที่มีความรุนแรงมาก หากวินิจฉัยช้าและรักษาไม่ทัน คนไข้จะเสียชีวิตทันที
โรคนี้ส่วนใหญ่จะตรวจพบบริเวณช่องท้องมากถึง 75% และพบในช่องอกอีก 25% ซึ่งโดยปกติแล้ว หลอดเลือดแดงใหญ่ของคนเราจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 เซนติเมตร หากตรวจพบว่ามีขนาดโตขึ้นมากกว่าปกติ จะต้องเฝ้าระวังและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และถ้ามากกว่า 5.5 เซนติเมตรขึ้นไปก็ต้องรีบรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแตกซึ่งเป็นอันตราย
สาเหตุ
สาเหตุของ “โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง” เกิดจากความเสื่อมของผนังหลอดเลือดที่เป็นความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด หรือมีการอักเสบติดเชื้อ หรือมีการเสื่อมของผนังหลอดเลือดจากภาวะหลอดเลือดแข็ง ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดไม่แข็งแรง และเกิดการโป่งพอง
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค
คนที่มีความเสี่ยงที่จะเป็น “โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง” ได้แก่ คนที่มีความผิดปกติของผนังหลอดเลือดมาแต่กำเนิด ทำให้ผนังหลอดเลือดไม่แข็งแรง หรือเป็นโรค Marfan (คนไข้มักจะตัวสูงผิดปกติ นิ้วยาว มีสายตาผิดปกติ) คนที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ คนสูบบุหรี่ ผู้สูงอายุโดยเฉพาะเพศชาย ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุที่ทำให้ผนังหลอดเลือดเกิดความเสียหาย
...
อาการ
โรคนี้ในระยะแรกมักไม่มีอาการ แต่หากหลอดเลือดโป่งพองมาก จะเริ่มมีอาการปวดท้อง เจ็บแน่นหน้าอก กลืนลำบาก สะอึกผิดปกติ เป็นต้น
การวินิจฉัยโรค
แพทย์วินิจฉัยโรคจากการสอบถามประวัติ อาการ และตรวจร่างกายเพิ่มเติมร่วมกับการเอกซเรย์ทรวงอก อัลตราซาวนด์ช่องท้อง หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)

แนวทางการรักษา
- ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อชะลอการโป่งพองของหลอดเลือด และป้องกันไม่ให้แตก
- หากตรวจพบว่าหลอดเลือดแดงใหญ่มีขนาดมากกว่า 5.5 เซนติเมตร หรือเริ่มมีอาการปวด แพทย์จะทำการรักษาด้วยการผ่าตัดแบบเปิด (Open Surgery) โดยนำหลอดเลือดส่วนที่โป่งพองออก แล้วใส่หลอดเลือดเทียมลงไปทดแทน เพื่อให้เป็นท่อนำเลือดท่อใหม่ หรือผ่าตัดโดยการใส่หลอดเลือดเทียมชนิดหุ้มด้วยขดลวด (Stent Graft) เพื่อให้เลือดวิ่งผ่านหลอดเลือดนี้แทน และไม่ซึมออกไปบริเวณที่โป่งพองอีก ซึ่งการที่จะเลือกผ่าตัดด้วยวิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับตำแหน่ง และลักษณะของหลอดเลือดที่โป่งพอง รวมทั้งสภาพร่างกายผู้ป่วย
การป้องกัน
ควรเช็กสุขภาพทุกปี แต่ถ้าอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปหรือมีประวัติสูบบุหรี่ ควรอัลตราซาวนด์ช่องท้องเพิ่มเติมทุกราย และลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ได้แก่ งดสูบบุหรี่ ควบคุมไขมัน ตรวจเช็กความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อป้องกันไม่ให้หลอดเลือดแดงเกิดความผิดปกติ
------------------------------------------------------------------
แหล่งข้อมูล : รศ.นพ.ทศพล ลิ้มพิจารณ์กิจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ สาขาอายุรศาสตร์โรคหัวใจ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ขอขอบคุณ : ภาพประกอบจาก https://pixabay.com/