สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 กลับมาปกคลุมประเทศไทยอีกครั้ง จนมีรายงานค่าฝุ่นในระดับ "Unhealthy for Sensitive Groups" คือ "ไม่ดีต่อสุขภาพ" โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่มีการจราจรหนาแน่น การก่อสร้างต่างๆ และมลพิษ ฝุ่น ควัน ที่ทำให้ดัชนีคุณภาพอากาศ อยู่ในระดับเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ฝุ่น PM 2.5 ก่อให้เกิดโรคอะไรบ้าง
1. โรคระบบทางเดินหายใจ
ฝุ่น PM 2.5 เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดและกระตุ้นการเกิดโรคทางเดินหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบ หอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง ถุงลมโป่งพอง และความเสี่ยงจะเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มผู้สูบบุหรี่ ผู้ใช้สารเสพติด และผู้ที่ต้องปฏิบัติงานกลางแจ้งเป็นประจำ
2. โรคภูมิแพ้-โรคผิวหนังอักเสบ
ฝุ่น PM 2.5 สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้และทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบหรือระคายเคืองได้ ซึ่งเกิดได้ทั้งเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว
3. โรคตาอักเสบและระคายเคือง
ฝุ่น PM 2.5 สามารถเกาะที่ดวงตาและเยื่อบุตา ทำให้เกิดอาการระคายเคือง คันตา แสบตา น้ำตาไหล หรือเยื่อบุตาอักเสบได้
4. โรคหัวใจ หลอดเลือด และสมอง
ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือด ทำให้หลอดเลือดเกิดการอักเสบและทำงานผิดปกติ จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อ โรคหัวใจขาดเลือด และ โรคหลอดเลือดสมอง
5. โรคมะเร็งปอด
...
การสัมผัสฝุ่น PM 2.5 เป็นเวลานาน เพิ่มความเสี่ยงของการเกิด มะเร็งปอด ประมาณ 1–1.4 เท่า เมื่อได้รับมลพิษอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในผู้ที่สูบบุหรี่หรือผู้ที่อาศัยในพื้นที่ที่มีมลพิษสูงเป็นประจำ
การป้องกันและปฏิบัติตัวในสถานการณ์ PM 2.5
- เมื่อมีสถานการณ์ฝุ่นฯ ให้อยู่ภายในอาคาร จัดพื้นที่ให้ระบายอากาศได้ดี ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ หลีกเลี่ยงการออกนอกบริเวณอาคาร
- เมื่อต้องออกเดินทางในพื้นที่กลางแจ้งให้สวมหน้ากากอนามัย ที่มีคุณสมบัติป้องกันฝุ่นที่มีมาตรฐาน (เช่น N95) โดยเฉพาะในวันที่ค่าฝุ่นสูงและอากาศปิด
- ติดตามค่าคุณภาพอากาศ ผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ เพื่อตรวจสอบและวางแผน
- ในวันที่ค่าฝุ่นสูงควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย
- งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสอง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายที่แข็งแรง
- ปรึกษาแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติ เช่น ระคายเคืองทางเดินหายใจ หายใจลำบาก หรือไอเรื้อรัง หอบเหนื่อย ควรไปพบแพทย์ทันที
PM2.5 เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งปอดอย่างไร
- ขนาดของฝุ่น เล็กกว่า 2.5 ไมครอน เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ เมื่อเราสูดหายใจเข้าไป PM 2.5 จะซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ การสะสมของฝุ่นทำให้เกิดการอักเสบในเนื้อเยื่อปอดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เซลล์ผิดปกติได้
- ฝุ่นก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในปอด การสูดดม PM 2.5 เป็นเวลานานอาจทำให้เกิด และทำลาย DNA ในเซลล์ ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของยีน กระตุ้นให้เกิดมะเร็งปอดในที่สุด
- ฝุ่นประกอบด้วยสารก่อมะเร็ง ฝุ่นชนิดนี้มีสารเคมีอันตรายหลายชนิดเกาะอยู่ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในระยะยาว โดยจะเข้าไปขัดขวางกลไกตามธรรมชาติของร่างกายในการซ่อมแซมเซลล์
การตรวจคัดกรอง - ประเมินความเสี่ยงมะเร็งปอดจาก PM 2.5
กลุ่มเสี่ยง คือ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง (โรคปอด หัวใจ สมอง ไต) ผู้สัมผัสสารก่อมะเร็ง ควรหลีกเลี่ยงมลพิษฝุ่นควัน และหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อตรวจคัดกรองและป้องกันมะเร็งปอดในเบื้องต้น
สำหรับกลุ่มเสี่ยงมะเร็งปอด แนะนำให้ตรวจคัดกรองมะเร็งปอด (Low-dose CT scan) คือ ผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือสูบบุหรี่ติดต่อกันนาน ก็ควรมาตรวจติดตาม เพื่อลดความเสี่ยงมะเร็งปอดจาก PM 2.5 หากสังเกตอาการตนเองและมีความกังวลเรื่องสุขภาพปอด ควรรีบมาพบแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำและการดูแลที่เหมาะสม
บทความโดย พญ.ญาณิศา เกลื่อนวัน แพทย์อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล (WMC)