การให้ลูกน้อยได้รับวัคซีนตามกำหนดเป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อให้ลูกเติบโตอย่างแข็งแรง แต่คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่า นอกเหนือจาก “วัคซีนพื้นฐาน” ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้เด็กไทยทุกคนได้รับแล้ว ยังมี “วัคซีนเสริม” หรือ “วัคซีนทางเลือก” ที่เข้ามาเติมเต็มเกราะป้องกันให้ลูกน้อยของเราครอบคลุมจากโรคต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น
วัคซีนเสริม คืออะไร? แตกต่างจากวัคซีนพื้นฐานอย่างไร?
เพื่อให้เข้าใจอย่างชัดเจน ควรทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างวัคซีนทั้งสองกลุ่มก่อน
- วัคซีนพื้นฐาน (Compulsory Vaccines / Routine Vaccines)
คือ วัคซีนที่อยู่ในแผนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศ จำเป็นและแนะนำให้เด็กไทยทุกคนได้รับ เพื่อป้องกันโรคติดต่อที่เป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญและลดความรุนแรงของโรค เช่น วัคซีน BCG (วัณโรค), ตับอักเสบบี, คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน, โปลิโอ, หัด-หัดเยอรมัน-คางทูม เป็นต้น
- วัคซีนเสริม หรือ วัคซีนทางเลือก (Optional Vaccines)
คือ วัคซีนที่ไม่ได้อยู่ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคหลักของกระทรวงสาธารณสุข แต่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคอื่นๆ หรือป้องกันโรคกลุ่มเดียวกับวัคซีนหลักแต่มาในรูปแบบที่ลดผลข้างเคียง ผู้ปกครองสามารถ เลือก หรือปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาให้ลูกได้รับเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มการป้องกันโรคให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
...
ทำไมวัคซีนเสริมถึงสำคัญต่อการปกป้องลูกน้อย?
การฉีด วัคซีนเสริม เปรียบเสมือนการติดตั้ง “เกราะป้องกันชั้นที่สอง” ให้ลูกน้อยมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยมีเหตุผลสำคัญ ดังนี้
1. ป้องกันโรคที่พบได้บ่อยและก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
วัคซีนเสริมหลายชนิดช่วยป้องกันโรคที่แม้จะไม่ใช่โรคที่เกิดการระบาดใหญ่ระดับชาติ แต่เป็นโรคที่พบได้บ่อย ในเด็กเล็ก และอาจมี ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น
- วัคซีนนิวโมคอคคัส (PCV) ป้องกันโรคติดเชื้อจากเชื้อนิวโมคอคคัส ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของ ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ และภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดในเด็กเล็ก
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Influenza) ป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ซึ่งมักมีอาการรุนแรงและนำไปสู่ภาวะปอดบวม โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี
2. เสริมเกราะป้องกันที่เหนือกว่าวัคซีนพื้นฐานในบางกรณี
วัคซีนเสริมเป็นวัคซีนที่ป้องกันโรคกลุ่มเดียวกับวัคซีนหลัก
- วัคซีนรวมชนิดไร้เซลล์ (DTaP/DTaP-IPV-Hib–HepB) เป็นวัคซีนรวมคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (และอาจรวมกับโปลิโอ ฮิบ ตับอักเสบบี) ชนิดที่ลดผลข้างเคียง (เช่น ไข้ อาการปวดบวม) ได้ดีกว่าวัคซีนชนิดเต็มเซลล์ที่ใช้ในวัคซีนพื้นฐานบางตัว ทำให้ลูกน้อยสบายตัวหลังฉีดมากขึ้น
3. ป้องกันโรคนอกเหนือแผนที่พบในพื้นที่เสี่ยง
วัคซีนเสริมบางชนิดช่วยป้องกันโรคที่มีความเสี่ยงตามพื้นที่หรือพฤติกรรมเฉพาะ เช่น
- วัคซีนตับอักเสบเอ (Hepatitis A) สำหรับเด็กที่ต้องเดินทางบ่อย หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีสุขอนามัยไม่ดี
- วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส (Varicella) ช่วยลดโอกาสการเป็นโรคและลดความรุนแรงของโรคได้ (แม้จะไม่รุนแรงแต่การเป็นในวัยเด็กจะเพิ่มความเสี่ยงโรคงูสวัดในอนาคต)
- วัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปาก (EV71) สำหรับป้องกันเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 ซึ่งมีความเสี่ยงทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น สมองอักเสบ
...
ข้อแนะนำสำหรับพ่อแม่มือใหม่
การตัดสินใจให้ลูกได้รับ วัคซีนเสริม เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละครอบครัว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง (กุมารแพทย์)
- ปรึกษาแพทย์ พูดคุยกับกุมารแพทย์ถึงความเสี่ยงของลูกน้อย (เช่น การเข้าเนอสเซอรี่ การเดินทาง) และพิจารณาความจำเป็นของวัคซีนแต่ละชนิด
- จัดตารางเวลา วางแผนการฉีดวัคซีนเสริมร่วมกับวัคซีนพื้นฐาน เพื่อให้ลูกได้รับภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่องและครบถ้วนตามช่วงอายุที่เหมาะสม
วัคซีนเสริม คือ การลงทุนด้านสุขภาพที่ดีที่สุดของลูกน้อยในระยะยาว คือการป้องกันที่ดี การให้ วัคซีนเสริม จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า เพื่อให้ลูกน้อยของคุณมี สุขภาพแข็งแรง เติบโต และมีพัฒนาการสมวัย พร้อมเผชิญโลกกว้างได้อย่างเต็มที่
ข้อมูลโดย : พญ. เรณุกา จรัสพงศ์พิสุทธิ์ กุมารแพทย์เฉพาะทางโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลพญาไท 2